ก่อนหน้านี้ มีกระทู้ปล่อยปูที่บางปู แล้วก็มีข้อสงสัยถกเถียงกันพักนึงว่าดีไม่ดี
ดิฉันเอง ได้อ่านกระทู้นั้น แล้วก็ลองสอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปล่อยปูอยู่พักหนึ่ง
ทำให้คิดว่า
มันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของกิจกรรม สำหรับคนที่ชอบทำบุญปล่อยสัตว์ โดยที่ไม่ได้ส่งผลกระทบเลวร้ายอะไรต่อสิ่งแวดล้อม
ในอีกทางหนึ่ง กลับจะเป็นการเพิ่มปริมาณการเพาะพันธุ์ปูตามธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ
สำหรับ ข้อซักถามสงสัยหลายข้อเกี่ยวกับการปล่อยปู เช่น ทำลายสมดุลธรรมชาติไหม ? มันจะอยู่ได้ไหม ?
อยู่ได้นานเท่าไร ? ปูเป็นปูเลี้ยงใช่ไหม ปล่อยไปจะตายไหม ?
อะไรทำนองนี้ ดิฉันคิดไปคิดมา ก็ได้คำตอบดังนี้นะคะ
1. เราไม่ได้ปล่อยมากเสียจนไปทำลายสมดุลตามธรรมชาติ เมื่อเทียบกับปริมาณพื้นที่
2. ชายเลน เป็นแหล่งที่อาศัย เพาะพันธุ์ของปูอยู่แล้ว จริงอยู่ มีปูบางประเภทเป็นปูเลี้ยง แต่ปูบางประเภท ก็จับมาจากธรรมชาติ
พี่ทหารบอกว่า เวลาพลิกหลังกระดองดู ถ้าเห็นท้องปูเลอะ ๆ ขี้เลน หรือ ดิน นั่นแสดงความเป็นปูที่คนขายไปดักจับแหย่ขึ้นมาจากรูตามธรรมชาติ
3. อยู่ได้นานไม่นานเราไม่รู้ แต่สามีบอกว่า ปล่อยมันไปก็ดี ยังไง มันตายในธรรมชาติ ก็น่าจะทรมานน้อยกว่า ตายแบบโดนต้ม โดนนึ่ง
เราคงไม่คาดหวังให้มันอยู่ไปชั่วนาตาปี แต่ปล่อยเพื่อยืดชีวิตปูไปอีก เพื่อให้มันได้อยู่ในธรรมชาติมีโอกาสแพร่พันธุ์ จากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของน้องปูที่จะต้องดูแลตัวเอง รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยอื่น ๆ
แล้วถ้ามันจะโดนกินโดย ตัวเงินตัวทอง ศัตรูธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องที่เราจะไปขัดขวางไม่ได้อยู่แล้ว
คิดได้ดังนั้นแล้ว อาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็ถือโอกาสไปปล่อยปู พร้อมเที่ยวบางปูด้วยในเวลาเดียวกัน
เช่นเคยค่ะ ตลาดปากน้ำ เป็นที่รวมของทะเลสด ๆ มากมาย
กุ้ง ปู สด ๆ ทุกเช้า ถูกนำขึ้นมาขาย
เราไปถึงตลาดปากน้ำกันตอนใกล้ ๆ 8 โมงเช้า
เราเลือกปูเนื้อ ปูไข่ และปูพิการ (ก้ามหลุด ขาไม่สมประกอบ)
ในกระจาด เป็นปูก้ามหลุดนะคะ แต่ยังแข็งแรง ก้ามสามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติ หลังจาก 8 เดือนผ่านไป
อันนี้ เหมามาเกลี้ยงแผงเลย เหลือไม่กี่ตัวแล้ว
หอบใส่ท้ายรถ
ขับรถไปบางปู จอดหน้าสะพานสุขตา
โทรศัพท์ติดต่อพี่ทหาร ให้พาไปช่วยปล่อย
สำหรับผู้ที่ต้องการไปปล่อย อุปกรณ์ที่ควรนำไปด้วยคือ ถังพลาสติก สองสามใบนะคะ
พี่ทหารจะช่วยตัดเชือกให้ แล้วหยิบน้องปูใส่ถัง
