พอดีอยากทราบความคิดเห็นค่ะ ว่าเพื่อนๆในพันทิป เคยประสบเจอเจ้านายที่แย่ หรือ เลวร้ายกว่านี้หรือเปล่า
เริ่มเล่าเลยนะค่ะ บริษัทที่เราทำเป็นบริษัทที่นำเข้ายา เพื่อมาขายในประเทศไทย. เราทำที่นี่ได้ 1 ปีกว่าแล้ว ก่อนที่จะมา มีคนเตือนแล้วว่าเจ้านายนิสัยแย่นะ แต่เราไม่ฟังเพราะเราคิดว่ามุมมองคนเราไม่เหมือนกัน คงไม่มีใครแย่ขนาดนั้นหรอก. เราเลยตกลงที่จะมาทำ. ระยะแรกเราทำทุ่มเทเต็มที่ เจ้านายก็ดูดี ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่มีคนเตือนเลย แค่ติดตรงที่เจ้านายขี้หงุดหงิด(เป็นลูกคนเล็ก) ขี้โมโห ชอบโวยวาย เสียงดัง บางครั้งอารมณ์หลุด ก็จะขึ้นกู และก็ลงท้ายด้วยคำด่าว่า "ควาย". ครั้งแรกที่โดน ก็พยายามคิดว่าเค้านิสัยอย่างนั้นไม่มีอะไรหรอก แค่อาจจะเป็นคนที่มีสังคมน้อย มีเพื่อนน้อย เลยไม่รู้จักวางตัว. คำว่า "ควาย" เป็นแค่คำพูดติดปากเหมือนคำอุทานไม่มีความหมายอะไร เวลาโดนด่า(ซึ่งหลายครั้งเราไม่ผิด) ก็จะปล่อยผ่านไป บางครั้งก็ขำๆ ว่าตรูโดนอีกละอะไรอย่างนี้ แต่พอเวลาผ่านไป ธาตุแท้ของเค้าก็เริ่มเผยมากขึ้น เริ่มไม่มีเหตุผล ใช้แต่อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ยิ่งเห็นนิ่งไม่มีอาการยิ่งได้ใจ จากเมื่อก่อนเดือนละครั้ง สองครั้ง กลายเป็นวันเว้นวัน แถมยังใช้พนักงานอย่างทาส ไม่มีความจริงใจให้พนักงาน โดยเราจะสรุปเรื่องแย่ๆ ของเค้าดังนี้
1. บริษัทไม่จ้างพนักงานทำความสะอาด ให้พนักงานออฟฟิศ ทำกันเอง แม้แต่กระทั่งล้างหัองน้ำ
2. ใช้พนักงานเหมือนคนใช้ ตั้งแต่หาน้ำให้กิน ให้ไปเอาของ-เอาของไปเก็บในรถ ติดต่อประสานงานกับทางบริษัทบัตรเครดิตส่วนตัว ให้กรอกประวัติในกระดาษที่เป็นเรื่องส่วนตัวทุกอย่าง แม้ขนาดจะไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัวยังจะต้องให้พนักงานกรอกให้ทั้งครอบครัว
3. แสดงถึงความมีน้ำใจ โดยการเอาของเหลือ ของหมดอายุจากที่บ้านมาให้พนักงานกิน โดยเฉพาะผลไม้ และขนมปัง ร้ายแรงสุดไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวซื้อของฝากมาให้พนักงานเป็นช็อคโกแล็ตที่หมดอายุไปเกือบปี(มีป้ายติดตราร้านปลอดภาษีที่สนามบินบ้านเรา มีวันเดือนปีที่หยุดอายุ คาดว่าซื้อนานแล้วแต่กินไม่ทันพอดีไปเที่ยวเลยทำทีเป็นซื้อของมาฝาก ซึ่งบอกเลยพนักงานในบริษัทไม่เคยคิดอยากจะได้) จากข้อนี้ทำให้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องโบนัส และ เงินเดือนขึ้น บอกเลยว่า ไม่มี
4. ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ตลอด ไม่ว่าจะถูกหรือผิด จะไม่สามารถชี้แจงหรืออธิบายเรื่องใดๆได้ เพราะถ้าเจ้านายมองว่าผิดคือเราผิดจะไม่ฟังเหตุผลใดๆ และไม่ฟังให้จบจะสรุปตามที่ใจคิดทันที แล้วก็จะขุดแต่เรื่องที่เค้าคิดไปแล้วคอยมาด่า ในคำด่าที่ต้องฟัง มีทั้งควาย บื้อ เชี่ย ฯลฯ ด่าตรงไม่ได้ก็คอยกระแนะกระแหนตลอด พอโดนเถียงจนจนมุมก็จะแถด้วยคำว่า กรุไม่รู้. กรุไม่เข้าใจ
