คำนำ : "เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน : ทุเรียนหมอนทองป่าละอู"
เป็นตอนที่ 2 ใน 3 ตอน ของภาพและบทความ ในชุด""เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน"
ตอนแรก คือ "เที่ยวไปกินไป by laser @ โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย ซอยสุกร 2"
http://ppantip.com/topic/33940931
ตอนที่ 3 คือ "เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน : เจ๊ม่วย ซาละเปาเตาถ่าน"
http://ppantip.com/topic/33943139
แต่นำมาลงเป็นตอนสุดท้าย เพื่อความสะดวกในการเล่าเรื่อง และมีภาพในตอนนี้มากที่สุด
คำเตือน : ภาพ และบทความ มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง
ผู้ละเมิด จะถูกดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยไม่มีการยอมความ
ครั้งสุดท้ายที่ขึ้นรถไฟไทย คือ เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว โดยไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนสมัย มศ.5
แต่ครั้งสุดท้ายที่ขึ้นรถไฟ คือ การนั่งรถไฟจากสิงคโปร์ ไปคาเมรอนไฮแลนด์ ในประเทศมาเลเซียคนเดียว
การเดินทางโดยรถไฟ แม้ว่าจะปลอดภัยที่สุดในเรื่องของอุบัติเหตุ แต่ก็เชื่องช้ามาก
ไปหัวหินครั้งนั้น ไปขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อย 7 โมงเช้า ถึงหัวหินเกือบเที่ยง
เกือบสองปีที่แล้วไปหัวหิน เห็นทุเรียนหมอนทองลูกใหญ่ ที่มีคำต่อท้ายว่า"ป่าละอู"
ในตลาดฉัตรไชย แต่ไม่ได้ซื้อเพราะกิโลฯละ 180 บาท แถมกะเทยค้ายังทำท่าไม่พอใจ
จึงไม่ได้ซื้อ กลับมาค้นข้อมูลดู จึงได้รู้ว่ามันอร่อยมากกว่าทุเรียนหมอนทองธรรมดา
แต่ไม่มีโอกาสกลับไปหัวหินในช่วงที่ออกผลอีก จนได้อ่านเจอการจัดงานทุเรียนหมอนทองป่าละอูที่หัวหิน
ซึ่งทางเทศบาลเมืองหัวหิน รวบรวม 10 สวนทุเรียนที่ปลูกพันธุ์นี้
มาออกร้านที่หน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ ระหว่างวันที่ 10-19 เดือนนี้
ประกอบกับแฟนชอบทานทุเรียน อีกทั้งปีนี้ทุเรียนหลิน-หลงลับแลแพงมาก
จึงชวนแฟนเดินทางไปหัวหิน แต่อยากฟื้นบรรยากาศค้าขายเวลารถไฟจอดตามสถานีระหว่างทาง
ที่มีพ่อค้าแม่ค้า วิ่งเอาถาดทูนบนหัวมาที่หน้าต่างรถไฟ เพื่อข้าวเหนียวไก่ย่าง ก๋วยเตี๋ยวแห้ง
ขนมท้องถิ่น และอีกหลายอย่าง จึงชวนแฟนเดินทางไปหัวหินแบบไปเช้าเย็นกลับ
โดยไปวันธรรมดาเลี่ยงคนเยอะ ขาไปเดินทางด้วยรถไฟ ส่วนขากลับเดินทางด้วยรถตู้ หรือ รถ บขส.
วันศุกร์ที่ 17-7-15 7.30 น.ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินมาที่สถานีหัวลำโพง
เดินไปตามทางออกที่ 2 เพื่อไปสถานีรถไฟหัวลำโพง
บริเวณนอกสถานี มีรุ่นพี่จาก ม.เชียงใหม่
มาจัดกิจกรรมรับน้องไปมหาวิทยาลัย
สอบถามค่าตั๋วรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 43 กรุงเทพ.-สุราษญ์ธานี
ซึ่งออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 8.05 น. ถึงสถานีรถไฟหัวหินเวลา 11.26 น.
ปรากฏว่าค่าตั๋ว ซึ่งเป็นชั้นสองปรับอากาศ ราคาคนละ 416 บาท ใช้สิทธิ์ผูสูงอายุ เหลือ 361 บาท
ลดแค่ 50 บาท ไม่ได้ลดครึ่งราคาตามที่ประกาศไว้ใน
http://www.railway.co.th/Ticket/ChackPrice_TrainGo.asp?Sta=%E0%B8%81%E0%B8%
A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E&Fin=%E0%
B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99&
IdTrain=43&NFee=%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%
B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9
จึงเปลี่ยนใจไปลองนั่งรถไฟชั้น 3 ธรรมดา นั่งพัดลม ขบวนรถที่ 261 กรุงเทพ-หัวหิน
ออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 9.20 น. ถึงสถานีรถไฟหัวหินเวลา 13.35 น.
