อย่างที่เราได้เห็นว่าฤดูกาลนี้แมนยูมีทิศทางที่ชัดเจนมาก
ว่าไม่ได้วางเป้าหมายไว้แค่ Top4 เหมือนฤดูกาลที่แล้วอีกแล้ว
เป้าหมายฤดูกาลนี้คือต้องมีแชมป์ติดไม้ติดมือเป็นอย่างต่ำ
และต้องได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์แบบสูสีด้วย
ฟานกัลเองดูเหมือนจะเข้าใจทีมที่เขาคุมแบบเต็มที่แล้ว
เทียบกับปีก่อนที่แทบจะไม่รู้จักเลย เพราะมัววุ่นอยู่กับบอลโลก
กว่าจะรู้ว่าต้องเสริมตำแหน่งไหน ดึงใครเข้ามาดีก็ช้าไปเสียแล้ว
และการเสริมทีมที่ช้าอันเนื่องจากผู้จัดการทีมไม่เข้าใจนักเตะที่มี
และไม่เข้าใจลีคอังกฤษเลย ทำให้เขาวางแผนผิดพลาด
และประเมินนักเตะผิดพลาด รวมกับอาการบาดเจ็บแบบต่อเนื่องของตัวหลัก
ทำให้ช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลที่แล้วนี่เรียกว่าถ้าบารมีไม่ถึง อาจจะโดนเด้งได้ง่ายๆ เลย
หลังจากที่ทุ่มงบเสริมทีมระดับ 150 ล้านแล้วได้แค่นี้ แต่เพราะบารมีที่สะสมมา
ก็เลยประคองตัวเอาตัวรอดมาได้ และจบที่ 4 ได้ตามเป้าหมายทีวางไว้
ปีนี้การเสริมทีมจึงตรงจุดสุดๆ และด้วยบารมีของฟานกัลล้วนๆ
ทำให้นักเตะดังๆ พาเหรดกันเดินเข้ารั้วผีแบบแฟน ๆ ตื่นเต้นกันทุกตำแหน่ง
แม้จะเสริมไม่เยอะ แต่ว่าทุกตัวที่เดินเข้ามานี่ทำเอาแฟนผียิ้มกันหน้าบานทั้งหนุ่มๆ และสาวๆ
คาดว่าทีมเราจะมีกองเชียร์สาวๆ เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
เพราะซื้อแต่ละตัวนี่ต้องมีพร้อมทั้งหน้าตาและฝีมือ
นโยบายเรื่องค่าเหนื่อย
การทุ่มงบสำหรับซื้อตัวนักเตะทำให้ทีมต้องกลับมาพิจารณาเรื่องค่าเหนื่อยนักเตะ
เพราะนี่คือปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้การซื้อขายนักเตะเลย ด้วยเหตุนี้
จึงมีการโล๊ะนักเตะค่าเหนื่อยแพงแต่ไม่ค่อยได้ลงสนามออกจากทีมไป
RVP, Nani, Falcal คือนักเตะที่โดนโล๊ะออกไปด้วยสาเหตุนี้ และดูเหมือนว่าดิมาเรียเอง
ก็จะตามรอยไปด้วยเช่นกัน ซึ่งค่าเหนื่อยสูงๆ ที่หายไปนี้จะทำให้แมนยู
สามารถปรับความสมดุลย์ทางบัญชีได้ดีขึ้น ผลที่ตามมาคืองบซื้อนักเตะหน้าใหม่
ที่น่าจะเข้ากับระบบมากกว่ามีสูงขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้นักเตะค่าเหนื่อยสูงในทีมเราก็เหลือแค่รูนนี่คนเดียวแล้วครับ
และนักเตะใหม่ที่จะเข้ามาก็ไม่น่าจะมีใครได้รับค่าเหนื่อยระดับสองแสนอีกแล้วจากนี้ไป