5. หูเบา โลเล เหมือนไผ่ลู่ลม เวลาลูกน้องมีปัญหากัน ไม่เคยเอามานั่งคุยกันเพื่อเคลียร์ปัญหา คอยแต่จะฟังคนนั้นที ก็เชื่อว่าคนนี้ผิด พอฟังคนนี้ก็ว่าคนนั้นผิด เป็นอย่างนี้ตลอดและแถมยังคอยยุให้ลูกน้องทะเลาะกัน เพื่อตัวเองจะได้ผลประโยชน์ (ไม่อยากให้สมัคคีกันกลัวรวมหัวกันโกงบริษัท ทั้งๆที่ไม่มีใครทำและคิดอยากจะทำ)
6. ไม่เคยจำอะไรได้เลยแต่ละอย่างต้องจำให้ พูดอะไรไม่เคยจำในสิ่งที่ตัวเองพูด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายหรืออะไรต่างๆ ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ก็บอกว่าคุย เรื่องที่เคยบอกว่าคุยเคยรับปากถ้าเสียผลประโยชน์ก็จะพูดแต่ กรุไม่รู้ กรุไม่รู้เรื่อง กรุจำไม่ได้ และ กรุไม่เคยผิด
7. ไม่มีความซื่อสัตย์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและไร้ซึ่งจรรยาบรรณ. ไม่ว่าจะต่อลูกจ้าง ต่อสังคม หรือต่อประเทศชาติ
เราสรุปสิ่งที่เราเจอมา1 ปีกว่าๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเจอแรงกว่านี้ไหม ถ้ามีเราจะได้ดีใจว่ามีคนที่แย่กว่าเรา เราจะได้ทำใจและทนต่อไป. แต่ถ้าทนไม่ไหวก็คงต้องหางานใหม่ คงบายละพอกันที
เพื่อนๆเคยเจอเจ้านายสุดทีนนนนนนน อย่างนี้ไหม
เริ่มเล่าเลยนะค่ะ บริษัทที่เราทำเป็นบริษัทที่นำเข้ายา เพื่อมาขายในประเทศไทย. เราทำที่นี่ได้ 1 ปีกว่าแล้ว ก่อนที่จะมา มีคนเตือนแล้วว่าเจ้านายนิสัยแย่นะ แต่เราไม่ฟังเพราะเราคิดว่ามุมมองคนเราไม่เหมือนกัน คงไม่มีใครแย่ขนาดนั้นหรอก. เราเลยตกลงที่จะมาทำ. ระยะแรกเราทำทุ่มเทเต็มที่ เจ้านายก็ดูดี ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่มีคนเตือนเลย แค่ติดตรงที่เจ้านายขี้หงุดหงิด(เป็นลูกคนเล็ก) ขี้โมโห ชอบโวยวาย เสียงดัง บางครั้งอารมณ์หลุด ก็จะขึ้นกู และก็ลงท้ายด้วยคำด่าว่า "ควาย". ครั้งแรกที่โดน ก็พยายามคิดว่าเค้านิสัยอย่างนั้นไม่มีอะไรหรอก แค่อาจจะเป็นคนที่มีสังคมน้อย มีเพื่อนน้อย เลยไม่รู้จักวางตัว. คำว่า "ควาย" เป็นแค่คำพูดติดปากเหมือนคำอุทานไม่มีความหมายอะไร เวลาโดนด่า(ซึ่งหลายครั้งเราไม่ผิด) ก็จะปล่อยผ่านไป บางครั้งก็ขำๆ ว่าตรูโดนอีกละอะไรอย่างนี้ แต่พอเวลาผ่านไป ธาตุแท้ของเค้าก็เริ่มเผยมากขึ้น เริ่มไม่มีเหตุผล ใช้แต่อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ยิ่งเห็นนิ่งไม่มีอาการยิ่งได้ใจ จากเมื่อก่อนเดือนละครั้ง สองครั้ง กลายเป็นวันเว้นวัน แถมยังใช้พนักงานอย่างทาส ไม่มีความจริงใจให้พนักงาน โดยเราจะสรุปเรื่องแย่ๆ ของเค้าดังนี้
