การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเวิร์ล กรัง ปรี 2015 ดิวิชัน 1 ที่ไทยเข้าร่วมมี 12 ทีมที่เข้าร่วม ซึ่งเกือบทุกทีมมีอันดับโลกที่สูงกว่าไทยทั้งนั้น และการแข่งขันครั้งนี้แม้เราจะไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ก็ยังได้อันดับที่ 9 หลังจบการแข่งขัน ถือว่าอันดับดีขึ้นจากครั้งที่ผ่านมาที่ 11 ในปี 2014 รวมถึงมีการได้เซตจากบราซิล ทีมอันดับ 2 ของโลกและสหรัฐอเมริกา ทีมอันดับ 1 ของโลก นี่คือพัฒนาการของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยที่ดีขึ้นนะครับ ไม่ใช่แย่ลง
ฟอร์มการเล่นในสนามสุดท้ายแม้จะไม่ชนะเลยสักสนามก็จริง แต่ถ้ากลับไปพิจารณากันดีๆ นี่คือสายแข็งทั้งหมดนะครับที่เราเจอ โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นซึ่งมีเทคนิคและวิธีการเล่นแบบเดียวกันกับเรา
หลายๆ พูดแต่ว่านักกีฬาชุดนี้คงแก่ไป แล้วทำไมไม่หานักกีฬารุ่นใหม่ๆ มาทดแทน ข้อแรกเลยนะครับนักกีฬาชุดนี้ยังมีประสิทธิภาพแสดงให้เราเห็นอยู่เสมอ เพียงแต่เค้าไม่ได้ชนะตลอด เหมือนที่คนไทยบางกลุ่มคาดหวัง นั่นทำให้นักกีฬาชุดนี้โดนข้อหาแก่แล้วไม่เจียม ซึ่งมันไม่จริงครับ ที่ไม่เจียมนะคือใจของคนที่ดูกีฬาแล้วไม่รู้จักคำว่าแพ้
ข้อที่สองนักกีฬาชุดนี้ที่ส่งไป มีการผสมกันของผู้เล่นรุ่นใหม่ด้วย และมีการลงมาในสนามเพื่อเก็บประสบการณ์ ตามที่โค้ชอ็อตได้บอกไว้ตั้งแต่แรก และทุกคนได้ลงเล่นครับ นั่นอาจทำให้ฟอร์มตกลงไปบ้าง แต่ว่าน้องๆ ก็ได้ฝึกประสบการณ์ เพื่อเตรียมทดแทนรุ่นก่อนหน้า แต่พอผลกาารแข่งขันออกมาว่าแพ้ ก็ลงที่ทีมครับ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูอะไรกันเลย จะเอาแค่ผลแพ้ชนะกันอย่างเดียว
นักกีฬาหลายๆ ชนิดกีฬาของเราเคยบอกไว้ จำได้กันไหมครับว่า "สังคมบ้านเราเป็นสังคมคลั่งฮีโร่" จริงครับ ตอนนี้เห็นได้ชัด พอเล่นไม่ชนะ เราก็ด่าเค้าสาดเสียเทเสีย อย่าหวังจะไปเลยโอลิมปิค เปลี่ยนโค้ชเอย เราดูกันแค่นี้ ทำไมไม่ดูตั้งแต่ตอนเค้าพัฒนาครับ ตั้งแต่ตอนเตรียมทีมที่ยะลา เป็นอันดับกลางๆ ของอาเซียน จนตอนนี้เป็นแนวหน้าของอาเซียน และค่อยๆ ขยับไปแข่งขันในระดับนานาชาติ
จริงครับที่ฟอร์มการเล่นในสนามสุดท้ายไม่ดีอย่างที่คิด มีข้อผิดพลาดหลายอย่าง อันนี้ก็ต้องยอมรับกัน อาจจะด้วยความไม่พร้อมของนักกีฬาตัวหลักๆ อย่างอัจฉราพร มัลลิกา หรือคนอื่นๆ บวกกับการเดินทางที่ต้องเปลี่ยนเวลาอย่างทันทีทันควัน นักกีฬาก็ยังเป็นมนุษย์ครับมีล้า มีสภาพร่างกายไม่พร้อม ฟอร์มการเล่นจะตกบ้างก็ไม่แปลกครับ
แต่จะให้นั่งดูแล้วเยินยออย่างเดียวก็คงไม่ใช่ครับ ติเตียนกันได้ แต่ไม่ใช่กระทู้เสียดสี ด่าทอแบบไร้สติครับ วิเคราะห์การเล่น ดูฟอร์มทั้ง 3 สนาม พูดจาปราศัยกันแบบมีเหตุและผลสิครับ ทำอย่างแรกนนี่ผมว่าไม่แฟร์กับนักกีฬาครับ
