(มาแก้ไขให้อ่านง่ายขึ้นนะค่ะ) พาส 2 อยู่ความคิดเห็นที่ 11
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะเป็นการเล่าประสบการ์ณที่เคยไปทำงานอยู่ไต้หวันมาบอกเพื่อเป็นแนวทางของคนที่อยากไปทำงานต่างประเทศดูบ้างนะค่ะ
ตอนอยู่เมืองไทยทำงานเป็นกุ๊กอยู่ร้านอาหารได้เงินเดือน 10,000 บาท ทำหน้าที่ก็สากกระเบือยันเรือรบละค่ะ วันไหนตำแหน่งตรงไหนว่างก็ต้องไปทำหน้าที่แทน ถ้าเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลก็คงเป็นริโบโร่ละค่ะ เป็นตั้งแต่เช็คเกอร์ยันล้างจาน อยู่เมืองไทยทำหน้าที่หลายๆอย่างค่ะแต่เงินเดือนยังคงอยู่ที่เดิมไม่กระดิกเลย เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเป็นเหมือนกัน แต่ก็นะคะชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ทำงานอยู่ร้านอาหารมาได้ประมาณปีหนึ่งเริ่มรู้สึกว่าเราอยากได้เงืนมากกว่านี้ค่ะ เพราะเรามีความฝันที่อยากจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง แต่ติดที่ต้นทุนยังไม่มีค่ะ ก็เลยเริ่มคิดถึงการไปอยู่เมืองนอก
ตอนแรกก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเพราะยังไม่มีประสบการ์ณบวกกับกลัวโดนหลอก โชคดีมีน้าแล้วก็เพื่อนทำงานอยู่ไต้หวันก็เลยลองโทรไปถามน้าให้หางานให้ค่ะ บริษัทแรกที่เขาให้ไปสอบตอนนั้นก็ยังไม่กล้าไปกลัวค่ะ ถอดใจไปได้สักครึ่งปีเริ่มมีแรงผลักดันใหม่ตอนนั้นครอบครัวค่อนข้างลำบากมาเหมือนเป็นขาลงอะไรๆก็เหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เลยตัดสินใจไปอีกที ทีนี้ไม่ขอตัวช่วยละค่ะกลัวเขาเสียเครดิตเพราะคราวก่อนเราไม่ได้ไปตามที่เขาฝากให้ ลุยเองเลยค่ะ เข้าไปกรมแรงงานเขียนประวัติแล้วก็ลงทะเบียนประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ เขาก็จะถามในใบกรอกประวัตินะค่ะว่าต้องการไปทำงานประเทศไหน ตำแหน่งอะไร ตอนนั้นเรามีความสามารถอย่างเดียวค่ะ คือการทำอาหารก็กรอกไปตามความเป็นจริงละค่ะ เราก็กรอกอยากไปออสเตเรีย (ภาษาไม่เป็นเลย) 555 ผ่านไปสองสามวันยังไม่มีวี่แวว เอาไงดีที่นี้ งานก็ออกมาแล้ว เดินหน้าต่อซิค่ะ ทีนี้เราก็หาเองเลยถามอากู๋ หาไปหามาเจออยู่บริษัทหนึ่ง แต่ก็ยังไม่กล้าโทรไปเพราะกลัวโดนหลอก คิดในใจเชื่อถือได้รึป่าวก็ไม่รู้ คิดนานอยู่หลายวัน พอดีมีรุ่นน้องที่รู้จักเคยทำงานที่เดียวกันนี้แหละค่ะ เขาทำงานอยู่นิคมอุตสาหกรรมลำพูน โทรมาชวนให้ไปทำงานด้วยกัน ตอนนั้นเราก็คิดอยู่นานว่าจะเอางัยดีตกงานก็ตก (หาเรื่องใส่ตัวเองค่ะ) เอ่อไปก็ไป