1. บริษัทไม่จ้างพนักงานทำความสะอาด ให้พนักงานออฟฟิศ ทำกันเอง แม้แต่กระทั่งล้างหัองน้ำ
2. ใช้พนักงานเหมือนคนใช้ ตั้งแต่หาน้ำให้กิน ให้ไปเอาของ-เอาของไปเก็บในรถ ติดต่อประสานงานกับทางบริษัทบัตรเครดิตส่วนตัว ให้กรอกประวัติในกระดาษที่เป็นเรื่องส่วนตัวทุกอย่าง แม้ขนาดจะไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัวยังจะต้องให้พนักงานกรอกให้ทั้งครอบครัว
3. แสดงถึงความมีน้ำใจ โดยการเอาของเหลือ ของหมดอายุจากที่บ้านมาให้พนักงานกิน โดยเฉพาะผลไม้ และขนมปัง ร้ายแรงสุดไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวซื้อของฝากมาให้พนักงานเป็นช็อคโกแล็ตที่หมดอายุไปเกือบปี(มีป้ายติดตราร้านปลอดภาษีที่สนามบินบ้านเรา มีวันเดือนปีที่หยุดอายุ คาดว่าซื้อนานแล้วแต่กินไม่ทันพอดีไปเที่ยวเลยทำทีเป็นซื้อของมาฝาก ซึ่งบอกเลยพนักงานในบริษัทไม่เคยคิดอยากจะได้) จากข้อนี้ทำให้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องโบนัส และ เงินเดือนขึ้น บอกเลยว่า ไม่มี
4. ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ตลอด ไม่ว่าจะถูกหรือผิด จะไม่สามารถชี้แจงหรืออธิบายเรื่องใดๆได้ เพราะถ้าเจ้านายมองว่าผิดคือเราผิดจะไม่ฟังเหตุผลใดๆ และไม่ฟังให้จบจะสรุปตามที่ใจคิดทันที แล้วก็จะขุดแต่เรื่องที่เค้าคิดไปแล้วคอยมาด่า ในคำด่าที่ต้องฟัง มีทั้งควาย บื้อ เชี่ย ฯลฯ ด่าตรงไม่ได้ก็คอยกระแนะกระแหนตลอด พอโดนเถียงจนจนมุมก็จะแถด้วยคำว่า กรุไม่รู้. กรุไม่เข้าใจ
5. หูเบา โลเล เหมือนไผ่ลู่ลม เวลาลูกน้องมีปัญหากัน ไม่เคยเอามานั่งคุยกันเพื่อเคลียร์ปัญหา คอยแต่จะฟังคนนั้นที ก็เชื่อว่าคนนี้ผิด พอฟังคนนี้ก็ว่าคนนั้นผิด เป็นอย่างนี้ตลอดและแถมยังคอยยุให้ลูกน้องทะเลาะกัน เพื่อตัวเองจะได้ผลประโยชน์ (ไม่อยากให้สมัคคีกันกลัวรวมหัวกันโกงบริษัท ทั้งๆที่ไม่มีใครทำและคิดอยากจะทำ)
6. ไม่เคยจำอะไรได้เลยแต่ละอย่างต้องจำให้ พูดอะไรไม่เคยจำในสิ่งที่ตัวเองพูด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายหรืออะไรต่างๆ ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ก็บอกว่าคุย เรื่องที่เคยบอกว่าคุยเคยรับปากถ้าเสียผลประโยชน์ก็จะพูดแต่ กรุไม่รู้ กรุไม่รู้เรื่อง กรุจำไม่ได้ และ กรุไม่เคยผิด
7. ไม่มีความซื่อสัตย์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและไร้ซึ่งจรรยาบรรณ. ไม่ว่าจะต่อลูกจ้าง ต่อสังคม หรือต่อประเทศชาติ
เราสรุปสิ่งที่เราเจอมา1 ปีกว่าๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเจอแรงกว่านี้ไหม ถ้ามีเราจะได้ดีใจว่ามีคนที่แย่กว่าเรา เราจะได้ทำใจและทนต่อไป. แต่ถ้าทนไม่ไหวก็คงต้องหางานใหม่ คงบายละพอกันที