สุดท้าย ถ้าอยากดูกีฬาเพื่อชัยชนะอย่างเดียว ไปฝึกเอง แข่งเองครับ กีฬาถ้าจะดูเราต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ชนะอย่างเดียวก็ไม่สนุก แพ้อย่างเดียวก็ไม่สนุก แพ้บ้างชนะบ้างเพราะมันเป็นเกมส์กีฬาครับ ถ้าดูกีฬาแล้วแพ้ไม่เป็นปิดทีวี ไม่ต้องซื้อตั๋วไปดูที่สนามครับ ไปเป็นนักกีฬาเองครับ
ป.ล. กระทู้นี้อารมณ์ด้วยเหตุผลด้วย อาจจะอ่านแล้วไม่โอเค ผมบอกไว้ก่อนนะครับ
ดูกีฬาแล้วแพ้ไม่เป็น สุดท้ายไปลงที่นักกีฬามันถูกแล้วเหรอครับ
ฟอร์มการเล่นในสนามสุดท้ายแม้จะไม่ชนะเลยสักสนามก็จริง แต่ถ้ากลับไปพิจารณากันดีๆ นี่คือสายแข็งทั้งหมดนะครับที่เราเจอ โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นซึ่งมีเทคนิคและวิธีการเล่นแบบเดียวกันกับเรา
หลายๆ พูดแต่ว่านักกีฬาชุดนี้คงแก่ไป แล้วทำไมไม่หานักกีฬารุ่นใหม่ๆ มาทดแทน ข้อแรกเลยนะครับนักกีฬาชุดนี้ยังมีประสิทธิภาพแสดงให้เราเห็นอยู่เสมอ เพียงแต่เค้าไม่ได้ชนะตลอด เหมือนที่คนไทยบางกลุ่มคาดหวัง นั่นทำให้นักกีฬาชุดนี้โดนข้อหาแก่แล้วไม่เจียม ซึ่งมันไม่จริงครับ ที่ไม่เจียมนะคือใจของคนที่ดูกีฬาแล้วไม่รู้จักคำว่าแพ้
ข้อที่สองนักกีฬาชุดนี้ที่ส่งไป มีการผสมกันของผู้เล่นรุ่นใหม่ด้วย และมีการลงมาในสนามเพื่อเก็บประสบการณ์ ตามที่โค้ชอ็อตได้บอกไว้ตั้งแต่แรก และทุกคนได้ลงเล่นครับ นั่นอาจทำให้ฟอร์มตกลงไปบ้าง แต่ว่าน้องๆ ก็ได้ฝึกประสบการณ์ เพื่อเตรียมทดแทนรุ่นก่อนหน้า แต่พอผลกาารแข่งขันออกมาว่าแพ้ ก็ลงที่ทีมครับ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูอะไรกันเลย จะเอาแค่ผลแพ้ชนะกันอย่างเดียว
นักกีฬาหลายๆ ชนิดกีฬาของเราเคยบอกไว้ จำได้กันไหมครับว่า "สังคมบ้านเราเป็นสังคมคลั่งฮีโร่" จริงครับ ตอนนี้เห็นได้ชัด พอเล่นไม่ชนะ เราก็ด่าเค้าสาดเสียเทเสีย อย่าหวังจะไปเลยโอลิมปิค เปลี่ยนโค้ชเอย เราดูกันแค่นี้ ทำไมไม่ดูตั้งแต่ตอนเค้าพัฒนาครับ ตั้งแต่ตอนเตรียมทีมที่ยะลา เป็นอันดับกลางๆ ของอาเซียน จนตอนนี้เป็นแนวหน้าของอาเซียน และค่อยๆ ขยับไปแข่งขันในระดับนานาชาติ
จริงครับที่ฟอร์มการเล่นในสนามสุดท้ายไม่ดีอย่างที่คิด มีข้อผิดพลาดหลายอย่าง อันนี้ก็ต้องยอมรับกัน อาจจะด้วยความไม่พร้อมของนักกีฬาตัวหลักๆ อย่างอัจฉราพร มัลลิกา หรือคนอื่นๆ บวกกับการเดินทางที่ต้องเปลี่ยนเวลาอย่างทันทีทันควัน นักกีฬาก็ยังเป็นมนุษย์ครับมีล้า มีสภาพร่างกายไม่พร้อม ฟอร์มการเล่นจะตกบ้างก็ไม่แปลกครับ
แต่จะให้นั่งดูแล้วเยินยออย่างเดียวก็คงไม่ใช่ครับ ติเตียนกันได้ แต่ไม่ใช่กระทู้เสียดสี ด่าทอแบบไร้สติครับ วิเคราะห์การเล่น ดูฟอร์มทั้ง 3 สนาม พูดจาปราศัยกันแบบมีเหตุและผลสิครับ ทำอย่างแรกนนี่ผมว่าไม่แฟร์กับนักกีฬาครับ
สุดท้าย ถ้าอยากดูกีฬาเพื่อชัยชนะอย่างเดียว ไปฝึกเอง แข่งเองครับ กีฬาถ้าจะดูเราต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ชนะอย่างเดียวก็ไม่สนุก แพ้อย่างเดียวก็ไม่สนุก แพ้บ้างชนะบ้างเพราะมันเป็นเกมส์กีฬาครับ ถ้าดูกีฬาแล้วแพ้ไม่เป็นปิดทีวี ไม่ต้องซื้อตั๋วไปดูที่สนามครับ ไปเป็นนักกีฬาเองครับ
ป.ล. กระทู้นี้อารมณ์ด้วยเหตุผลด้วย อาจจะอ่านแล้วไม่โอเค ผมบอกไว้ก่อนนะครับ