จากรายละเอียด ในกระทู้
http://ppantip.com/topic/33926067 (สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อเรื่อง ภพ ชาติและการเวียนว่ายตายเกิด)
ฝากถึงชาวพุทธนะคะ
วิธีฝึกอุเบกขา
ชาวพุทธที่แท้ ก็ควรฝึกอดทนอดกลั้น กับถ้อยคำไม่จริง
อย่าไปหดหู่ ที่ได้เห็น เบื่อที่มีคนโจมตีศาสนาพุทธ แต่ให้ฝึกใจ
ฝึกให้มีสติ รู้ทันความหดหู ความเบื่อ ความหงุดเหงิดต่อถ้อยคำไม่จริง
การมีใจเป็นอุเบกขา สำคัญมาก หากไม่มี เราก็คือทาสของกิเลสดีๆนี่เอง
เห็นข้อความตอบกลับมา ขัดแย้งมา ก็หน้ามืดพิมพ์ตอบ เราเองก็จะทุกข์ร่ำไป
อุเบกขา ไม่ใช่ใครจะมีได้ ทุกคนต้องฝึก
หากยังทำไม่ได้ก็ค่อยๆฝึก ฝึกจากดูลมหายใจเข้าออก
จากความรู้สึกอึดอัดใจ เวลาได้อ่านหากอยู่กับลมหายใจได้นาน
และเริ่มสบาย แปลว่า เราได้รู้ถึงการเริ่มต้นมีอุเบกขา แล้วค่ะ
*แต่การมี
อุเบกขา นั้น เราต้องเห็นการปรุงแต่งดีและไม่ดีของจิต
จนจิตเกิดปัญญาและเป้นกลางขึ้นมาจริง ดังนั้นก็ต้องฝึกฝนค่ะ
ส่วนจะตอบหรือไม่ตอบ
ต่อ เวลามีความเห็นที่ขัดแย้ง
โต้ตอบเข้ามาในกระทู้ ก็ขอให้คิดว่า
เราตอบความจริงเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้าใจ ศาสนาเราผิด ก็พอ
ไม่ต้องไปต่อความยาว สาวความยืด
ทำประโยชน์เท่าที่ทำดีที่สุดแล้วแล้วปล่อยค่ะ
เพราะ
ความดีมีไว้ให้ทำแต่ไม่ให้ยึด
เพราะการยึดคือการมีตัวมีตน
หากยึดติดในความดี มากๆ
ก็จะไปโต้ตอบกับเขาได้มาก ทำให้ตัวเป็นทุกข์เปล่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หรือเอาสิ่งที่เราคิดว่าดีไปยัดเยียดใส่หัวคนอื่นแล้วบังคับเขาให้ตอบว่า ต้องดี
เหมือนที่เราคิด พอเขาไม่เห็นด้วยก็ทุกข์ พาลไปบอกเขาว่าไม่รู้จักสิ่งดีๆ โง่ บุญก็ไม่เอา ไปต่อความยาวสาวความยืด เป็นเรื่องเป็นราวยืดยื้ออีก
เราต้องถามตัวเองว่า
เรามีความดีไว้ให้เราเป็นคนตัวใหญ่ .ให้อัตตา มานะ(ความเก่ง) มากขึ้น งั้นหรือ
หรือมีเพื่อให้เป็นคนตัวเล็ก มีความเป็นกลางในทุกเรื่องราว
สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง แบบคนมีใจดีๆ มีสติ และใจเย็น
หากหันมา
ฝึกอุเบกขาได้ ทำได้จริง ใจจะเบา มากขึ้น
ชนิดที่ไม่ต้องไปถามใครว่าความสุขอยู่ที่ไหน มันอยู่ต่อหน้าเรานี่แล้ว
เพราะการปล่อย คือความสุข ของคนมีปัญญา
ไม่ต้องแบกทุกข์ไปไหนต่อไหนด้วยให้วุ่นวายใจ
จขกทอธิบายอุเบกขาเพิ่มเติมไว้ที่ คห.28นะคะ
http://ppantip.com/topic/33931243/comment28
หากท่านใดมีวิธีฝึกอุเบกขาแบบพุทธ เพิ่มเติม สามารถนำมาลงเพิ่มช่วย จขกท ได้นะคะ
เพราะคนเรามีหลายจริต จขกท เขียนอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนกลุ่มนึง
