กาลครั้งหนึ่ง ณ กรุงศรีอโยธยา เมืองเก่าแห่งสยามประเทศ (บันทึกการเดินทางของฉัน)
ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานต์ทวี คนดีศรีอยุธยา เป็นคำขวัญประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆว่า จังหวัดอยุธยา เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดอยุธยาเป็นราชธานีเก่า จึงมีสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์มากมาย……….วันนี้มิ้นจะพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ไปเที่ยวอยุธยากันนะ…….ไปยังไงดีละ....ขอบรรยากาศแบบวินเทจหน่อยละกัน ไปรถไฟปู๊นๆกันดีกว่า
เริ่มจากเรามาเจอกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงก่อนนะ
ภาพดูย้อนเวลาไปหน่อย กลับมาเป็นปัจจุบันหน่อยละกัน
มิ้นกับน้องชายมาที่จุดเริ่มต้นหัวลำโพงแต่เช้า 7.00 น. เดินเข้ามาแบบงงๆ ตื่นเต้นกับการจะขึ้นรถไฟครั้งแรก มาเงอะๆเงิ่นๆอยู่หน้าเคาท์เตอร์ที่จะซื้อบัตรอยู่สักพัก ก็สังเกตุเห็นว่ามีผู้หญิงยืนอยู่ลักษณะเขาพร้อมให้การบริการในการตอบคำถามมาก ครู่หนึ่งเขาก็ทักชาวต่างชาติ และให้คำแนะนำกับชาวต่างชาติ มิ้นแล้วก็เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นว่า....
มิ้น: พี่คะ....จะไปอยุธยาค่ะ
พนักงานหญิง : ช่อง 11 และช่อง 14 ค่ะ
ถึงจะไม่ได้คุยกันมากมาย แต่ก็รับรู้ได้ถึงการบริการที่เต็มใจและยิ้มแย้มแจ่มใส
สรุปว่า รถไฟขบวน 201 เป็นรถไฟธรรมดา เป็นรถไฟฟรี แบบมีที่นั่ง ขบวนนี้จริงๆไปพิษณุโลก แต่มิ้นลงกลางทาง ลงที่สถานีอยุธยา รถออกรอบเวลา 9.25 น. ชานชาลาที่ 8
และเราก็ได้ตั๋วรถไฟมาแล้ว เวลาเหลือตั้งชั่วโมงกว่า ไปหาอะไรกินกันเถอะ.....มิ้นพาเข้าศูนย์อาหารของสถานีรถไฟ บรรยากาศเป็นแบบโรงอาหาร ต้องแลกคูปอง มิ้นแลกคูปอง 100 บาท ได้ข้าวคลุกกะปิ 1 จาน ข้าวหมกไก่ 1 จาก และน้ำ 2 ขวด พอดีเป๊ะ
ทานเสร็จเรียบร้อยเวลายังเหลืออยู่เลย เดินเก็บรูปที่นี่กันก่อนละกัน ทั้งด้านหน้าสถานี เดินเข้าไปในสถานีเรื่อยๆก็มีโบกี้รถไฟเก่าๆจอดทิ้งไว้ มิ้นว่ามันมีเสน่ห์มากเลยนะ สวยอ่ะ ไว้ถ่ายรูปสวยดี เขาห้ามรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่เดินมาห้าม/เตือน ไม่มีเครื่องหมายหรือเชือกกั้น ก็เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหา
ใกล้เวลาเข้ามาแล้ว.....เราไปชานชาลาที่ 9 เศษ3ส่วน4 กันเถอะ (เหอะๆฉันบ้าแฮรี่พอตเตอร์)
เราขึ้นมาบนขบวนก่อนเวลาเล็กน้อง เพื่อให้เรามีเวลาเลือกที่นั่ง....แล้วก็นั่งใจจดจ่อกับการเตรียมตัวเคลื่อนตัวไปพร้อมกับรถไฟไทย.....สักพักหนึ่ง ฉันก็ได้เพื่อนร่วมทางที่เป็นชาวต่างชาติเยอะแยะมากมาย
ปู้นๆ เสียงรถไฟดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ารถพร้อมออกเดินทางแล้ว
รถไฟออกตัวช้ากว่าเวลาที่กำหนดเล็กน้อย การนั่งรถไฟขบวนนี้ เป็นแบบหวานเย็น หยุดทุกสถานี มีผู้คนขึ้น-ลง ทุกสถานี มีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายข้าวกล่อง กล่องล่ะ 20 บาท ขายน้ำแข็งใสถ้วยละ 10 บาท ขายน้ำเย็นๆขวดละ 10 บาท ขึ้นมาขอรับบริจาคทำบุญต่างๆ มีขอทาน ......