ใส่ถังแล้ว น้องปูหลายตัว ยังแข็งแรงมาก พยายามไต่ออกจากถัง บางตัวหนีบเสียจนถังบุบ
เพราะงั้น เราต้องเอาถังอีกใบกดเค้าไว้เบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินพาเค้าไปปล่อยที่เลน
จากนั้น ก็เดินพาน้องปูไปปล่อยทีละตัวที่เลน
สังเกตว่า แต่ละตัวที่เราปล่อยไป มันมุดเลนลงไปในรูอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติมาก
คงจะเนื้อตัวแห้งอยากฝังตัวในเลนให้ชื่นใจ
เรื่องเชือกที่รัดน้องปู ไม่ต้องกังวลนะคะ
เราช่วยกันเขี่ยขึ้นมา เก็บทิ้งขยะให้เรียบร้อย แถม ยังช่วยเก็บขวดเอ็มร้อยที่อยู่ในเลนขึ้นมาด้วยค่ะ
สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับบางปู ปากน้ำที่เป็นทางออกของแม่น้ำเจ้าพระยาสู่อ่าวไทย ไม่ใช่เชือกเล็กเชือกน้อย ที่ร้อยตัวปู หรือ โกงกางมา
แต่เป็นขยะที่ลอยมาต่างหากล่ะคะ
กำจัดกันเหนื่อยยากมาก
พี่ทหารบอกว่า วันนี้เก็บขึ้น พรุ่งนี้ก็ลอยมาอีก ซัดมาได้ทุกวันจ้ะ
เพราะงั้น เราควรรณรงค์ให้ไม่ทิ้งอะไรลงแม่น้ำมาตั้งแต่ต้นทางนะคะ
เพราะมันจะมาเกยตามชายเลน
คุณมด พี่ทหารที่พาเราไปปล่อยปู
เสร็จจากปล่อยปู พี่ทหารพาเด็ก ๆ เดินไปดูป่าชายเลน เห็นวิวอาคารสุขใจ ที่เป็นภัตตาคารที่บางปูด้วยค่ะ
เด็ก ๆ ชอบวิวชายเลนมาก ลมพัดตึง ๆ ดูปลา teen ดูนก ดูดี ๆ อาจมีตัวเงินตัวทองขนาดประมาณน้องเข้โผล่มาด้วย
ตรงส่วนชายเลน หากครอบครัวไหน หมู่คณะใด ประสงค์จะมาทำกิจกรรมปลูกป่าก็ได้นะคะ
ดิฉันถามข้อมูลแล้ว ทราบว่า ต้องติดต่ออย่างน้อยประมาณ 2 อาทิตย์
ทางหน่วยทหารจะเตรียมกล้าไม้ไว้ให้ค่ะ
โกงกาง กล้าละ 20 บาท
ลำพู กล้าละ 40 บาท
ทำบุญด้วยการปลูกต้นไม้ก็ดีนะคะ ปลูกไว้ให้แผ่นดิน
แล้ว เค้าจะพาเราไปปลูก
ที่บางปู ปลูกค่อนข้างง่าย เลนไม่ค่อยลึก (ประมาณหัวเข่า)
วันมาปลูก ก็ซื้อถุงเท้ายาว ๆ แบบถูก ๆ มาคนละคู่ เดินลุยลงไปปลูกแล้วม้วนถุงเท้าทิ้งได้เลยจ้า
อ้อ ... บริเวณ ชายเลน ถ้าอยากปล่อยหอยแครงก็ได้นะคะ พี่ทหารจะพาไปโรยน้องหอยแครงไปตามเลน
ให้เค้าอยู่ เค้าโตต่อตามธรรมชาติ
สัตว์ที่ไม่แนะให้ปล่อยเลย คือ เต่าค่ะ
มีหลายคนมาปล่อยเต่าน้ำจืด ปรากฎว่า บางปูเป็นน้ำกร่อย
เจอเต่าตาบอดมาหลายตัวเพราะเหตุนี้ ต้องจับเอาน้องเต่าไปปล่อยที่อื่น
เพราะงั้นจะปล่อยอะไร ต้องดูสภาพดี ๆ ด้วยนะคะ
ส่วนน้องนางนวลจะมาประมาณ ตุลา ถึง เมษา
ถามพี่ทหารไปว่า ทำไม นางนวล ถึงกินกากหมูทอด (เห็นเค้าขายจานละ 30-40 บาท) ตอนหน้าที่นกมา
พี่เค้าบอกว่า จริง ๆ นกมากินหอยกินปู ตามเลนนี่แหละครับ
แต่บังเอิ๊ญ คนครัวของร้านอาหาร เจียวมันหมูเสร็จ ลองทิ้งกากไว้ ปรากฎว่า นางนวลกินเว้ยเฮ้ย ...