พึ่งรู้ว่าการสมัครงานโรงงานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนนั้นหัวทองไปเลยค่ะ พนักงานเขาก็บอกผมสีนี้ไม่ได้นะคะต้องผมดำ อ่าว ทำงัยละ มาไกลแล้วด้วย คือบ้านอยู่เชียงใหม่ค่ะแต่นิคมอยู่ลำพูนไกลบ้านมาก ก็เลยไปย้อมผมดำเพื่อที่จะสมัครงาน รอสัมภาษณ์งานวันนั้นเลย เขาไปถึงห้องสัมภาษณ์งาน เขาก็ดูเราทุกอย่างค่ะทั้งบุคลิก ก็เหมือนสัมภาษณ์งานทั่วไป ที่สำคัญเขาบอกปกติไม่รับเพศที่สาม เพราะเคยรับแล้วมีปัญหาตบตีกัน ตอนนั้นในใจคิดว่า ไม่ผ่านแน่ๆกรู จบสัมภาษณ์งานตัดสินใจ โทรหาบริษัทจัดหางานต่างประเทศเลยค่ะไม่รอฟังผลสัมภาษณ์ด้วย ก็คุยกับพี่เขาเขาก็ถามเรา ตอนนี้มีงานแต่ไต้หวันนะสนใจไหม ถ้าสนใจก็เข้ามาทำเอกสารที่บริษัทเลยพรุ่งนี้ เราตัดสินใจตอบแบบไม่คิดเลยค่ะ ได้ค่ะ
ขับรถกลับบ้านเตรียมของเอกสารต่างๆ เตรียมไปกรุงเทพฯ ต้องออกจากเชียงใหม่ตอนดึกเพื่อให้ถึงกรุงเทพในตอนเช้าค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชม. ตอนเช้าถึงกรุงเทพก็ยังไปไม่ถูกค่ะ ต้องใช้บริการพี่แท๊กซี่แล้วอย่างที่รู้ๆกันนะคะแท๊กซี่พี่ไทย พอเจอคนต่างจังหวัดหวานหมูเลย ไม่รู้พาอ้อมไปไหนต่อไหน ไอ่เราก็อุตสาห์ทำเนียนขึ้นรถพูดไทยชัดแจ๋ว ทำเป็นเหมือนรู้ทางอะค่ะ แต่แท๊กซี่มันดันถามเราไปทางไหนดีครับ อ่าว! งัยละไม่รู้อะจะพาไปทางไหนก็ไปแต่ก็ถึงที่หมายด้วยค่าแท๊กซี่ที่มาหาโหด ก็ยอม ทำไงได้เนาะ
ไปถึงบริษัทก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เขาเอาเอกสารมาให้เราอ่าน อ่านแล้วก็เซ็น จบ คิดในใจ เรามาจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพเพื่อเซ็นแค่นี้อะนะ ก็กลับเชียงใหม่ค่ะ ผ่านไปสามวันบริษัทโทรมา อีกละ ให้เราไปสอบ เฮ้ย! พึ่งกลับมาอะคือแบบว่า ทำไมไม่บอกก่อนจะได้ไปนอนบ้านญาติ ก็นั่งรถไปอีกค่ะไปทำข้อสอบ ไปๆกลับๆกรุงเทพ -เชียงใหม่อยู่หลายรอบ ทั้งทำพาสปอร์ต/เดินเรื่องที่กรมแรงงาน/ตรวจโรค จะบอกว่าทั้งหมดทั้งปวงกว่าจะได้ไปเราเป็นคนเดินเรื่องเองทั้งหมด