แต่อาจะจะไม่ทั่วถึงกับคนกลุ่มอื่นๆก็เป็นได้ค่ะ
คนที่ต่างจริตกันค่ะ
ฝากถึงชาวพุทธ กรณีกระทู้ ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่อง ภพ ชาติและการเวียนว่ายตายเกิด
http://ppantip.com/topic/33926067 (สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อเรื่อง ภพ ชาติและการเวียนว่ายตายเกิด)
ฝากถึงชาวพุทธนะคะ
วิธีฝึกอุเบกขา
ชาวพุทธที่แท้ ก็ควรฝึกอดทนอดกลั้น กับถ้อยคำไม่จริง
อย่าไปหดหู่ ที่ได้เห็น เบื่อที่มีคนโจมตีศาสนาพุทธ แต่ให้ฝึกใจ
ฝึกให้มีสติ รู้ทันความหดหู ความเบื่อ ความหงุดเหงิดต่อถ้อยคำไม่จริง
การมีใจเป็นอุเบกขา สำคัญมาก หากไม่มี เราก็คือทาสของกิเลสดีๆนี่เอง
เห็นข้อความตอบกลับมา ขัดแย้งมา ก็หน้ามืดพิมพ์ตอบ เราเองก็จะทุกข์ร่ำไป
อุเบกขา ไม่ใช่ใครจะมีได้ ทุกคนต้องฝึก
หากยังทำไม่ได้ก็ค่อยๆฝึก ฝึกจากดูลมหายใจเข้าออก
จากความรู้สึกอึดอัดใจ เวลาได้อ่านหากอยู่กับลมหายใจได้นาน
และเริ่มสบาย แปลว่า เราได้รู้ถึงการเริ่มต้นมีอุเบกขา แล้วค่ะ
*แต่การมี อุเบกขา นั้น เราต้องเห็นการปรุงแต่งดีและไม่ดีของจิต
จนจิตเกิดปัญญาและเป้นกลางขึ้นมาจริง ดังนั้นก็ต้องฝึกฝนค่ะ
ส่วนจะตอบหรือไม่ตอบ ต่อ เวลามีความเห็นที่ขัดแย้ง
โต้ตอบเข้ามาในกระทู้ ก็ขอให้คิดว่า
เราตอบความจริงเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้าใจ ศาสนาเราผิด ก็พอ
ไม่ต้องไปต่อความยาว สาวความยืด
ทำประโยชน์เท่าที่ทำดีที่สุดแล้วแล้วปล่อยค่ะ
เพราะ
ความดีมีไว้ให้ทำแต่ไม่ให้ยึด
เพราะการยึดคือการมีตัวมีตน
หากยึดติดในความดี มากๆ
ก็จะไปโต้ตอบกับเขาได้มาก ทำให้ตัวเป็นทุกข์เปล่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราต้องถามตัวเองว่า
เรามีความดีไว้ให้เราเป็นคนตัวใหญ่ .ให้อัตตา มานะ(ความเก่ง) มากขึ้น งั้นหรือ
หรือมีเพื่อให้เป็นคนตัวเล็ก มีความเป็นกลางในทุกเรื่องราว
สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง แบบคนมีใจดีๆ มีสติ และใจเย็น
หากหันมา ฝึกอุเบกขาได้ ทำได้จริง ใจจะเบา มากขึ้น
ชนิดที่ไม่ต้องไปถามใครว่าความสุขอยู่ที่ไหน มันอยู่ต่อหน้าเรานี่แล้ว
เพราะการปล่อย คือความสุข ของคนมีปัญญา
ไม่ต้องแบกทุกข์ไปไหนต่อไหนด้วยให้วุ่นวายใจ
จขกทอธิบายอุเบกขาเพิ่มเติมไว้ที่ คห.28นะคะ http://ppantip.com/topic/33931243/comment28
หากท่านใดมีวิธีฝึกอุเบกขาแบบพุทธ เพิ่มเติม สามารถนำมาลงเพิ่มช่วย จขกท ได้นะคะ
เพราะคนเรามีหลายจริต จขกท เขียนอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนกลุ่มนึง
แต่อาจะจะไม่ทั่วถึงกับคนกลุ่มอื่นๆก็เป็นได้ค่ะ
คนที่ต่างจริตกันค่ะ