ค่าโทรและเน็ตแบบเติมเงินเทียบกับรายได้ของคนอาเซียนพบค่าโทรในไทยถูกเป็นอันดับสาม



เลขาธิการ กสทช.เผย ไตรมาส 2 ปี 2558 ค่าโทรและเน็ตแบบพรีเพด Prepaid เทียบกับรายได้ของคนอาเซียนพบค่าโทรในไทยถูกเป็นอันดับสามรองจากบรูไน และสิงคโปร์ ส่วนค่าเน็ต บรูไน คว้าอันดับหนึ่งถูกสุด 25 สตางค์ต่อเมกะไบต์

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. สำรวจอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน หรือพรีเพด (Prepaid) ของผู้ให้บริการรายใหญ่ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 1 ถึง 4 ของแต่ละประเทศในอาเซียนประจำไตรมาสที่สองของปี 2558 พบว่า ประเทศไทยมีอัตราค่าบริการถูกเป็นอันดับสามรองจากประเทศบรูไนและสิงคโปร์เมื่อเทียบกับรายได้ต่อเดือนของประชากร โดยมีอัตราค่าบริการเฉลี่ยจากโปรโมชั่นที่เข้าถึงง่ายที่สุดเท่ากับ 55 สตางค์ต่อนาที ขณะที่ประเทศกัมพูชาคิดค่าโทร นาทีละ 2.32 บาท

สำนักงาน กสทช. ได้จัดลำดับอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน โดยเน้นที่โปรโมชั่นที่เข้าถึงง่ายโดยทั่วกันในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เทียบกับรายได้ของประชากรในประเทศนั้นๆ ประเทศที่มีรายได้น้อยถือว่ามีอัตราค่าบริการแพงกว่าประเทศที่มีรายได้สูงกว่า ทั้งนี้ ประเทศสิงคโปร์มีค่าบริการโดยเฉลี่ยถูกที่สุด เท่ากับร้อยละ 0.0021 ของรายได้ต่อเดือนของประชากร บรูไนถูกเป็นอันดับสอง คิดเป็นร้อยละ 0.0022 ของรายได้ต่อเดือน ตามด้วยไทยเป็นอันดับสาม คิดเป็นร้อยละ 0.0036 ของรายได้ต่อเดือน มาเลเซียอันดับสี่ ร้อยละ 0.0043 อินโดนีเซียอันดับห้า ร้อยละ 0.0227 เมียนมาร์อันดับหก ร้อยละ 0.0328 เวียดนามอันดับเจ็ด ร้อยละ 0.0364 ฟิลิปปินส์อันดับแปด ร้อยละ 0.0559 ลาวอันดับเก้า ร้อยละ 0.0656 และประเทศกัมพูชาแพงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.0823 ของรายได้ต่อเดือน

ในส่วนของอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มอาเซียนนั้น สำนักงาน กสทช. พบว่าประเทศบรูไนมีค่าบริการถูกที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.0002 ของรายได้ต่อเดือนของประชากร ตามด้วยสิงคโปร์ ร้อยละ 0.0003 อินโดนีเซียอันดับสาม ร้อยละ 0.0006 ในขณะที่ไทยเป็นอันดับสี่ คิดเป็นร้อยละ 0.0009 ของรายได้ต่อเดือน มาเลเซียอันดับห้า ร้อยละ 0.0012 ลาวอันดับหก ร้อยละ 0.0013 เวียดนามอันดับเจ็ด ร้อยละ 0.0021 ฟิลิปปินส์อันดับแปด ร้อยละ 0.0025 กัมพูชาอันดับเก้า ร้อยละ 0.0027 และประเทศเมียนมาร์แพงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.0034 ของรายได้ต่อเดือน

นายฐากร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าประชาชนในประเทศที่มีรายได้ต่อเดือนสูง เช่น ชาวสิงคโปร์ ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอาเซียนประมาณ 4 เท่า และบรูไน สูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 3 เท่า จะมีค่าโทรและเน็ตถูก ในขณะที่ประชาชนในประเทศที่รายได้ต่อเดือนต่ำ เช่น กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว จะมีค่าโทรและเน็ตแพง อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศเมียนมาร์ พบว่ามีการทำตลาดด้วยวิธีการลดราคาให้ต่ำหรือทุ่มตลาด ทำให้ค่าโทรถูกเมื่อเทียบกับรายได้ต่อเดือน

เพราะฉะนั้น หากมองว่าอัตราค่าบริการทั้งค่าโทรและเน็ตเป็นภาระทางการเงินต่อรายได้แล้ว การจะทำให้ภาระดังกล่าวลดน้อยลงวิธีหนึ่งคือการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเน้นให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้นควบคู่ไปกับการส่งเสริมการแข่งขันในตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งในปัจจุบันอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งบริการประเภทเสียงและข้อมูลมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงอยู่แล้ว เมื่อคนมีรายได้เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ค่าโทรและค่าเน็ตถูกลงโดยปริยาย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Twitter คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่