เขาแค่บอกให้เรา ไปตรงนั้นทำอันนี้นะไปตรงนี้ทำอันนั้นนะ หมดค่าใช้จ่ายไปเยอะมากค่ะ ค่าเดินทางโดยจริงๆแล้วบริษัทจัดหางานจะต้องเป็นคนเดินเอกสารให้เราทุกอย่างเราแค่ ทำพาสแล้วก็เซ็นเอกสาร ตรวจโรคเท่านั้นคะ แต่บริษัทนี้เหมือนเป็นบริษัทลูกแบบ คนไม่พอในการทำเรื่องก็กลัวๆนะค่ะ ว่าเขาจะหลอกเรารึป่าวแต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่บริษัทส่งเอกสารให้นายจ่างแล้วก็รอ รอไม่นานค่ะหลังจากทำเรื่องเสร็จ บริษัทก็โทรมาบอกว่าเราไปของบริษัทนี้ก่อนไหมได้บินเลยไม่ต้องรอ ไอ่เราก็อยากไปแล้วอ่ะค่ะ ก็เลยบอกว่าไปก็ได้ค่ะซึ่งไม่รู้เลยว่าเป็นงานอะไรอยู่ที่ไหนอะไรยังไงเพราะเขาไม่ได้บอกรายละเอียด เขาก็เดินเรื่องให้เรา ก็ไม่ต้องทำรัยแล้วแค่รอวันบินอย่างเดียว
ผ่านไปสองวันบริษัทก็โทรมาบอกว่าเรื่องผ่านแล้ว บินวันนี้ๆๆ นะ เข้ากรมแรงงานวันนี้ๆๆ นะ เราก็เตรียมกระเป๋าเดินทางละค่ะ ตื่นเต้นมากไปนอกครั้งแรก พาแม่ไปซื้อกระเป๋าใบใหญ่สุดมาเลยกะใส่เต็มที่ จัดกระเป๋าแบบว่าอลังมากๆ ขนไปหมดเสื้อผ้าแชมพูจิปาถะ เต็มกระเป๋าเลย ก็ไปครั้งแรกไม่รู้จะเอารัยไปบ้างเนาะมือใหม่ ใกล้ถึงวันบินพ่อแม่พี่น้องไม่ได้ไปส่งหรอกค่ะ เพราะต้องไปขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ ก่อนบินก็ต้องเข้าไปอบรมที่กรมแรงงานก่อนบินหนึ่งวัน เลยร่ำราแบบทำใจลำบากมากพอรู้ว่าจะไกลบ้าน พยายามทำใจเข้มแข็งค่ะบอกกับตัวเองทำเพื่อครอบครัว ไม่ยอมร้องไห้ให้ครอบครัวเห็น (มารู้ทีหลังแม่แอบร้องไห้เป็นห่วง) น้องสาวตัวน้อยยิ่งร้องไห้ใหญ่เลยค่ะไม่รู้ว่าพี่สาวจะไปไหนเด็กน้อยยังไม่รู้จักประเทศไต้หวันเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นทั้งตื่นเต้นทั้งเศร้านะค่ะไม่รู้เราจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง พอถึงกรุงเทพฯ เขามีที่พักให้นะค่ะฟรี แต่จะบอกว่าน่ากลัวมาก น่ากลัวนี้ไม่ใช่ผีนะค่ะแต่เป็นคน ที่พักมีแค่เสื่อผืนกับหมอนใบจริงๆเลยค่ะ (บริษัทใหญ่ๆไม่เป็นแบบนี้ทุกบริษัทนะค่ะสืบมาแล้ว) เลยตัดสินใจไปนอนโรงแรมราคาถูกดีกว่าค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่บริษัทเอาเสื้อผ้าติดตัวไปสองชุด พอดีได้นอนหลายคืนคะเพราะบินวันอังคารเข้ากรมแรงงานวันจันทร์ แต่ทางบริษัทเขาให้มาเซ็นเอกสารพร้อมจ่ายเงินค่าเดินทางวันศุกร์ เลยอยู่กรุงเทพหลายวัน
** กระทู้นี้เป็นกระทู้แก้ไขแล้วค่ะพอดีมันอ่านยากไปยาวไปเลยมาทำให้มันอ่านง่ายขึ้นใครที่ติดตามอ่านพาส2 อาจจะเปลี่ยนไปตั้งกระทู้ใหม่แทนนะค่ะ ส่วนพาส2 ก็จะเป็นการย่อต่อจากที่แก้ไขค่ะ เดี๋ยวเขียนเสร็จจะแท๊กลิงค์ไว้ให้ติดตามอ่านกันนะค่ะ
ใครอยากไปทำงานต่างประเทศต้องอ่าน
