สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 73
อาชีพโปรแกรมเมอร์ เป็นอาชีพที่ไม่เคยหลับ เพราะสมองมันคอยคิดและแก้ไขปัญหาตลอดเวลา เหมือนการเล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืน แก้ไข code แก้ไขระบบ ให้ได้อย่างที่ลูกค้าและตัวเองต้องการ ดังนั้นไม่แปลกที่จะเก็บมาเอาคิดมาฝัน ซึ่งวิธีแก้ปัญหาคือ "เลิกเป็นโปรแกรมเมอร์" เพราะถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์ จะไม่มีวันที่จะเลิกคิดได้ ต่อให้ไปเที่ยวทะเล นั่งดูหนัง หรือแม้แต่นั่งร้านจิบกาแฟแบบ slow life แต่ในสมองจะยังคงคิดถึงโปรแกรมที่กำลังเขียน ข้อจำกัดในการเขียน เทคนิคที่ควรเอามาใช้งาน นี่แหละชีวิตโปรแกรมเมอร์ที่ใครๆหลายคนอยากเป็น
วิธีการคิดแบบโปรแกรมเมอร์ง่ายๆ
สมมุติว่า ต้องการทำช่องให้ผู้ใช้กรอกราคาลงไป
สิ่งที่ผู้ใช้คิดคือ
1. ใส่ตัวเลขลงไป จบ
สิ่งที่โปรแกรมเมอร์คิด
1. ถ้าใส่ตัวเลขลงไปอย่างเดียวจบ
2. ถ้าใส่ตัวอักษรลงไป ต้องทำการแจ้งเตือนว่า "ใส่ไม่ได้" นะ
3. ถ้าไม่ใส่อะไรลงไปเลย ต้องแจ้งเตือนว่า "ไม่ได้กรอกข้อมูล" นะ
4. ถ้าใส่ตัวเลขและมีตัวอักษรลงไป เช่น 1,000 เครื่องหมาย , ถือว่าเป็นตัวอักษร ต้องตัดออกอัตโนมัติ
5. การเก็บข้อมูลตัวเลข จะเก็บแบบ 1000 หรือ 1000.0 หรือ 1000.00 ถึงจะเหมาะสม
6. ถ้าผู้ใช้ใส่ข้อมูลเป็น " 1000 " ต้องตัดช่องว่า หน้าและหลัง ทิ้ง ถ้าบันทึกลงฐานข้อมูลแล้ว มันเปลืองพื้นที่ เพราะช่องว่างก็ถือเป็นการใช้พื้นที่เหมือนกัน
ฯลฯ
ยกตัวอย่างง่ายๆ จะได้เข้าใจหัวอกโปรแกรมเมอร์บ้าง ว่าวิธีการคิดมันเยอะ และซับซ้อนแค่ไหน แต่ผู้ใช้งานบางคน (ผู้จ้างงาน) กลับมองว่า นิดเดียวเอง แค่ทำช่องใส่ตัวเลขลงไป ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่สำหรับโปรแกรมเมอร์ เค้าต้องคิดมากกว่านั้น เค้าต้องคิดถึงความเป็นไปได้ทุกทางที่ผู้ใช้จะใช้งาน ดังนั้น ถ้าใครจ้างโปรแกรมเมอร์ทำงาน กรุณาสงสารและเมตตาเค้าเยอะๆ เพราะต้องปกติก็เครียดเพราะเขียน code อยู่แล้ว อย่าให้เครียดเพราะ ทำงานไป แล้วยังโดนกดราคาอีก เมตตาอาชีพอย่างพวกผมด้วยเถอะครับ
วิธีการคิดแบบโปรแกรมเมอร์ง่ายๆ
สมมุติว่า ต้องการทำช่องให้ผู้ใช้กรอกราคาลงไป
สิ่งที่ผู้ใช้คิดคือ
1. ใส่ตัวเลขลงไป จบ
