เป็นเรื่องของการทำงาน ผมเปิดร้านขายส่งอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นเวลา 10 ปีมีลูกน้องซึ่งเป็นเซลล์ ได้ทำงานวิ่งขายลูกค้า ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเค้ามีปัญาเกี่ยวกับเรื่องเงินอยู่ตลอด ผมก็ได้ช่วยเหลือตลอด ทั้งเรื่องรถกระบะ ที่เค้าต้องมีรถถึงจะทำงานให้ผมได้. ซึ่งเป็นการขายของที่ต่างจังหวัด เข้าปีที่ 2 เค้าก็ขัดสนเงินไม่มีค่าผ่อนรถ ผมก็ช่วยเหลือโดย ซื้อรถคันนั้นขึ้นมา ในราคาป้ายแดงเลย คือ เค้าดาวน์ไปเท่าไหร่ ผ่อนกี่งวดๆละเท่าไหร่ ผมจ่ายคืนให้หมด แล้วเป็นคนผ่อนต่อให้จนหมด ส่วนรถให้เค้าเอาไว้ใช้ เปรียบเสมือนเป็นของเค้า เพราะชื่อเจ้าของรถก็ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะไว้ใจกัน ทำงานเดือนละประมาณ 18-20 วัน ผมให้เบี้ยเลี้ยง เดือนละ 25 วันๆละ 900 (ถ้าเป็นเซลล์ต่างจังหวัด จะรู้ว่าให้เยอะมากๆ). เพราะกลัวลูกน้องลำบาก คอมมิชชั่นก็ให้เยอะกว่าที่อื่น (สูงสุดถึง 4%) เค้าก็ทำยอดได้ 3%-4% เป็นปกติ ขึ้นกับเรตที่ตั้งยอดขายกันไว้ ซึ่งรวมกับเงินเดือน บวกเบี้ยเลี้ยง บวกค่าคอม ก็ตกราวเดือนละ 60,000-เกือบแสนมาโดยตลอด แต่เรื่องมีอยู่ว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เค้าเอาเงินบริษัทไปหมุนใช้ส่วนตัว พอหมุนไม่ได้แล้วก็มาอ้อนวอน บอกว่าจำเป็นเรื่องลูก เรื่องแม่บ้าง เรื่องเมียบ้าง ผมก็ให้อภัยตลอด โดยเงินที่ใช้ไปนั้นก็ถือว่าผมให้เบิกละกัน แต่ต้องหักเดือนละ 10,000 บาทตอนรับค่าคอม (ค่าคอมเฉลี่ยเดือนละ 40,000-
60,000) ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เค้าหมุนเงินแบบนี้ประมาณ 4-5 ครั้งผมก็อภัยให้เสมอ เพราะเค้าอ้างเรื่องครอบครัว ผมก็สงสาร
เค้าเป็นคนที่ใช้เงินเก่งมาก เพราะเคยนั่งคิดกันว่าทำไมไม่พอ ต่อเดือนก็ได้เยอะ จึงมาทราบว่าเค้าส่งเสียให้กับเมีย เมียมีสองคน ลูกสามคน แม่อีกหนึ่ง
พอเข้าปีที่7 เค้าเป็นหนี้บริษัทอยู่ประมาณ 2-4 แสนกว่าผมจำไม่ค่อยได้ แต่ช่วงที่เค้าเริ่มผ่อนรถไม่ไหว ผมก็ให้กำลังเค้า โดยบอกว่าทำกับผม คุณจะต้องไม่เสียรถ ผมสัญญากับเค้าไว้ว่า ครบเจ็ดปี ผมจะให้รถกระบะเค้า 1 คัน ซึ่งผมก็บอกเค้าว่าผมตีเป็นเงินให้ดีกว่า ประมาณ 7 แสน โดยล้างหนี้ที่เค้าติดอยู่ แล้วรถที่เค้าใช้อยู่ผมถือว่าเป็นของเค้าเต็มตัว ซึ่งรถที่เค้าใช้ยังอยู่ในสภาพที่ดี เพราะผมให้เข้าศูนย์ตลอด กลัวเป็นอันตราย เค้าก็ขอบคุณผมที่ไม่ลืมสัญญา