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะเป็นการเล่าประสบการ์ณที่เคยไปทำงานอยู่ไต้หวันมาบอกเพื่อเป็นแนวทางของคนที่อยากไปทำงานต่างประเทศดูบ้างนะค่ะ
ตอนอยู่เมืองไทยทำงานเป็นกุ๊กอยู่ร้านอาหารได้เงินเดือน 10,000 บาท ทำหน้าที่ก็สากกระเบือยันเรือรบละค่ะ วันไหนตำแหน่งตรงไหนว่างก็ต้องไปทำหน้าที่แทน ถ้าเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลก็คงเป็นริโบโร่ละค่ะ เป็นตั้งแต่เช็คเกอร์ยันล้างจาน อยู่เมืองไทยทำหน้าที่หลายๆอย่างค่ะแต่เงินเดือนยังคงอยู่ที่เดิมไม่กระดิกเลย เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเป็นเหมือนกัน แต่ก็นะคะชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ทำงานอยู่ร้านอาหารมาได้ประมาณปีหนึ่งเริ่มรู้สึกว่าเราอยากได้เงืนมากกว่านี้ค่ะ เพราะเรามีความฝันที่อยากจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง แต่ติดที่ต้นทุนยังไม่มีค่ะ ก็เลยเริ่มคิดถึงการไปอยู่เมืองนอก
ตอนแรกก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเพราะยังไม่มีประสบการ์ณบวกกับกลัวโดนหลอก โชคดีมีน้าแล้วก็เพื่อนทำงานอยู่ไต้หวันก็เลยลองโทรไปถามน้าให้หางานให้ค่ะ บริษัทแรกที่เขาให้ไปสอบตอนนั้นก็ยังไม่กล้าไปกลัวค่ะ ถอดใจไปได้สักครึ่งปีเริ่มมีแรงผลักดันใหม่ตอนนั้นครอบครัวค่อนข้างลำบากมาเหมือนเป็นขาลงอะไรๆก็เหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เลยตัดสินใจไปอีกที ทีนี้ไม่ขอตัวช่วยละค่ะกลัวเขาเสียเครดิตเพราะคราวก่อนเราไม่ได้ไปตามที่เขาฝากให้ ลุยเองเลยค่ะ เข้าไปกรมแรงงานเขียนประวัติแล้วก็ลงทะเบียนประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ เขาก็จะถามในใบกรอกประวัตินะค่ะว่าต้องการไปทำงานประเทศไหน ตำแหน่งอะไร ตอนนั้นเรามีความสามารถอย่างเดียวค่ะ คือการทำอาหารก็กรอกไปตามความเป็นจริงละค่ะ เราก็กรอกอยากไปออสเตเรีย (ภาษาไม่เป็นเลย) 555 ผ่านไปสองสามวันยังไม่มีวี่แวว เอาไงดีที่นี้ งานก็ออกมาแล้ว เดินหน้าต่อซิค่ะ ทีนี้เราก็หาเองเลยถามอากู๋ หาไปหามาเจออยู่บริษัทหนึ่ง แต่ก็ยังไม่กล้าโทรไปเพราะกลัวโดนหลอก คิดในใจเชื่อถือได้รึป่าวก็ไม่รู้ คิดนานอยู่หลายวัน พอดีมีรุ่นน้องที่รู้จักเคยทำงานที่เดียวกันนี้แหละค่ะ เขาทำงานอยู่นิคมอุตสาหกรรมลำพูน โทรมาชวนให้ไปทำงานด้วยกัน ตอนนั้นเราก็คิดอยู่นานว่าจะเอางัยดีตกงานก็ตก (หาเรื่องใส่ตัวเองค่ะ) เอ่อไปก็ไป