สิ่งที่โปรแกรมเมอร์คิด
1. ถ้าใส่ตัวเลขลงไปอย่างเดียวจบ
2. ถ้าใส่ตัวอักษรลงไป ต้องทำการแจ้งเตือนว่า "ใส่ไม่ได้" นะ
3. ถ้าไม่ใส่อะไรลงไปเลย ต้องแจ้งเตือนว่า "ไม่ได้กรอกข้อมูล" นะ
4. ถ้าใส่ตัวเลขและมีตัวอักษรลงไป เช่น 1,000 เครื่องหมาย , ถือว่าเป็นตัวอักษร ต้องตัดออกอัตโนมัติ
5. การเก็บข้อมูลตัวเลข จะเก็บแบบ 1000 หรือ 1000.0 หรือ 1000.00 ถึงจะเหมาะสม
6. ถ้าผู้ใช้ใส่ข้อมูลเป็น " 1000 " ต้องตัดช่องว่า หน้าและหลัง ทิ้ง ถ้าบันทึกลงฐานข้อมูลแล้ว มันเปลืองพื้นที่ เพราะช่องว่างก็ถือเป็นการใช้พื้นที่เหมือนกัน
ฯลฯ
ยกตัวอย่างง่ายๆ จะได้เข้าใจหัวอกโปรแกรมเมอร์บ้าง ว่าวิธีการคิดมันเยอะ และซับซ้อนแค่ไหน แต่ผู้ใช้งานบางคน (ผู้จ้างงาน) กลับมองว่า นิดเดียวเอง แค่ทำช่องใส่ตัวเลขลงไป ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่สำหรับโปรแกรมเมอร์ เค้าต้องคิดมากกว่านั้น เค้าต้องคิดถึงความเป็นไปได้ทุกทางที่ผู้ใช้จะใช้งาน ดังนั้น ถ้าใครจ้างโปรแกรมเมอร์ทำงาน กรุณาสงสารและเมตตาเค้าเยอะๆ เพราะต้องปกติก็เครียดเพราะเขียน code อยู่แล้ว อย่าให้เครียดเพราะ ทำงานไป แล้วยังโดนกดราคาอีก เมตตาอาชีพอย่างพวกผมด้วยเถอะครับ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อฉันมีแฟนเป็น "โปรแกรมเมอร์" และสิ่งที่ต้องเจอทุกคืนที่นอนหลับด้วยกันจะทำให้คุณต้องอึ้ง!!! 555
แฟนเราเป็นโปรแกรมเมอร์ บริษัทบริษัทนึงในย่านรัชดา
ก็ปกติทั่วไป อาจดูเหมือนไม่น่ามีอะไร
ก็มีบ้างที่เขาทำงานโต้รุ่ง แบบอดหลับอดนอนสองสามวันติดไรงี้ ห้องไม่กลับทำงานออฟฟิต กลับทีมาอาบน้ำไปทำงานต่อ (ตอนช่วงงานเยอะ)
บาง(หลายๆ)วันก็หอบงานมาทำที่ห้อง แก้งานถึงตีสามตีสี่ เวลานอนจริงๆก็ 4-5 ชั่วโมง
รันคอมไพโปรแกรมเชิร์ฟเวอร์บนหน้าจอดำๆ พิมพ์กิ๊กๆๆก๊อกๆ แล้วก็รอมันไหลปู๊ดๆๆบนหน้าจอ
แล้วก็อีกเยอะแยะ บลาๆๆๆ โปรแกรมเมอร์คงเข้าใจ
มีงานมีอีเว้นท์อะไรจัดเกี่ยวกับคอโปรแกรมเมอร์ ภาษาสารพัดภาษา ไปหมด ไปแทบทุกรอบที่รู้และไปได้
แล้วก็กลับมาเม้าท์มอยให้ฟังถึงเรื่องอันน่าตื่นเต้นในภาษาใหม่ๆที่ได้ไปเรียนรู้หรือไปฟังมา
อ่านๆดูก็คงเหมือนโปรแกรมเมอร์ทั่วๆไปที่ต้องฝึกฝนและพัฒนาความสามารถตัวเองอยู่เสมอ ไม่น่าแปลกกกก แต่....