เว้นแต่จะโคดบิ๊กเนมแบบที่ต้องทุ่มทั้งค่าตัว ค่าเหนื่อยนู้นแหละถึงจะมีโผล่มาสักราย
-------------------------------------------------
นโยบายการซื้อนักเตะ
หลังจากการวางแผนเรื่องเคลียร์ค่าเหนื่อยนักเตะ ซึ่งน่าจะมีการวางแผนมาสักพักแล้ว
ทำให้เรามีงบให้เสริมทีมที่ 150 ล้านปอนด์ มาบวกลบกันดูก่อนสิว่าตอนนี้เราใช้ไปเท่าไหร่แล้ว
Memphis Depay = 25m
Matteo Darmian = 13m
Bastian Schweinsteiger = 14m
Morgan Schneiderlin = 25m
รวม = 77 ล้านปอนด์ นั่นหมายความว่ายังเหลืองบให้ช็อปได้อีกถึง 73 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
นักเตะที่เสริมมาหลายคนอาจจะมองว่าตื่นเต้นอะไร มีระดับโลกแค่ชไวนี่คนเดียว แล้วก็อายุ 31 ละ
กำลังอยู่ในช่วงขาลง อีกสามตัวก็มีขไนเดอลิน ก็แค่กองกลางทีมทั่วไปอย่างเซาท์
ส่วนเดเมี่ยน ก็แค่แบ็คขวาโตริโน่ เดปายอาจจะดูดี แต่ก็มาจากลีคที่ไม่แข็งมากอย่างลีคดัช
ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะว่าจะโชว์ฟอร์มได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า
แต่สำหรับแฟนแมนยู แต่ละตำแหน่งนี่คือตำแหน่งที่เราขาดหายทั้งนั้น และแม้ว่าจะไม่ใช่ระดับ A+
แต่เชื่อว่าเติมเต็มแมนยูให้เป็นทีมที่ดีกว่าฤดูกาลที่แล้วอย่างผิดหูผิดตาแน่นอน
พูดก็หาว่าคุย เอาไว้ดูกันฤดูกาลหน้าดีกว่าว่ามันจะดีเหมือนที่แฟนๆ ผีตื่นเต้นกันมั้ย
เป้าหมายต่อไปที่ผมค่อนข้างเชื่อว่าน่าจะแน่นอนก็คือโอตาแมนดี้ที่ 35 ล้านปอนด์
ก็จะเหลืองบอีก 38 ล้านปอนด์สำหรับกองหน้าอีกหนึ่งตำแหน่ง
กองหน้าอีกหนึ่งตำแหน่งจะเป็นใครที่จะอยู่ในงบ 35 - 40 ล้านปอนด์บ้าง
หันซ้ายหันขวาผมเห็นแค่เบนตาเก้ที่ 32 ล้าน กับลากาแซ็ตที่น่าจะอยู่ในงบ
แต่แมนยูไม่ค่อยมีข่าวกับลากาแซ็ตเลย ทำให้คิดว่าไม่น่าจะใช่นักเตะที่ฟานกัลต้องการ
ข่าวของกองหน้าตอนนี้อยู่ที่คาวานี่, มูลเลอร์, เลวานอฟกี้, เคน
ซึ่งพวกนี้ราคาเกิน 50 ล้านปอนด์ทั้งนั้น นั่นหมายความว่าต้องมีการขายนักเตะ
หรือแลกเปลี่ยนนักเตะกันเกิดขึ้น
------------------------------------------------------------
รายรับจากการขายตัวนักเตะ
ตอนนี้นักเตะที่เราขายไปนี่เรียกว่าราคาโล๊ะเลยทีเดียว นานี่ + ฟานเพอซี่รวมกัน