จากนั้นมา ก็เลยกลายเป็นธุรกิจ ขายมันหมูเจียวเลี้ยงนกค่ะ
พี่ทหารเล่าต่อว่า นักท่องเที่ยวบางท่านเป็นอิสลาม ไม่จับหมู ก็เอามันไก่เจียวมาเลี้ยง นางนวลก็กินนะคร้าบบบบ
อ้อ ... แล้วบริเวณ ชายเลน ที่ปล่อยที่ว่างเป็นเลนบางส่วน คือ การเว้นที่ไว้ เป็น runway ให้กับนกนางนวลนะคะ
พี่แกอธิบายว่า ถ้ามีแต่ต้นไม้พรึ่บไปหมด ไม่มีพื้นที่ชายเลนว่าง ๆ เลย นางนวลจะไม่ลงค่ะ
หมดจากปล่อยปู ดูชายเลน เสร็จ
เราไปกินข้าวกันร้านสายลม หลายท่านอาจจะรู้จักแล้ว
จากบางปูตรงมาเรื่อย ๆ ผ่านไปรษณีย์ ผ่านปั๊มน้ำมันทางซ้ายมือ แล้วก็เลี้ยวเข้าไปเลย
วิวดีนะคะ ไฮไลท์คือ
มีทางจักรยานเลียบริมทะเล จากวัดอโศฯ ไปบางปู ระยะทางประมาณ 10 กว่า กม.
วิวสวยงามค่ะ หิวข้าว ก็แวะทานอาหารตามร้านเก๋ ๆ ริมทะเล ชิล ๆ
ลองมาเที่ยวกันนะคะ ใกล้กรุงเทพนิดเดียว
มีอะไรบ้างที่บางปู --- ปล่อยปู ปลูกโกงกาง และ นกนางนวล
ดิฉันเอง ได้อ่านกระทู้นั้น แล้วก็ลองสอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปล่อยปูอยู่พักหนึ่ง
ทำให้คิดว่า
มันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของกิจกรรม สำหรับคนที่ชอบทำบุญปล่อยสัตว์ โดยที่ไม่ได้ส่งผลกระทบเลวร้ายอะไรต่อสิ่งแวดล้อม
ในอีกทางหนึ่ง กลับจะเป็นการเพิ่มปริมาณการเพาะพันธุ์ปูตามธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ
สำหรับ ข้อซักถามสงสัยหลายข้อเกี่ยวกับการปล่อยปู เช่น ทำลายสมดุลธรรมชาติไหม ? มันจะอยู่ได้ไหม ?
อยู่ได้นานเท่าไร ? ปูเป็นปูเลี้ยงใช่ไหม ปล่อยไปจะตายไหม ?