แต่ผ่านมาไม่กี่วัน เค้าไปซื้อรถกระบะคันใหม่ มาโชว์ผมๆก็ถามคันเก่ายังดีอยู่ ทำไมต้องสร้างหนี้ขึ้นมาอีก เค้าตอบว่า ไม่เป็นไรผมผ่อนไหวละผมอยากขับรถคันใหม่ สรุปผ่านม่อีกสามปี เข้าปีที่ 10 เค้าเป็นหนี้ผมอีก 700,000 แสนกว่า จากสาเหตุเดิมๆ มีเรื่องแม่เข้ามาด้วย แม่เอาที่ไปจำนอง จะโดนยึด ก็ให้เบิก 250,000 ทั้งค่าเรียนลูก ค่าเทอม เกือบห้าหมื่น ผมก็ว่าเค้าทำไมเรียนแพงขนาดนี้ ลูกผมยังค่าเทอม 35,000 เค้าบอกไม่อยากให้ลูกลำบาก ผมก็จนปัญญาที่จะพูด เมื่อสิ้นกีที่ผ่านมา เค้าจะขอเบิกเงินผมอีก 200,000 ผมไม่ให้ละ เพราะบอกเค้าว่าถ้ารายจ่ายยังมากกว่ารายรับ จะอยู่ได้ยังไง ให้ไปก็เหมือนเดิม เค้ากลับบอกผมว่า งั้นเค้าลาออก เพราะทำงานกับผมค่าใช้จ่ายไม่พอกลับไปอยู่กับลูกเมียดีกว่าผมอึ้งเลย เพราะ10 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยปฏิเสธเรื่องเงินเค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมก็เลยได้ออกก็ออก แต่จะออกไปกินอะไร เค้าบอกว่าจะไปขายข้าวที่บ้าน(บ้านอยู่ต่างจังหวัด) ก็พออยู่ได้ ผมก็โอเค งั้นคุณห้ามขายสินค้าประเภทเดียวกับผมนะ เพราะเค้ารู้สินค้าและราคาขายของผมเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ผมห้ามเค้า 2 ปี เค้าก็รับปาก ผมจึงให้เค้าเซ็นสัญญารับไนี้ที่เป็นอยู่โดยอนุโลมให้ผ่อนหลังจากที่ออกจากผมเดือนละ 5,000 แต่เริ่มหลังจากที่ออกไปแล้ว 1 ปี ผมให้เวลาเค้า 1 ปีเพื่อจะได้อยู่อย่างไม่ลำบาก ทั้งต้องหารายได้
แต่ตอนนี้เรื่องเกิดแล้วครับ ผมมีเซลล์คนใหม่มาวิ่งแทนเค้า ผมได้รับข้อมูลจากลูกค้าดังนี้
1. เค้าไซน์ไลน์ผมโดยขายให้กับบริษัทอื่นด้วย เพื่อแลกค่าคอม 5% ของผมให้ 3-4% ทำมา 7 ปี
2. เค้าลักทรัพย์ผม โดยออกอุบายเอาสินค้าผม ส่งไปที่ลูกค้า แล้วก็แจ้งลูกค้าว่าส่งผิดเดี๋ยวเค้าจัดการให้ แล้วนำสินค้ากลับแต่เอาไปขายเงินสดความมาแตกเพราะ ช่วงเปลี่ยนเซลล์เลยยังไม่ถึงดิวเก็บเงืน คงทำมาแล้วหลายครั้ง
3. เค้าบอกลูกค้าว่าผมกดขี่เรื่องเบี้ยเลี้ยง ทำให้เค้าต้องไปนอนที่วัดบ้าง โรงพักบ้าง ข้างทางบ้าง เพราะต้องประหยัดจะได้พอกับเบี้ยเลี้ยง (ผมให้เค้าวันละ 900 ค่าโรงแรมเซลล์ทั่วๆไปก็ประมาณ 250-400 บาท แล้วแต่จังหวัด)
4. เค้าบอกลูกค้าว่าที่เป็นหนี้บริษัท จริงๆไม่/ด้เป็นเพราะบริษัทโกงค่าคอมเค้า เค้าต้องได้ 5 แต่ผมให้แค่ 3-4 %. (พูดเองเออเอง)