ปกติค่าโดยสารคนละ 44 บาท แต่ช่วงนี้ยังให้บริการฟรี
โดยขอตั๋วจากช่องจำหน่ายบัตรโดยสาร ช่องที่ 12
เลือกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง เพราะเป็นสถานีต้นทาง วันธรรมดามีที่นั่งแน่นอน
รับตั๋วเสร็จมีเวลาเหลือสองชั่วโมง จึงชวนแฟนไปทานโจ๊กร้านเจ๊หมวยเกี้ย และไหว้พระที่วัดไตรมิตรฯ
เที่ยวไปกินไป by laser @ โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย ซอยสุกร 2
http://ppantip.com/topic/33940931
8.45 น. กลับมาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
ยืนรอรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 7
มีเสียงประกาศให้ตั๋วฟรีขึ้นสองโบกี้สุดท้าย
เพราะ 5 โบกี้แรก จัดพิเศษสำหรับนักศึกษาราชภัฏ
คงเพราะเพิ่มอีก 5 โบกี้ รถไฟจึงมาเกือบสิบโมงเช้า
รถไฟยังไม่จอดสนิท ผู้คนก็กรูกันขึ้นไปบนโบกี้
9.52 น. เริ่มออกเดินทางไปหัวหิน
10.10 น.รถไฟจอดไม่ทราบสาเหตุใกล้แยกยมราช
10.16 น.ผ่านแยกยมราช
10.23 น.ถีงสถานีรถไฟสามเสน
เห็นด้วย ยกเว้น รวดเร็ว แถมแพงอีกต่างหาก
รายการอาหาร ที่สถานีรถไฟสามเสน
คู่แข่งถึงรังสิตของรถไฟไทย
11.07 น. ถึงสถานีรถไฟศาลายา
พอเริ่มเข้าเขตจังหวัดนครปฐม ก็เริ่มมีคนเดินของขายบนรถไฟ
ได้ที่นั่งโบกี้สุดท้าย เป็นที่นั่งชั้น 3 มีเบาะนั่งและเบาะพิงหลัง
ที่ครึ่งโบกี้หลัง ติดกับที่ตัวเองนั่งอยู่ กันไว้สำหรับพระและคนพิการ
แฟนจึงมีโอกาสถวายเพลพระบนรถไฟ
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน : ทุเรียนหมอนทองป่าละอู
เป็นตอนที่ 2 ใน 3 ตอน ของภาพและบทความ ในชุด""เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน"
ตอนแรก คือ "เที่ยวไปกินไป by laser @ โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย ซอยสุกร 2" http://ppantip.com/topic/33940931
ตอนที่ 3 คือ "เที่ยวไปกินไป by laser @ หัวหิน : เจ๊ม่วย ซาละเปาเตาถ่าน" http://ppantip.com/topic/33943139
แต่นำมาลงเป็นตอนสุดท้าย เพื่อความสะดวกในการเล่าเรื่อง และมีภาพในตอนนี้มากที่สุด
คำเตือน : ภาพ และบทความ มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง
ผู้ละเมิด จะถูกดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยไม่มีการยอมความ
ครั้งสุดท้ายที่ขึ้นรถไฟไทย คือ เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว โดยไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนสมัย มศ.5
แต่ครั้งสุดท้ายที่ขึ้นรถไฟ คือ การนั่งรถไฟจากสิงคโปร์ ไปคาเมรอนไฮแลนด์ ในประเทศมาเลเซียคนเดียว
การเดินทางโดยรถไฟ แม้ว่าจะปลอดภัยที่สุดในเรื่องของอุบัติเหตุ แต่ก็เชื่องช้ามาก
ไปหัวหินครั้งนั้น ไปขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อย 7 โมงเช้า ถึงหัวหินเกือบเที่ยง
เกือบสองปีที่แล้วไปหัวหิน เห็นทุเรียนหมอนทองลูกใหญ่ ที่มีคำต่อท้ายว่า"ป่าละอู"
ในตลาดฉัตรไชย แต่ไม่ได้ซื้อเพราะกิโลฯละ 180 บาท แถมกะเทยค้ายังทำท่าไม่พอใจ
จึงไม่ได้ซื้อ กลับมาค้นข้อมูลดู จึงได้รู้ว่ามันอร่อยมากกว่าทุเรียนหมอนทองธรรมดา
แต่ไม่มีโอกาสกลับไปหัวหินในช่วงที่ออกผลอีก จนได้อ่านเจอการจัดงานทุเรียนหมอนทองป่าละอูที่หัวหิน
ซึ่งทางเทศบาลเมืองหัวหิน รวบรวม 10 สวนทุเรียนที่ปลูกพันธุ์นี้
มาออกร้านที่หน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ ระหว่างวันที่ 10-19 เดือนนี้
ประกอบกับแฟนชอบทานทุเรียน อีกทั้งปีนี้ทุเรียนหลิน-หลงลับแลแพงมาก
จึงชวนแฟนเดินทางไปหัวหิน แต่อยากฟื้นบรรยากาศค้าขายเวลารถไฟจอดตามสถานีระหว่างทาง
ที่มีพ่อค้าแม่ค้า วิ่งเอาถาดทูนบนหัวมาที่หน้าต่างรถไฟ เพื่อข้าวเหนียวไก่ย่าง ก๋วยเตี๋ยวแห้ง
ขนมท้องถิ่น และอีกหลายอย่าง จึงชวนแฟนเดินทางไปหัวหินแบบไปเช้าเย็นกลับ
โดยไปวันธรรมดาเลี่ยงคนเยอะ ขาไปเดินทางด้วยรถไฟ ส่วนขากลับเดินทางด้วยรถตู้ หรือ รถ บขส.