ยังไม่ได้ถึงสิบล้านปอนด์เลย แต่จุดประสงค์หลักก็อย่างที่บอกไป
คือต้องการเคลียร์ค่าเหนื่อยนักเตะ
จะมีที่ขายได้ราคาบ้างก็น่าจะเป็นอีแวนส์ ที่น่าจะได้ราวๆ 10 ล้านเพราะมีโควต้า HG อยู่
ซึ่งอาเซนอลมีข่าวว่าสนใจ เพราะขานี้เขาชอบซื้อหลังแมนยูในราคาโล๊ะ
ส่วนราฟาเอลคงได้แค่ 4-5 ล้านเท่านั้น มัดรวมกันค่าตัวนักเตะที่ขายได้
น่าจะอยู่ที่ราวๆ 20 -25m
นั่นหมายความว่าถ้าไม่ขายดิมาเรีย แล้วเอางบที่เหลือ + งบขายนักเตะ
เราจะมีเงินซื้อกองหน้าในราคาราวๆ 60 ล้านปอนด์ อันนี้เริ่มสูสีละ
รายชื่อ Big Name ด้านบนนั้นน่าจะเพียงพอสำหรับงบก้อนนี้
แต่นั่นหมายความว่าซื้อแล้วจบ ปิดดีลซื้อนักเตะทันที
หรือถ้าอยากได้กองหลังอีกตัว ก็ต้องมองหาตัวฟรีอย่างรอน ฟลาร์แทน
ซึ่งฟอร์มในบอลโลกดีทีเดียว เอามาเป็นอะไหล่ก็น่าสนใจไม่น้อย
แต่ถ้าขายดิมาเรียได้ ซึ่งค่าตัวน่าจะอยู่ที่ราวๆ 60 ล้านยูโร ซึ่งในเคสนี้
ผมว่าเราอาจจะได้เห็นการแลกตัวนักเตะกันระหว่างดิมาเรียกับคาวานี่ก็ได้
หรืออาจจะบวกเงินเพิ่มให้อีกไม่เกิน 10 ล้านปอนด์
และถ้าดิมาเรียไป เราก็จะมีงบก้อนใหญ่เหลืออีกพอสมควร
อาจจะได้กองหลังมายืนคู่โอตาแมนดี้อีกตัวก็ได้
หรืออาจะได้ประตูมาอีกคนไว้กดดันเด เกอา
หรืออาจจะได้ตำแหน่งปีกขวามาแทนที่ดิมาเรียอีกคน
สรุปคือเรื่องการเสริมทีมปีนี้น่าจะยังไม่จบครับ เพราะยังมีหลายตำแหน่งที่ยังไม่ชัดเจน
คงได้ตามอ่านกันไม่หวาดไม่ไหวจนกว่าจะไปถึงเส้นตายนู้นเลย
และที่แน่ๆ ปีนี้คือเราจะได้เห็นทีมในจินตนาการของฟานกัลแบบเต็มที่สักที
เพราะปีก่อนเขายังไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ปีนี้ถ้ายังไม่ได้แชมป์อะไรติดมือมาเลย
แล้วถ้ายังต้องมาลุ้นที่ 4 อีก ผมว่าฟานกัลนี่แหละที่ต้องกลับมาลุ้นเก้าอี้ตัวเองอีกที
ฤดูกาลหน้าเราน่าจะได้เห็นแมนยูโฉมใหม่ และทิศทางการพัฒนาสโมสรแบบใหม่
ซึ่งการซื้อนักเตะดังๆ เข้ามาในทุกปีนั้นมีผลอย่างมากกับการเพิ่มมูลค่าทางการตลาด
และขยายกลุ่มแฟนๆ ที่จะเริ่มหันมาเชียร์มากขึ้นตามความสำเร็จของทีม
ส่วนการปั้นดาวรุ่งคงเห็นน้อยลง แต่ฟานกัลเองก็เป็นคนที่ชอบให้โอกาสดาวรุ่งเช่นกัน
ดังนั้นผมว่าถ้าใครเก่งจริง ย่อมได้รับโอกาสนั้นแน่ๆ ดาวรุ่งที่มีแววอย่างยานูไซจ์
เปเรร่า, ลินกาด, วิลสัน พวกนี้ผมว่าฤดูกาลนี้คงได้เห็นฝีมือบ่อยขึ้นแน่ๆ