ปัจจุบันเค้าออกจากผมไป 7 เดือนแล้ว ตอนนี้เค้าไปหานายทุน แล้วมาทำการค้าแข่งกับผม ขายลูกค้าผมล้วนๆ โดยประกาศเลยว่าผมขายเท่าไหร่เค้าให้ถูกกว่า ขอความเห็นหน่อยครับ ตอนนี้ผมแจ้งความได้ในเรื่องลักทรัพย์ เพราะลูกค้าก็ไม่ชอบ. แต่หลายๆเจ้า ก็ฟังเค้าคนเดียวมาตลอด 10 ปี จะขายตัดราคาสู้กับเค้า ก็จะโดนว่าได้ ว่าเด็กจะโต แต่เราไปขัดขวาง จะส่งจดหมายชี้แจงกับลูกค้าทุกเจ้า ก็จะโดนว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของบริษัทเอง มาใส่ไฟกันอีก
ขอความเห็นหน่อยครับ ขอบคุณครับ
โดนลูกน้องทรยศควรจัดการยังไงดี
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เค้าเอาเงินบริษัทไปหมุนใช้ส่วนตัว พอหมุนไม่ได้แล้วก็มาอ้อนวอน บอกว่าจำเป็นเรื่องลูก เรื่องแม่บ้าง เรื่องเมียบ้าง ผมก็ให้อภัยตลอด โดยเงินที่ใช้ไปนั้นก็ถือว่าผมให้เบิกละกัน แต่ต้องหักเดือนละ 10,000 บาทตอนรับค่าคอม (ค่าคอมเฉลี่ยเดือนละ 40,000-
60,000) ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เค้าหมุนเงินแบบนี้ประมาณ 4-5 ครั้งผมก็อภัยให้เสมอ เพราะเค้าอ้างเรื่องครอบครัว ผมก็สงสาร
เค้าเป็นคนที่ใช้เงินเก่งมาก เพราะเคยนั่งคิดกันว่าทำไมไม่พอ ต่อเดือนก็ได้เยอะ จึงมาทราบว่าเค้าส่งเสียให้กับเมีย เมียมีสองคน ลูกสามคน แม่อีกหนึ่ง
พอเข้าปีที่7 เค้าเป็นหนี้บริษัทอยู่ประมาณ 2-4 แสนกว่าผมจำไม่ค่อยได้ แต่ช่วงที่เค้าเริ่มผ่อนรถไม่ไหว ผมก็ให้กำลังเค้า โดยบอกว่าทำกับผม คุณจะต้องไม่เสียรถ ผมสัญญากับเค้าไว้ว่า ครบเจ็ดปี ผมจะให้รถกระบะเค้า 1 คัน ซึ่งผมก็บอกเค้าว่าผมตีเป็นเงินให้ดีกว่า ประมาณ 7 แสน โดยล้างหนี้ที่เค้าติดอยู่ แล้วรถที่เค้าใช้อยู่ผมถือว่าเป็นของเค้าเต็มตัว ซึ่งรถที่เค้าใช้ยังอยู่ในสภาพที่ดี เพราะผมให้เข้าศูนย์ตลอด กลัวเป็นอันตราย เค้าก็ขอบคุณผมที่ไม่ลืมสัญญา
แต่ผ่านมาไม่กี่วัน เค้าไปซื้อรถกระบะคันใหม่ มาโชว์ผมๆก็ถามคันเก่ายังดีอยู่ ทำไมต้องสร้างหนี้ขึ้นมาอีก เค้าตอบว่า ไม่เป็นไรผมผ่อนไหวละผมอยากขับรถคันใหม่ สรุปผ่านม่อีกสามปี เข้าปีที่ 10 เค้าเป็นหนี้ผมอีก 700,000 แสนกว่า จากสาเหตุเดิมๆ มีเรื่องแม่เข้ามาด้วย แม่เอาที่ไปจำนอง จะโดนยึด ก็ให้เบิก 250,000 ทั้งค่าเรียนลูก ค่าเทอม เกือบห้าหมื่น ผมก็ว่าเค้าทำไมเรียนแพงขนาดนี้ ลูกผมยังค่าเทอม 35,000 เค้าบอกไม่อยากให้ลูกลำบาก ผมก็จนปัญญาที่จะพูด เมื่อสิ้นกีที่ผ่านมา