พึ่งรู้ว่าการสมัครงานโรงงานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนนั้นหัวทองไปเลยค่ะ พนักงานเขาก็บอกผมสีนี้ไม่ได้นะคะต้องผมดำ อ่าว ทำงัยละ มาไกลแล้วด้วย คือบ้านอยู่เชียงใหม่ค่ะแต่นิคมอยู่ลำพูนไกลบ้านมาก ก็เลยไปย้อมผมดำเพื่อที่จะสมัครงาน รอสัมภาษณ์งานวันนั้นเลย เขาไปถึงห้องสัมภาษณ์งาน เขาก็ดูเราทุกอย่างค่ะทั้งบุคลิก ก็เหมือนสัมภาษณ์งานทั่วไป ที่สำคัญเขาบอกปกติไม่รับเพศที่สาม เพราะเคยรับแล้วมีปัญหาตบตีกัน ตอนนั้นในใจคิดว่า ไม่ผ่านแน่ๆกรู จบสัมภาษณ์งานตัดสินใจ โทรหาบริษัทจัดหางานต่างประเทศเลยค่ะไม่รอฟังผลสัมภาษณ์ด้วย ก็คุยกับพี่เขาเขาก็ถามเรา ตอนนี้มีงานแต่ไต้หวันนะสนใจไหม ถ้าสนใจก็เข้ามาทำเอกสารที่บริษัทเลยพรุ่งนี้ เราตัดสินใจตอบแบบไม่คิดเลยค่ะ ได้ค่ะ
ขับรถกลับบ้านเตรียมของเอกสารต่างๆ เตรียมไปกรุงเทพฯ ต้องออกจากเชียงใหม่ตอนดึกเพื่อให้ถึงกรุงเทพในตอนเช้าค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชม. ตอนเช้าถึงกรุงเทพก็ยังไปไม่ถูกค่ะ ต้องใช้บริการพี่แท๊กซี่แล้วอย่างที่รู้ๆกันนะคะแท๊กซี่พี่ไทย พอเจอคนต่างจังหวัดหวานหมูเลย ไม่รู้พาอ้อมไปไหนต่อไหน ไอ่เราก็อุตสาห์ทำเนียนขึ้นรถพูดไทยชัดแจ๋ว ทำเป็นเหมือนรู้ทางอะค่ะ แต่แท๊กซี่มันดันถามเราไปทางไหนดีครับ อ่าว! งัยละไม่รู้อะจะพาไปทางไหนก็ไปแต่ก็ถึงที่หมายด้วยค่าแท๊กซี่ที่มาหาโหด ก็ยอม ทำไงได้เนาะ
ไปถึงบริษัทก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เขาเอาเอกสารมาให้เราอ่าน อ่านแล้วก็เซ็น จบ คิดในใจ เรามาจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพเพื่อเซ็นแค่นี้อะนะ ก็กลับเชียงใหม่ค่ะ ผ่านไปสามวันบริษัทโทรมา อีกละ ให้เราไปสอบ เฮ้ย! พึ่งกลับมาอะคือแบบว่า ทำไมไม่บอกก่อนจะได้ไปนอนบ้านญาติ ก็นั่งรถไปอีกค่ะไปทำข้อสอบ ไปๆกลับๆกรุงเทพ -เชียงใหม่อยู่หลายรอบ ทั้งทำพาสปอร์ต/เดินเรื่องที่กรมแรงงาน/ตรวจโรค จะบอกว่าทั้งหมดทั้งปวงกว่าจะได้ไปเราเป็นคนเดินเรื่องเองทั้งหมด