@... วิเคราะห์ทิศทางของแมนยูในฤดูกาลที่จะมาถึง ...@
ว่าไม่ได้วางเป้าหมายไว้แค่ Top4 เหมือนฤดูกาลที่แล้วอีกแล้ว
เป้าหมายฤดูกาลนี้คือต้องมีแชมป์ติดไม้ติดมือเป็นอย่างต่ำ
และต้องได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์แบบสูสีด้วย
ฟานกัลเองดูเหมือนจะเข้าใจทีมที่เขาคุมแบบเต็มที่แล้ว
เทียบกับปีก่อนที่แทบจะไม่รู้จักเลย เพราะมัววุ่นอยู่กับบอลโลก
กว่าจะรู้ว่าต้องเสริมตำแหน่งไหน ดึงใครเข้ามาดีก็ช้าไปเสียแล้ว
และการเสริมทีมที่ช้าอันเนื่องจากผู้จัดการทีมไม่เข้าใจนักเตะที่มี
และไม่เข้าใจลีคอังกฤษเลย ทำให้เขาวางแผนผิดพลาด
และประเมินนักเตะผิดพลาด รวมกับอาการบาดเจ็บแบบต่อเนื่องของตัวหลัก
ทำให้ช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลที่แล้วนี่เรียกว่าถ้าบารมีไม่ถึง อาจจะโดนเด้งได้ง่ายๆ เลย
หลังจากที่ทุ่มงบเสริมทีมระดับ 150 ล้านแล้วได้แค่นี้ แต่เพราะบารมีที่สะสมมา
ก็เลยประคองตัวเอาตัวรอดมาได้ และจบที่ 4 ได้ตามเป้าหมายทีวางไว้
ปีนี้การเสริมทีมจึงตรงจุดสุดๆ และด้วยบารมีของฟานกัลล้วนๆ
ทำให้นักเตะดังๆ พาเหรดกันเดินเข้ารั้วผีแบบแฟน ๆ ตื่นเต้นกันทุกตำแหน่ง
แม้จะเสริมไม่เยอะ แต่ว่าทุกตัวที่เดินเข้ามานี่ทำเอาแฟนผียิ้มกันหน้าบานทั้งหนุ่มๆ และสาวๆ
คาดว่าทีมเราจะมีกองเชียร์สาวๆ เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
เพราะซื้อแต่ละตัวนี่ต้องมีพร้อมทั้งหน้าตาและฝีมือ
นโยบายเรื่องค่าเหนื่อย
การทุ่มงบสำหรับซื้อตัวนักเตะทำให้ทีมต้องกลับมาพิจารณาเรื่องค่าเหนื่อยนักเตะ
เพราะนี่คือปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้การซื้อขายนักเตะเลย ด้วยเหตุนี้
จึงมีการโล๊ะนักเตะค่าเหนื่อยแพงแต่ไม่ค่อยได้ลงสนามออกจากทีมไป
RVP, Nani, Falcal คือนักเตะที่โดนโล๊ะออกไปด้วยสาเหตุนี้ และดูเหมือนว่าดิมาเรียเอง
ก็จะตามรอยไปด้วยเช่นกัน ซึ่งค่าเหนื่อยสูงๆ ที่หายไปนี้จะทำให้แมนยู
สามารถปรับความสมดุลย์ทางบัญชีได้ดีขึ้น ผลที่ตามมาคืองบซื้อนักเตะหน้าใหม่
ที่น่าจะเข้ากับระบบมากกว่ามีสูงขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้นักเตะค่าเหนื่อยสูงในทีมเราก็เหลือแค่รูนนี่คนเดียวแล้วครับ
และนักเตะใหม่ที่จะเข้ามาก็ไม่น่าจะมีใครได้รับค่าเหนื่อยระดับสองแสนอีกแล้วจากนี้ไป