เค้าจะขอเบิกเงินผมอีก 200,000 ผมไม่ให้ละ เพราะบอกเค้าว่าถ้ารายจ่ายยังมากกว่ารายรับ จะอยู่ได้ยังไง ให้ไปก็เหมือนเดิม เค้ากลับบอกผมว่า งั้นเค้าลาออก เพราะทำงานกับผมค่าใช้จ่ายไม่พอกลับไปอยู่กับลูกเมียดีกว่าผมอึ้งเลย เพราะ10 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยปฏิเสธเรื่องเงินเค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมก็เลยได้ออกก็ออก แต่จะออกไปกินอะไร เค้าบอกว่าจะไปขายข้าวที่บ้าน(บ้านอยู่ต่างจังหวัด) ก็พออยู่ได้ ผมก็โอเค งั้นคุณห้ามขายสินค้าประเภทเดียวกับผมนะ เพราะเค้ารู้สินค้าและราคาขายของผมเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ผมห้ามเค้า 2 ปี เค้าก็รับปาก ผมจึงให้เค้าเซ็นสัญญารับไนี้ที่เป็นอยู่โดยอนุโลมให้ผ่อนหลังจากที่ออกจากผมเดือนละ 5,000 แต่เริ่มหลังจากที่ออกไปแล้ว 1 ปี ผมให้เวลาเค้า 1 ปีเพื่อจะได้อยู่อย่างไม่ลำบาก ทั้งต้องหารายได้
แต่ตอนนี้เรื่องเกิดแล้วครับ ผมมีเซลล์คนใหม่มาวิ่งแทนเค้า ผมได้รับข้อมูลจากลูกค้าดังนี้
1. เค้าไซน์ไลน์ผมโดยขายให้กับบริษัทอื่นด้วย เพื่อแลกค่าคอม 5% ของผมให้ 3-4% ทำมา 7 ปี
2. เค้าลักทรัพย์ผม โดยออกอุบายเอาสินค้าผม ส่งไปที่ลูกค้า แล้วก็แจ้งลูกค้าว่าส่งผิดเดี๋ยวเค้าจัดการให้ แล้วนำสินค้ากลับแต่เอาไปขายเงินสดความมาแตกเพราะ ช่วงเปลี่ยนเซลล์เลยยังไม่ถึงดิวเก็บเงืน คงทำมาแล้วหลายครั้ง
3. เค้าบอกลูกค้าว่าผมกดขี่เรื่องเบี้ยเลี้ยง ทำให้เค้าต้องไปนอนที่วัดบ้าง โรงพักบ้าง ข้างทางบ้าง เพราะต้องประหยัดจะได้พอกับเบี้ยเลี้ยง (ผมให้เค้าวันละ 900 ค่าโรงแรมเซลล์ทั่วๆไปก็ประมาณ 250-400 บาท แล้วแต่จังหวัด)
4. เค้าบอกลูกค้าว่าที่เป็นหนี้บริษัท จริงๆไม่/ด้เป็นเพราะบริษัทโกงค่าคอมเค้า เค้าต้องได้ 5 แต่ผมให้แค่ 3-4 %. (พูดเองเออเอง)
ปัจจุบันเค้าออกจากผมไป 7 เดือนแล้ว ตอนนี้เค้าไปหานายทุน แล้วมาทำการค้าแข่งกับผม ขายลูกค้าผมล้วนๆ โดยประกาศเลยว่าผมขายเท่าไหร่เค้าให้ถูกกว่า ขอความเห็นหน่อยครับ ตอนนี้ผมแจ้งความได้ในเรื่องลักทรัพย์ เพราะลูกค้าก็ไม่ชอบ. แต่หลายๆเจ้า ก็ฟังเค้าคนเดียวมาตลอด 10 ปี จะขายตัดราคาสู้กับเค้า ก็จะโดนว่าได้ ว่าเด็กจะโต แต่เราไปขัดขวาง จะส่งจดหมายชี้แจงกับลูกค้าทุกเจ้า ก็จะโดนว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของบริษัทเอง มาใส่ไฟกันอีก
ขอความเห็นหน่อยครับ ขอบคุณครับ