ตั้งแต่เราเข้า กทม. มาหางานทำใน กทม. อาทิตย์นึงประมาณ 3/7 -4/7 ของสัปดาห์เรื่องเดิมๆจะเกิดขึ้นเสมอ คือ.....
แฟนเราจะละเมอ เนื้อเรื่องเท่าที่จับใจความได้ ประมาณว่า เห้ยยย A (ชื่อเพื่อนนามสมมุติ) อยู่ไหนวะ
เชิร์ฟเวอร์ตัวนี้เราจะทำไงกับมันดีวะ เห้ยอยากได้เชิร์ฟเวอร์ใหม่ เห้ยภาษานี่เจ๋ง เครื่องมือนี่โดน (เขาไม่ได้พูดติดกันนะ อันนี้ฟังแล้วรวมมา)
แล้วก็เรื่องอื่นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรมเมอร์ตัวใหม่ๆTool ใหม่ๆ อีกเพียบ คุยเป็นตุเป็นตะ
ยังๆๆๆ ยังไม่พอ ที่หนักคือ เรานอนๆอยู่ เอานิ้วมากดตัวเรา รัวๆๆๆ เหมือนพิมพ์คอมอยู่ เราก็ตกใจ เห้ยพี่!!!!
ไม่หยุดนะ พิมพ์ต่อ เราขยับก็กดตัวเราลงที่เดิมพิมพ์ต่ออย่างเมามันเราก็อะไรวะ เห้ยยยยย แล้วเรียกก พี่ พี่ พี่ เป็นไร
ยัง....ก็คงยังไม่หยุด มีทำท่าเอานิ้วชี้กดๆๆ ซักพักสามนิ้ว สองนิ้ว ทำท่าเลื่อน(เดาว่าน่าจะท่าเลื่อนแบบคุ้นเคยจากแทร็คแพดในmac)
ขำซิเราอ่ะ ขำจนจะบ้า อย่างดัง ก็ใช่ว่าท่านคุณแฟนจะตื่นนะ พอทนรอท่าทางที่กระทำกับเราซักพักก็พอไม่ไหวแระ ท่าจะไปกันใหญ่
เลยปลุกอีก ลุกหนีเลยคราวนี้ดูดิจะทำไง พี่แกร้องเลย งืออออ อย่าเอาคอมหนี แค่นั้นแระ แล้วนอนกรนต่อออ
โอ๊ยยย สารพัดที่ต้องเจอ นี่ยังน้อยไปที่เล่า แต่ขี้เกียจพิมพ์แล้วอ่ะ เดี๋ยวต้องไปปลุกคนทำงานก่อน 5555
ปล. ใครพอจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาแฟนบ้างานได้บ้างไหมคะ หรือจะหาวิธีไหนทำให้เขาได้ผ่อนคลายดี
นอกจากการเรียนคอร์ดภาษาคอมพ์กับฝรั่ง อ่านหนังสือ เราก็ไม่เห็นว่าเขาจะหาทางผ่อนคลายสุนทรีใดๆได้เลย
เพราะไอ้ที่เขาผ่อนคลายจากงาน มันก็ไม่พ้นเรื่องภาษาคอมพ์ โค๊ดต่างๆนาๆ
ใครพอมีทางออกอื่น หรือวิธีน่าสนใจอื่นๆแนะนำบ้างน๊าา สงสารตัวเองเป็นมนุษย์เมียอยู่ดีดีไม่อยากเป็นคอมฯ 555
เคยเห็นแต่โฆษณาที่แฟนเห็นมือแฟนเป็นเมาส์ ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับตัวเอง 555
แก้ไขโดนบอกใช้ภาษาไทยไม่ถูก เหอๆๆ