เขาแค่บอกให้เรา ไปตรงนั้นทำอันนี้นะไปตรงนี้ทำอันนั้นนะ หมดค่าใช้จ่ายไปเยอะมากค่ะ ค่าเดินทางโดยจริงๆแล้วบริษัทจัดหางานจะต้องเป็นคนเดินเอกสารให้เราทุกอย่างเราแค่ ทำพาสแล้วก็เซ็นเอกสาร ตรวจโรคเท่านั้นคะ แต่บริษัทนี้เหมือนเป็นบริษัทลูกแบบ คนไม่พอในการทำเรื่องก็กลัวๆนะค่ะ ว่าเขาจะหลอกเรารึป่าวแต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่บริษัทส่งเอกสารให้นายจ่างแล้วก็รอ รอไม่นานค่ะหลังจากทำเรื่องเสร็จ บริษัทก็โทรมาบอกว่าเราไปของบริษัทนี้ก่อนไหมได้บินเลยไม่ต้องรอ ไอ่เราก็อยากไปแล้วอ่ะค่ะ ก็เลยบอกว่าไปก็ได้ค่ะซึ่งไม่รู้เลยว่าเป็นงานอะไรอยู่ที่ไหนอะไรยังไงเพราะเขาไม่ได้บอกรายละเอียด เขาก็เดินเรื่องให้เรา ก็ไม่ต้องทำรัยแล้วแค่รอวันบินอย่างเดียว
ผ่านไปสองวันบริษัทก็โทรมาบอกว่าเรื่องผ่านแล้ว บินวันนี้ๆๆ นะ เข้ากรมแรงงานวันนี้ๆๆ นะ เราก็เตรียมกระเป๋าเดินทางละค่ะ ตื่นเต้นมากไปนอกครั้งแรก พาแม่ไปซื้อกระเป๋าใบใหญ่สุดมาเลยกะใส่เต็มที่ จัดกระเป๋าแบบว่าอลังมากๆ ขนไปหมดเสื้อผ้าแชมพูจิปาถะ เต็มกระเป๋าเลย ก็ไปครั้งแรกไม่รู้จะเอารัยไปบ้างเนาะมือใหม่ ใกล้ถึงวันบินพ่อแม่พี่น้องไม่ได้ไปส่งหรอกค่ะ เพราะต้องไปขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ ก่อนบินก็ต้องเข้าไปอบรมที่กรมแรงงานก่อนบินหนึ่งวัน เลยร่ำราแบบทำใจลำบากมากพอรู้ว่าจะไกลบ้าน พยายามทำใจเข้มแข็งค่ะบอกกับตัวเองทำเพื่อครอบครัว ไม่ยอมร้องไห้ให้ครอบครัวเห็น (มารู้ทีหลังแม่แอบร้องไห้เป็นห่วง) น้องสาวตัวน้อยยิ่งร้องไห้ใหญ่เลยค่ะไม่รู้ว่าพี่สาวจะไปไหนเด็กน้อยยังไม่รู้จักประเทศไต้หวันเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นทั้งตื่นเต้นทั้งเศร้านะค่ะไม่รู้เราจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง พอถึงกรุงเทพฯ เขามีที่พักให้นะค่ะฟรี แต่จะบอกว่าน่ากลัวมาก น่ากลัวนี้ไม่ใช่ผีนะค่ะแต่เป็นคน ที่พักมีแค่เสื่อผืนกับหมอนใบจริงๆเลยค่ะ (บริษัทใหญ่ๆไม่เป็นแบบนี้ทุกบริษัทนะค่ะสืบมาแล้ว) เลยตัดสินใจไปนอนโรงแรมราคาถูกดีกว่าค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่บริษัทเอาเสื้อผ้าติดตัวไปสองชุด พอดีได้นอนหลายคืนคะเพราะบินวันอังคารเข้ากรมแรงงานวันจันทร์ แต่ทางบริษัทเขาให้มาเซ็นเอกสารพร้อมจ่ายเงินค่าเดินทางวันศุกร์ เลยอยู่กรุงเทพหลายวัน
** กระทู้นี้เป็นกระทู้แก้ไขแล้วค่ะพอดีมันอ่านยากไปยาวไปเลยมาทำให้มันอ่านง่ายขึ้นใครที่ติดตามอ่านพาส2 อาจจะเปลี่ยนไปตั้งกระทู้ใหม่แทนนะค่ะ ส่วนพาส2 ก็จะเป็นการย่อต่อจากที่แก้ไขค่ะ เดี๋ยวเขียนเสร็จจะแท๊กลิงค์ไว้ให้ติดตามอ่านกันนะค่ะ