เว้นแต่จะโคดบิ๊กเนมแบบที่ต้องทุ่มทั้งค่าตัว ค่าเหนื่อยนู้นแหละถึงจะมีโผล่มาสักราย
-------------------------------------------------
นโยบายการซื้อนักเตะ
หลังจากการวางแผนเรื่องเคลียร์ค่าเหนื่อยนักเตะ ซึ่งน่าจะมีการวางแผนมาสักพักแล้ว
ทำให้เรามีงบให้เสริมทีมที่ 150 ล้านปอนด์ มาบวกลบกันดูก่อนสิว่าตอนนี้เราใช้ไปเท่าไหร่แล้ว
Memphis Depay = 25m
Matteo Darmian = 13m
Bastian Schweinsteiger = 14m
Morgan Schneiderlin = 25m
รวม = 77 ล้านปอนด์ นั่นหมายความว่ายังเหลืองบให้ช็อปได้อีกถึง 73 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
นักเตะที่เสริมมาหลายคนอาจจะมองว่าตื่นเต้นอะไร มีระดับโลกแค่ชไวนี่คนเดียว แล้วก็อายุ 31 ละ
กำลังอยู่ในช่วงขาลง อีกสามตัวก็มีขไนเดอลิน ก็แค่กองกลางทีมทั่วไปอย่างเซาท์
ส่วนเดเมี่ยน ก็แค่แบ็คขวาโตริโน่ เดปายอาจจะดูดี แต่ก็มาจากลีคที่ไม่แข็งมากอย่างลีคดัช
ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะว่าจะโชว์ฟอร์มได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า
แต่สำหรับแฟนแมนยู แต่ละตำแหน่งนี่คือตำแหน่งที่เราขาดหายทั้งนั้น และแม้ว่าจะไม่ใช่ระดับ A+
แต่เชื่อว่าเติมเต็มแมนยูให้เป็นทีมที่ดีกว่าฤดูกาลที่แล้วอย่างผิดหูผิดตาแน่นอน
พูดก็หาว่าคุย เอาไว้ดูกันฤดูกาลหน้าดีกว่าว่ามันจะดีเหมือนที่แฟนๆ ผีตื่นเต้นกันมั้ย
เป้าหมายต่อไปที่ผมค่อนข้างเชื่อว่าน่าจะแน่นอนก็คือโอตาแมนดี้ที่ 35 ล้านปอนด์
ก็จะเหลืองบอีก 38 ล้านปอนด์สำหรับกองหน้าอีกหนึ่งตำแหน่ง
กองหน้าอีกหนึ่งตำแหน่งจะเป็นใครที่จะอยู่ในงบ 35 - 40 ล้านปอนด์บ้าง
หันซ้ายหันขวาผมเห็นแค่เบนตาเก้ที่ 32 ล้าน กับลากาแซ็ตที่น่าจะอยู่ในงบ
แต่แมนยูไม่ค่อยมีข่าวกับลากาแซ็ตเลย ทำให้คิดว่าไม่น่าจะใช่นักเตะที่ฟานกัลต้องการ
ข่าวของกองหน้าตอนนี้อยู่ที่คาวานี่, มูลเลอร์, เลวานอฟกี้, เคน
ซึ่งพวกนี้ราคาเกิน 50 ล้านปอนด์ทั้งนั้น นั่นหมายความว่าต้องมีการขายนักเตะ
หรือแลกเปลี่ยนนักเตะกันเกิดขึ้น
------------------------------------------------------------
รายรับจากการขายตัวนักเตะ
ตอนนี้นักเตะที่เราขายไปนี่เรียกว่าราคาโล๊ะเลยทีเดียว นานี่ + ฟานเพอซี่รวมกัน
