เลิกกับภรรยามาหลายเดือนแล้ว แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่คาใจอยู่ อยากจะขอความเห็นทุกท่านหน่อยครับ จะได้นอนตาหลับซะที
จริงๆครอบครัวเราน่าจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่งกันมาสิบกว่าปี ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยมากมาย แต่ก็มีบ้าน มีรถส่วนตัวคนละคัน มีเงินเก็บ มีลูกๆน่ารักและเป็นเด็กดี ใครๆเห็นก็มีแต่อิจฉา ผู้หญิงหลายคนบอกว่าผมหน้าตาและเป็นคนดี ใครได้แต่งกับผมโคตรโชคดีเลย แต่ภรรยาผมเค้ากลับไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น เค้าไม่เคยมีความชื่นชมทั้งผมและลูก กลับดูถูกหน้าตาผมและบ่นเสียใจเรื่องลูกว่าไม่ดีเท่าที่หวัง ผมและภรรยาทำงานประจำกันคนละแห่ง แต่เราไม่เคยไปก้าวก่ายที่ทำงานงานของกันและกัน
จนมาหลายปีก่อนเริ่มมีคนมาบอกผมว่าหลังเลิกงานแล้ว เห็นภรรยาผมไปนั่งทานอาหารสองต่อสองกับผู้ร่วมงานผู้ชายคนนึงที่ร้านอาหารซึ่งอยู่นอกที่ทำงานออกไป (ที่ทำงานก็มีโรงอาหาร) ผมเองก็ไม่ได้ระแวงอะไรในตอนนั้นเพราะเชื่อใจภรรยา เมื่อมีโอกาสก็ได้สอบถามภรรยา เค้าก็ยอมรับว่าไปจริง แต่ไม่ได้มีอะไรกัน เป็นแค่ผู้ร่วมงาน พอดีเพื่อนคนอื่นๆไม่ว่างออกมา เลยมากินกันเองสองคน ถ้าผมไม่สบายใจเค้าสัญญาว่าจะกินเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆที่ทำงานเหมือนเดิม ถ้าไม่มีใครเหลือก็จะไปนั่งกินคนเดียว ไม่ไปสองต่อสองอีก ผมฟังดังนั้นก็ค่อนข้างพอใจกับคำตอบของภรรยา และก็ไม่เคยเอ่ยหรือซักถามอะไรเรื่องนี้อีกหลายปี จนผมลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
คงเป็นเพราะแต่งงานกันมานาน ความหวานชื่นมันก็ลดน้อยลง ทำให้หลังๆเราทะเลาะกันมากขึ้น จนกลายเป็นแทบจะทุกวัน ต่างคนก็หาว่าอีกคนเป็นฝ่ายผิด ผมคงไม่ลงรายละเอียดว่าเรื่องอะไรบ้าง แต่แทบทุกครั้งไม่ว่าจะผิดชัดเจนยังไง เธอก็ไม่เคยยอมรับผิด คำว่าขอโทษไม่เคยออกจากปาก ผมต่างหากต้องเป็นฝ่ายง้อและขอโทษแทน ผมก็ทนมาตลอดเพราะรักเธอและห่วงลูกๆไม่อยากให้เป็นเด็กมีปัญหา ผมพยายามปรึกษาญาติๆของเค้าก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วฟางเส้นสุดท้ายของผมก็ขาดลง เพราะจับได้ว่าที่ผ่านมาเธอยังไปนั่งกินข้าวกันสองต่อสองในร้านอาหารหรูๆข้างนอกที่ทำงานอีก พอผมซักเข้า เธอก็ยอมรับว่าไปจริงแต่ไม่ยอมบอกรายละเอียด ถามอะไรก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบตลอด จนเราทะเลาะกันใหญ่ ญาติเธอเข้ามาไกล่เกลี่ย และถามเธอบ้าง คำตอบที่ได้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่เคยได้คำตอบเดิมเลย ถามว่าไปกันสองคนอีกกี่ครั้ง ก็บอกจำไม่ได้มั่ง ครั้งสองครั้งมั่ง ถามว่าแล้วไปกินที่ไหนกัน ก็ตอบแต่ว่าขี้เกียจจำ แค่หิวก็เลยไปกิน (ก็หิวมากทำไมไม่กินที่โรงอาหารของที่ทำงานหล่ะ ออกมากินข้างนอกทำไม) บางทีก็บอกว่าคนอื่นที่ทำงานไม่กินข้าวกลางวันกันมีเค้าสองคนเท่านั้นที่กินข้าวกลางวัน ผมก็เลยงง คิดในใจว่าอ้าว ไหนตอนแรกบอกไปกันสองต่อสองแค่ครั้งสองครั้งเพราะคนอื่นไม่ว่างไปกินด้วยไง ถ้าอย่างงั้นไม่ได้หมายความว่า เค้าไปกินกันสองคนทุกครั้งในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเหรอ?