วันศุกร์ที่ 17-7-15 7.30 น.ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินมาที่สถานีหัวลำโพง
เดินไปตามทางออกที่ 2 เพื่อไปสถานีรถไฟหัวลำโพง
บริเวณนอกสถานี มีรุ่นพี่จาก ม.เชียงใหม่
มาจัดกิจกรรมรับน้องไปมหาวิทยาลัย
สอบถามค่าตั๋วรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 43 กรุงเทพ.-สุราษญ์ธานี
ซึ่งออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 8.05 น. ถึงสถานีรถไฟหัวหินเวลา 11.26 น.
ปรากฏว่าค่าตั๋ว ซึ่งเป็นชั้นสองปรับอากาศ ราคาคนละ 416 บาท ใช้สิทธิ์ผูสูงอายุ เหลือ 361 บาท
ลดแค่ 50 บาท ไม่ได้ลดครึ่งราคาตามที่ประกาศไว้ใน
http://www.railway.co.th/Ticket/ChackPrice_TrainGo.asp?Sta=%E0%B8%81%E0%B8%
A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E&Fin=%E0%
B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99&
IdTrain=43&NFee=%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%
B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9
จึงเปลี่ยนใจไปลองนั่งรถไฟชั้น 3 ธรรมดา นั่งพัดลม ขบวนรถที่ 261 กรุงเทพ-หัวหิน
ออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 9.20 น. ถึงสถานีรถไฟหัวหินเวลา 13.35 น.
ปกติค่าโดยสารคนละ 44 บาท แต่ช่วงนี้ยังให้บริการฟรี
โดยขอตั๋วจากช่องจำหน่ายบัตรโดยสาร ช่องที่ 12
เลือกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง เพราะเป็นสถานีต้นทาง วันธรรมดามีที่นั่งแน่นอน
รับตั๋วเสร็จมีเวลาเหลือสองชั่วโมง จึงชวนแฟนไปทานโจ๊กร้านเจ๊หมวยเกี้ย และไหว้พระที่วัดไตรมิตรฯ
เที่ยวไปกินไป by laser @ โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย ซอยสุกร 2 http://ppantip.com/topic/33940931
8.45 น. กลับมาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
ยืนรอรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 7
มีเสียงประกาศให้ตั๋วฟรีขึ้นสองโบกี้สุดท้าย
เพราะ 5 โบกี้แรก จัดพิเศษสำหรับนักศึกษาราชภัฏ
คงเพราะเพิ่มอีก 5 โบกี้ รถไฟจึงมาเกือบสิบโมงเช้า
รถไฟยังไม่จอดสนิท ผู้คนก็กรูกันขึ้นไปบนโบกี้
9.52 น. เริ่มออกเดินทางไปหัวหิน
10.10 น.รถไฟจอดไม่ทราบสาเหตุใกล้แยกยมราช
10.16 น.ผ่านแยกยมราช
10.23 น.ถีงสถานีรถไฟสามเสน
เห็นด้วย ยกเว้น รวดเร็ว แถมแพงอีกต่างหาก
รายการอาหาร ที่สถานีรถไฟสามเสน
คู่แข่งถึงรังสิตของรถไฟไทย
11.07 น. ถึงสถานีรถไฟศาลายา
พอเริ่มเข้าเขตจังหวัดนครปฐม ก็เริ่มมีคนเดินของขายบนรถไฟ
ได้ที่นั่งโบกี้สุดท้าย เป็นที่นั่งชั้น 3 มีเบาะนั่งและเบาะพิงหลัง
ที่ครึ่งโบกี้หลัง ติดกับที่ตัวเองนั่งอยู่ กันไว้สำหรับพระและคนพิการ
แฟนจึงมีโอกาสถวายเพลพระบนรถไฟ