อะไรทำนองนี้ ดิฉันคิดไปคิดมา ก็ได้คำตอบดังนี้นะคะ
1. เราไม่ได้ปล่อยมากเสียจนไปทำลายสมดุลตามธรรมชาติ เมื่อเทียบกับปริมาณพื้นที่
2. ชายเลน เป็นแหล่งที่อาศัย เพาะพันธุ์ของปูอยู่แล้ว จริงอยู่ มีปูบางประเภทเป็นปูเลี้ยง แต่ปูบางประเภท ก็จับมาจากธรรมชาติ
พี่ทหารบอกว่า เวลาพลิกหลังกระดองดู ถ้าเห็นท้องปูเลอะ ๆ ขี้เลน หรือ ดิน นั่นแสดงความเป็นปูที่คนขายไปดักจับแหย่ขึ้นมาจากรูตามธรรมชาติ
3. อยู่ได้นานไม่นานเราไม่รู้ แต่สามีบอกว่า ปล่อยมันไปก็ดี ยังไง มันตายในธรรมชาติ ก็น่าจะทรมานน้อยกว่า ตายแบบโดนต้ม โดนนึ่ง
เราคงไม่คาดหวังให้มันอยู่ไปชั่วนาตาปี แต่ปล่อยเพื่อยืดชีวิตปูไปอีก เพื่อให้มันได้อยู่ในธรรมชาติมีโอกาสแพร่พันธุ์ จากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของน้องปูที่จะต้องดูแลตัวเอง รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยอื่น ๆ
แล้วถ้ามันจะโดนกินโดย ตัวเงินตัวทอง ศัตรูธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องที่เราจะไปขัดขวางไม่ได้อยู่แล้ว
คิดได้ดังนั้นแล้ว อาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็ถือโอกาสไปปล่อยปู พร้อมเที่ยวบางปูด้วยในเวลาเดียวกัน
เช่นเคยค่ะ ตลาดปากน้ำ เป็นที่รวมของทะเลสด ๆ มากมาย
กุ้ง ปู สด ๆ ทุกเช้า ถูกนำขึ้นมาขาย
เราไปถึงตลาดปากน้ำกันตอนใกล้ ๆ 8 โมงเช้า
เราเลือกปูเนื้อ ปูไข่ และปูพิการ (ก้ามหลุด ขาไม่สมประกอบ)
ในกระจาด เป็นปูก้ามหลุดนะคะ แต่ยังแข็งแรง ก้ามสามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติ หลังจาก 8 เดือนผ่านไป
อันนี้ เหมามาเกลี้ยงแผงเลย เหลือไม่กี่ตัวแล้ว
หอบใส่ท้ายรถ
ขับรถไปบางปู จอดหน้าสะพานสุขตา
โทรศัพท์ติดต่อพี่ทหาร ให้พาไปช่วยปล่อย
สำหรับผู้ที่ต้องการไปปล่อย อุปกรณ์ที่ควรนำไปด้วยคือ ถังพลาสติก สองสามใบนะคะ
พี่ทหารจะช่วยตัดเชือกให้ แล้วหยิบน้องปูใส่ถัง
ใส่ถังแล้ว น้องปูหลายตัว ยังแข็งแรงมาก พยายามไต่ออกจากถัง บางตัวหนีบเสียจนถังบุบ
เพราะงั้น เราต้องเอาถังอีกใบกดเค้าไว้เบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินพาเค้าไปปล่อยที่เลน
จากนั้น ก็เดินพาน้องปูไปปล่อยทีละตัวที่เลน
สังเกตว่า แต่ละตัวที่เราปล่อยไป มันมุดเลนลงไปในรูอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติมาก
คงจะเนื้อตัวแห้งอยากฝังตัวในเลนให้ชื่นใจ
เรื่องเชือกที่รัดน้องปู ไม่ต้องกังวลนะคะ
เราช่วยกันเขี่ยขึ้นมา เก็บทิ้งขยะให้เรียบร้อย แถม ยังช่วยเก็บขวดเอ็มร้อยที่อยู่ในเลนขึ้นมาด้วยค่ะ
สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับบางปู ปากน้ำที่เป็นทางออกของแม่น้ำเจ้าพระยาสู่อ่าวไทย ไม่ใช่เชือกเล็กเชือกน้อย ที่ร้อยตัวปู หรือ โกงกางมา