ซึ่งพอมองย้อนหลังไป เวลาเค้าอยู่ที่ทำงาน เค้าจะไม่รับโทรเลยจนถึงตอนเย็นกลับมาบ้าน ผมจะติดต่อเรื่องสำคัญของลูกก็ติดต่อไม่ได้ เค้าอ้างว่างานยุ่งรับโทรไม่ได้ พอถามว่าหลังเลิกงานแล้วทำไมไม่รับ เค้าก็บอกว่าลืมเปิดเสียง วันที่มีเรื่องทะเลาะกันผมเลยขอดูประวัติการโทรของเค้า ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผมเหมือนควายที่เชื่อใจเค้ามาตลอด ไม่เคยไปเปิดดูเลย ก็ปรากฎว่ามีการโทรหากันระหว่างเค้ากับผู้ชายคนนั้นตอนเช้าด้วย ถามภรรยา เค้าก็บอกว่าเป็นเรื่องงาน ๆลๆ
ทำให้ผมโมโหอย่างมาก ต่อว่าๆเค้าไม่รักษาสัญญา เค้าก็โมโหตวาดผมกลับ หาว่าผมดูถูกและระแวงเค้า
สุดท้ายผมก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นสัญญาได้มั้ยว่าไม่ไปกินกับไอ้นั่นอีก คำตอบที่ได้คือ เค้าไม่รับปาก! บอกว่ายังมีความจำเป็นต้องไปกินสองคนอีก ทำให้ผมฟิวส์ขาดทันที ถามว่ามันมีความจำเป็นอะไรหนักหนาที่ต้องไปกินกันที่ร้านอาหารข้างนอกสองคน เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่ได้เป็นเจ้านายอะไรด้วยซ้ำ ผมรับกับคำตอบของเค้าไม่ได้ ผมให้เค้าเลือกว่าจะเอาครอบครัวหรือจะเอากินข้าวกับไอ้นั่น คำตอบคือเค้ายอมเลิกกับผมดีกว่า เค้าไม่สามารถทนอยู่กับคนมีความคิดถ่อยๆเช่นนี้ได้! ผมเลยเดินออกมาทั้งน้ำตา ไม่เคยคิดว่าครอบครัวจะมาเป็นแบบนี้
ชอบตอบผมหน่อยเถอะจะได้นอนตาหลับ เค้าไม่มีอะไรกันจริงๆผมระแวงไปเอง หรือว่าผมกินหญ้าอยู่
ผมเลวมากใช่มั้ยครับ ที่ระแวงภรรยาจนเลิกกัน
จริงๆครอบครัวเราน่าจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่งกันมาสิบกว่าปี ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยมากมาย แต่ก็มีบ้าน มีรถส่วนตัวคนละคัน มีเงินเก็บ มีลูกๆน่ารักและเป็นเด็กดี ใครๆเห็นก็มีแต่อิจฉา ผู้หญิงหลายคนบอกว่าผมหน้าตาและเป็นคนดี ใครได้แต่งกับผมโคตรโชคดีเลย แต่ภรรยาผมเค้ากลับไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น เค้าไม่เคยมีความชื่นชมทั้งผมและลูก กลับดูถูกหน้าตาผมและบ่นเสียใจเรื่องลูกว่าไม่ดีเท่าที่หวัง ผมและภรรยาทำงานประจำกันคนละแห่ง แต่เราไม่เคยไปก้าวก่ายที่ทำงานงานของกันและกัน
จนมาหลายปีก่อนเริ่มมีคนมาบอกผมว่าหลังเลิกงานแล้ว เห็นภรรยาผมไปนั่งทานอาหารสองต่อสองกับผู้ร่วมงานผู้ชายคนนึงที่ร้านอาหารซึ่งอยู่นอกที่ทำงานออกไป (ที่ทำงานก็มีโรงอาหาร) ผมเองก็ไม่ได้ระแวงอะไรในตอนนั้นเพราะเชื่อใจภรรยา เมื่อมีโอกาสก็ได้สอบถามภรรยา เค้าก็ยอมรับว่าไปจริง แต่ไม่ได้มีอะไรกัน เป็นแค่ผู้ร่วมงาน พอดีเพื่อนคนอื่นๆไม่ว่างออกมา เลยมากินกันเองสองคน ถ้าผมไม่สบายใจเค้าสัญญาว่าจะกินเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆที่ทำงานเหมือนเดิม ถ้าไม่มีใครเหลือก็จะไปนั่งกินคนเดียว ไม่ไปสองต่อสองอีก ผมฟังดังนั้นก็ค่อนข้างพอใจกับคำตอบของภรรยา และก็ไม่เคยเอ่ยหรือซักถามอะไรเรื่องนี้อีกหลายปี จนผมลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
