1. คุณต้องทราบน้ำหนักของ ๆ คุณค่ะ บวกกับกล่องและน้ำหนักการแพ็คของ ถ้าไม่รู้ หยิบของ ๆ คุณมาแพ็คคร่าว ๆ และชั่งน้ำหนักค่ะ มีหลายชิ้น ก็ต้องกะน้ำหนักเอาค่ะ ถ้าไม่รู้ก็ยอมเสียเวลาชั่งค่ะ ได้น้ำหนักแล้วก็เช็คที่เว็บไปรษณีย์ไทยค่ะ จะบวกกำไรค่าส่งหรือค่าน้ำมันอะไร ก็แล้วแต่คุณค่ะ คนส่วนใหญ่คิดค่าส่งราคาเดียว เพราะมันสะดวกหรือไม่ก็ขี้เกียจคิด

2. ก็แล้วแต่คุณ และคนซื้อค่ะ ว่าจะเค้ายอมจ่ายค่าส่งราคาแพงไหม เอกชนมันแพงกว่าเยอะจริง ๆ ค่ะ ส่งไปนอกยิ่งแพงค่ะ ส่วนเรื่องภาษีเนี่ย ตามปกติคนซื้อจะเป็นคนรับผิดชอบค่ะ ตรงนี้คุณต้องเขียนระบุไปใน Policy ของร้านคุณด้วยว่าคนซื้อรับผิดชอบ แล้วภาษีเท่าไหร่เนี่ย ไม่มีใครทราบค่ะ มันต้องอิงตามแต่ละประเทศ ต้อง google หาเอาค่ะว่าที่ไหนห้ามนำเข้าอะไรบ้าง เสียภาษีเท่าไหร่บ้าง หรือซื้อของราคาเท่าไหร่แล้วต้องโดนภาษี แบบบ้านเราที่ซื้อของจากนอกมาเกิน 1000 บาทแล้วโดนภาษีน่ะค่ะ ดิฉันมีลูกค้าจากเดนมาร์ก เค้าเคยบอกว่าลิมิตเค้าคือประมาณ $18 ค่ะ แต่นี่ก็หลายปีแล้ว ไม่รู้ขึ้นหรือลงเป็นเท่าไหร่แล้ว

3. ใบ EMS ต่างประเทศนี่ ขอจากไปรษณีย์มาติดบ้านไว้สองสามใบก็ได้ค่ะ มันต้องกรอกฟอร์มด้วยน่ะค่ะ เวลาไปส่งจริงจะได้ไม่เสียเวลานัก แต่ถ้าส่งในประเทศหรือพวกเลขลงทะเบียนเนี่ย ปกติเค้าไม่ค่อยให้กัน ยกเว้นคุณจะส่งของประจำ โผล่หน้าเป็นประจำจนพนักงานจำได้ และคุณส่งของคราวละเป็นสิบ ๆ กล่อง อันนี้ลองขอได้ค่ะ เค้าจะให้มาเป็นแผ่น ติดกล่องเอาไว้เพื่อความรวดเร็วเวลาส่งของค่ะ