ยังไม่ได้ถึงสิบล้านปอนด์เลย แต่จุดประสงค์หลักก็อย่างที่บอกไป
คือต้องการเคลียร์ค่าเหนื่อยนักเตะ
จะมีที่ขายได้ราคาบ้างก็น่าจะเป็นอีแวนส์ ที่น่าจะได้ราวๆ 10 ล้านเพราะมีโควต้า HG อยู่
ซึ่งอาเซนอลมีข่าวว่าสนใจ เพราะขานี้เขาชอบซื้อหลังแมนยูในราคาโล๊ะ
ส่วนราฟาเอลคงได้แค่ 4-5 ล้านเท่านั้น มัดรวมกันค่าตัวนักเตะที่ขายได้
น่าจะอยู่ที่ราวๆ 20 -25m
นั่นหมายความว่าถ้าไม่ขายดิมาเรีย แล้วเอางบที่เหลือ + งบขายนักเตะ
เราจะมีเงินซื้อกองหน้าในราคาราวๆ 60 ล้านปอนด์ อันนี้เริ่มสูสีละ
รายชื่อ Big Name ด้านบนนั้นน่าจะเพียงพอสำหรับงบก้อนนี้
แต่นั่นหมายความว่าซื้อแล้วจบ ปิดดีลซื้อนักเตะทันที
หรือถ้าอยากได้กองหลังอีกตัว ก็ต้องมองหาตัวฟรีอย่างรอน ฟลาร์แทน
ซึ่งฟอร์มในบอลโลกดีทีเดียว เอามาเป็นอะไหล่ก็น่าสนใจไม่น้อย
แต่ถ้าขายดิมาเรียได้ ซึ่งค่าตัวน่าจะอยู่ที่ราวๆ 60 ล้านยูโร ซึ่งในเคสนี้
ผมว่าเราอาจจะได้เห็นการแลกตัวนักเตะกันระหว่างดิมาเรียกับคาวานี่ก็ได้
หรืออาจจะบวกเงินเพิ่มให้อีกไม่เกิน 10 ล้านปอนด์
และถ้าดิมาเรียไป เราก็จะมีงบก้อนใหญ่เหลืออีกพอสมควร
อาจจะได้กองหลังมายืนคู่โอตาแมนดี้อีกตัวก็ได้
หรืออาจะได้ประตูมาอีกคนไว้กดดันเด เกอา
หรืออาจจะได้ตำแหน่งปีกขวามาแทนที่ดิมาเรียอีกคน
สรุปคือเรื่องการเสริมทีมปีนี้น่าจะยังไม่จบครับ เพราะยังมีหลายตำแหน่งที่ยังไม่ชัดเจน
คงได้ตามอ่านกันไม่หวาดไม่ไหวจนกว่าจะไปถึงเส้นตายนู้นเลย
และที่แน่ๆ ปีนี้คือเราจะได้เห็นทีมในจินตนาการของฟานกัลแบบเต็มที่สักที
เพราะปีก่อนเขายังไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ปีนี้ถ้ายังไม่ได้แชมป์อะไรติดมือมาเลย
แล้วถ้ายังต้องมาลุ้นที่ 4 อีก ผมว่าฟานกัลนี่แหละที่ต้องกลับมาลุ้นเก้าอี้ตัวเองอีกที
ฤดูกาลหน้าเราน่าจะได้เห็นแมนยูโฉมใหม่ และทิศทางการพัฒนาสโมสรแบบใหม่
ซึ่งการซื้อนักเตะดังๆ เข้ามาในทุกปีนั้นมีผลอย่างมากกับการเพิ่มมูลค่าทางการตลาด
และขยายกลุ่มแฟนๆ ที่จะเริ่มหันมาเชียร์มากขึ้นตามความสำเร็จของทีม
ส่วนการปั้นดาวรุ่งคงเห็นน้อยลง แต่ฟานกัลเองก็เป็นคนที่ชอบให้โอกาสดาวรุ่งเช่นกัน
ดังนั้นผมว่าถ้าใครเก่งจริง ย่อมได้รับโอกาสนั้นแน่ๆ ดาวรุ่งที่มีแววอย่างยานูไซจ์
เปเรร่า, ลินกาด, วิลสัน พวกนี้ผมว่าฤดูกาลนี้คงได้เห็นฝีมือบ่อยขึ้นแน่ๆ