คงเป็นเพราะแต่งงานกันมานาน ความหวานชื่นมันก็ลดน้อยลง ทำให้หลังๆเราทะเลาะกันมากขึ้น จนกลายเป็นแทบจะทุกวัน ต่างคนก็หาว่าอีกคนเป็นฝ่ายผิด ผมคงไม่ลงรายละเอียดว่าเรื่องอะไรบ้าง แต่แทบทุกครั้งไม่ว่าจะผิดชัดเจนยังไง เธอก็ไม่เคยยอมรับผิด คำว่าขอโทษไม่เคยออกจากปาก ผมต่างหากต้องเป็นฝ่ายง้อและขอโทษแทน ผมก็ทนมาตลอดเพราะรักเธอและห่วงลูกๆไม่อยากให้เป็นเด็กมีปัญหา ผมพยายามปรึกษาญาติๆของเค้าก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วฟางเส้นสุดท้ายของผมก็ขาดลง เพราะจับได้ว่าที่ผ่านมาเธอยังไปนั่งกินข้าวกันสองต่อสองในร้านอาหารหรูๆข้างนอกที่ทำงานอีก พอผมซักเข้า เธอก็ยอมรับว่าไปจริงแต่ไม่ยอมบอกรายละเอียด ถามอะไรก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบตลอด จนเราทะเลาะกันใหญ่ ญาติเธอเข้ามาไกล่เกลี่ย และถามเธอบ้าง คำตอบที่ได้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่เคยได้คำตอบเดิมเลย ถามว่าไปกันสองคนอีกกี่ครั้ง ก็บอกจำไม่ได้มั่ง ครั้งสองครั้งมั่ง ถามว่าแล้วไปกินที่ไหนกัน ก็ตอบแต่ว่าขี้เกียจจำ แค่หิวก็เลยไปกิน (ก็หิวมากทำไมไม่กินที่โรงอาหารของที่ทำงานหล่ะ ออกมากินข้างนอกทำไม) บางทีก็บอกว่าคนอื่นที่ทำงานไม่กินข้าวกลางวันกันมีเค้าสองคนเท่านั้นที่กินข้าวกลางวัน ผมก็เลยงง คิดในใจว่าอ้าว ไหนตอนแรกบอกไปกันสองต่อสองแค่ครั้งสองครั้งเพราะคนอื่นไม่ว่างไปกินด้วยไง ถ้าอย่างงั้นไม่ได้หมายความว่า เค้าไปกินกันสองคนทุกครั้งในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเหรอ?
ซึ่งพอมองย้อนหลังไป เวลาเค้าอยู่ที่ทำงาน เค้าจะไม่รับโทรเลยจนถึงตอนเย็นกลับมาบ้าน ผมจะติดต่อเรื่องสำคัญของลูกก็ติดต่อไม่ได้ เค้าอ้างว่างานยุ่งรับโทรไม่ได้ พอถามว่าหลังเลิกงานแล้วทำไมไม่รับ เค้าก็บอกว่าลืมเปิดเสียง วันที่มีเรื่องทะเลาะกันผมเลยขอดูประวัติการโทรของเค้า ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผมเหมือนควายที่เชื่อใจเค้ามาตลอด ไม่เคยไปเปิดดูเลย ก็ปรากฎว่ามีการโทรหากันระหว่างเค้ากับผู้ชายคนนั้นตอนเช้าด้วย ถามภรรยา เค้าก็บอกว่าเป็นเรื่องงาน ๆลๆ
ทำให้ผมโมโหอย่างมาก ต่อว่าๆเค้าไม่รักษาสัญญา เค้าก็โมโหตวาดผมกลับ หาว่าผมดูถูกและระแวงเค้า
สุดท้ายผมก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นสัญญาได้มั้ยว่าไม่ไปกินกับไอ้นั่นอีก คำตอบที่ได้คือ เค้าไม่รับปาก! บอกว่ายังมีความจำเป็นต้องไปกินสองคนอีก ทำให้ผมฟิวส์ขาดทันที ถามว่ามันมีความจำเป็นอะไรหนักหนาที่ต้องไปกินกันที่ร้านอาหารข้างนอกสองคน เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่ได้เป็นเจ้านายอะไรด้วยซ้ำ ผมรับกับคำตอบของเค้าไม่ได้ ผมให้เค้าเลือกว่าจะเอาครอบครัวหรือจะเอากินข้าวกับไอ้นั่น คำตอบคือเค้ายอมเลิกกับผมดีกว่า เค้าไม่สามารถทนอยู่กับคนมีความคิดถ่อยๆเช่นนี้ได้! ผมเลยเดินออกมาทั้งน้ำตา ไม่เคยคิดว่าครอบครัวจะมาเป็นแบบนี้
ชอบตอบผมหน่อยเถอะจะได้นอนตาหลับ เค้าไม่มีอะไรกันจริงๆผมระแวงไปเอง หรือว่าผมกินหญ้าอยู่