แต่เป็นขยะที่ลอยมาต่างหากล่ะคะ
กำจัดกันเหนื่อยยากมาก
พี่ทหารบอกว่า วันนี้เก็บขึ้น พรุ่งนี้ก็ลอยมาอีก ซัดมาได้ทุกวันจ้ะ
เพราะงั้น เราควรรณรงค์ให้ไม่ทิ้งอะไรลงแม่น้ำมาตั้งแต่ต้นทางนะคะ
เพราะมันจะมาเกยตามชายเลน
คุณมด พี่ทหารที่พาเราไปปล่อยปู
เสร็จจากปล่อยปู พี่ทหารพาเด็ก ๆ เดินไปดูป่าชายเลน เห็นวิวอาคารสุขใจ ที่เป็นภัตตาคารที่บางปูด้วยค่ะ
เด็ก ๆ ชอบวิวชายเลนมาก ลมพัดตึง ๆ ดูปลา teen ดูนก ดูดี ๆ อาจมีตัวเงินตัวทองขนาดประมาณน้องเข้โผล่มาด้วย
ตรงส่วนชายเลน หากครอบครัวไหน หมู่คณะใด ประสงค์จะมาทำกิจกรรมปลูกป่าก็ได้นะคะ
ดิฉันถามข้อมูลแล้ว ทราบว่า ต้องติดต่ออย่างน้อยประมาณ 2 อาทิตย์
ทางหน่วยทหารจะเตรียมกล้าไม้ไว้ให้ค่ะ
โกงกาง กล้าละ 20 บาท
ลำพู กล้าละ 40 บาท
ทำบุญด้วยการปลูกต้นไม้ก็ดีนะคะ ปลูกไว้ให้แผ่นดิน
แล้ว เค้าจะพาเราไปปลูก
ที่บางปู ปลูกค่อนข้างง่าย เลนไม่ค่อยลึก (ประมาณหัวเข่า)
วันมาปลูก ก็ซื้อถุงเท้ายาว ๆ แบบถูก ๆ มาคนละคู่ เดินลุยลงไปปลูกแล้วม้วนถุงเท้าทิ้งได้เลยจ้า
อ้อ ... บริเวณ ชายเลน ถ้าอยากปล่อยหอยแครงก็ได้นะคะ พี่ทหารจะพาไปโรยน้องหอยแครงไปตามเลน
ให้เค้าอยู่ เค้าโตต่อตามธรรมชาติ
สัตว์ที่ไม่แนะให้ปล่อยเลย คือ เต่าค่ะ
มีหลายคนมาปล่อยเต่าน้ำจืด ปรากฎว่า บางปูเป็นน้ำกร่อย
เจอเต่าตาบอดมาหลายตัวเพราะเหตุนี้ ต้องจับเอาน้องเต่าไปปล่อยที่อื่น
เพราะงั้นจะปล่อยอะไร ต้องดูสภาพดี ๆ ด้วยนะคะ
ส่วนน้องนางนวลจะมาประมาณ ตุลา ถึง เมษา
ถามพี่ทหารไปว่า ทำไม นางนวล ถึงกินกากหมูทอด (เห็นเค้าขายจานละ 30-40 บาท) ตอนหน้าที่นกมา
พี่เค้าบอกว่า จริง ๆ นกมากินหอยกินปู ตามเลนนี่แหละครับ
แต่บังเอิ๊ญ คนครัวของร้านอาหาร เจียวมันหมูเสร็จ ลองทิ้งกากไว้ ปรากฎว่า นางนวลกินเว้ยเฮ้ย ...
จากนั้นมา ก็เลยกลายเป็นธุรกิจ ขายมันหมูเจียวเลี้ยงนกค่ะ
พี่ทหารเล่าต่อว่า นักท่องเที่ยวบางท่านเป็นอิสลาม ไม่จับหมู ก็เอามันไก่เจียวมาเลี้ยง นางนวลก็กินนะคร้าบบบบ
อ้อ ... แล้วบริเวณ ชายเลน ที่ปล่อยที่ว่างเป็นเลนบางส่วน คือ การเว้นที่ไว้ เป็น runway ให้กับนกนางนวลนะคะ
พี่แกอธิบายว่า ถ้ามีแต่ต้นไม้พรึ่บไปหมด ไม่มีพื้นที่ชายเลนว่าง ๆ เลย นางนวลจะไม่ลงค่ะ
หมดจากปล่อยปู ดูชายเลน เสร็จ
เราไปกินข้าวกันร้านสายลม หลายท่านอาจจะรู้จักแล้ว
จากบางปูตรงมาเรื่อย ๆ ผ่านไปรษณีย์ ผ่านปั๊มน้ำมันทางซ้ายมือ แล้วก็เลี้ยวเข้าไปเลย
วิวดีนะคะ ไฮไลท์คือ
มีทางจักรยานเลียบริมทะเล จากวัดอโศฯ ไปบางปู ระยะทางประมาณ 10 กว่า กม.
วิวสวยงามค่ะ หิวข้าว ก็แวะทานอาหารตามร้านเก๋ ๆ ริมทะเล ชิล ๆ
ลองมาเที่ยวกันนะคะ ใกล้กรุงเทพนิดเดียว