มิ้นต้องนั่งผ่านทั้งหมด 16 สถานี คือ กรุงเทพ-สามเสน-ชุมทางบางซื่อ-นิคมรถไฟ กม.11-บางเขน-หลักสี่-ดอนเมือง-คลองรังสิต-รังสิต-เชียงราก-ม.ธรรมศาสตร์-เรียงรากน้อย-คลองพุทรา-บางปะอิน-บ้านโพ-อยุธยา
นั่งหลับบ้างสัปปะหงกบ้าง ได้บรรยากาศรถไฟดี...(เหอะๆ กรี๊ดดดดดดด รถไฟครั้งแรกของช๊านนนนน มันได้เสน่ห์ของรถไฟไทยจริงๆ)
ถึงสถานีรถไฟอยุธยาแล้ว
ผู้คนลงสถานีนี้กันเยอะแยะมากมาย สถานีนี้คึกคักมาก ทั้งนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ คนขับรถตุ๊กๆที่คอยเรียกลูกค้า
มิ้นเลือกการเดินทางเข้าเกาะอยุธยาโดยทางเรือ....ท่าเรือหาไม่ยากเลยค่ะ เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟ จะมีซอยเล็กๆตรงข้ามกับสถานี เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆจนสุดซอย และมองทางซ้าย จะมีโต๊ะเล็กๆ คอยเก็บเงินผู้โดยสารข้ามฟาก ค่าโดยสาร 5 บาท : คน ....รอไม่ถึง 5 นาที เรือก็มารับ
ข้ามฟากมาเราก็จะถึงตลาดเจ้าพรม
อยุธยามีรถตุ๊กๆนะ.....รถตุ๊กๆ หน้าตาไม่เหมือนกับรถตุ๊กๆกรุงเทพนะ เราเหมารถตุ๊กๆไปที่พักกันดีกว่า
มิ้นเลือกที่พักที่บ้านหลวงหาญ อยุธยา ตั้งอยู่ที่ถนนมะพร้าว
เป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารัก หลังคาสีฟ้าสดใส มีอยู่ด้วยกัน 5 หลัง หน้าบ้านทุกหลังหันหน้าเข้าศาลากลางสระบัว รอบบ้านล้อมรอบด้วยดอกไม้ ต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ และดอกไม้ต่างๆที่กำลังออกดอกเบ่งบาน
มาดูภายในกันหน่อยเป็นห้องแอร์เล็กๆน่ารัก มีทีวี ตู้เย็น น้ำ 2 ขวด ยาสระผม สบู่เหลว แผนที่นำเที่ยวอยุธยา
อยากเที่ยวแล้ว ขอเช่าจักรยาน ไปปั่นเที่ยวกันดีกว่า
เริ่มจากวัดราชบูรณะ (มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับที่พักมากที่สุด เลยมาที่นี่ก่อน)
วัดราชบูรณะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเจ้าสามพระยา ในพศ. 1967 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ตัวอาคารล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตภายในมีองคปรางค์ประธานพระทับ
ที่นี่มีเรื่องเล่าลี้ลับ ถึงยักษ์ร่างใหญ่สีเขียว เฝ้าสมบัติด้วยนะ
แต่จะบอกว่า....บรรยากาศดีมาก
เพราะมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิง มีกำแพงสูงใหญ่ ที่แสดงให้เห็นร่องรอยของความยิ่งใหญ่ในสมัยก่อน
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น.
ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หมายเหตุ ตั้งแต่เวลา
ประมาณ 19.30น.- 21.00น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
ติดกับวัดวัดราชบูรณะ นั้น คือวัดมหาธาตุ
วัดมหาธาตุ กรุงศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดที่จัดอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในกรุงศรีอยุธยา เพราะนอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุกลางเมืองแล้ว ยังเป็นที่พำนักของ สมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสีอีกด้วยวัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้าง และ ดูแลตลอดเวลา มิ้นไม่ได้เข้าที่วัดนี้อ่ะ กรุ๊ปทัวร์ลงพอดี บริเวณนั้นวุ่นวายมาก เลยกลับมาที่พักดีกว่า
รอเวลา 15.30 น. มิ้นจองทริปล่องเรือกับที่พักไว้ เราจะไปล่องเรือรอบเกาะอยุธยากัน
เมื่อเวลานัดหมายมาถึง....ก็มีรถตุ๊กๆที่ทางรีสรอทจัดเตรียมให้มารับถึงที่พัก และนำพาเราไปส่งยังท่าเรือ
ขอแทรกแผนที่นิดนึง....ตอนนี้มิ้นพาทุกท่านไปนู่นมานี่ คงจะงงๆกันว่าที่ไหนอยู่ตรงจุดไหนและไกลกันมากน้อยแค่ไหน เลยมีแผนที่มาให้ดูค่ะ
ถ้าดูจากแผนที่แล้วจะเห็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะ-รอบเกาะอยุธยานั้นมากมายจริงๆ
ตอนนี้นะคะวงกลมทางด้านขวามือของภาพ คือสถานีรถไฟ วงกลมเล็กใกล้ๆกันคือท่าเรือที่มิ้นพาข้ามฟากคนละ 5 บาทเมื่อเช้าน่ะค่ะ
รูปดาวสีแดง คือ ที่พักของมิ้น (บ้านหาญหลวง)
วงกลมตรงกลาง คือ วัดราชบูรณะ และ วัดมหาธาตุ
วังกลมด้านล่าง 3 วง จากทางขวา คือ วัดพนัญเชิง วัดพุทไธศวรรย์ และ วัดไชยวัฒนาราม
วัดแรกที่เราจะไปกับเรือโดยสารรอบเกาะนี้ คือ....
วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา มีชื่อเสียงระบือไปทั่วประเทศโดยเฉพาะหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จะไม่แปลกที่จะต้องพบเจอผู้คนจำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น
วัดแรก มีเวลา 20 นาที มิ้นไม่ได้เข้าไปบริเวณภายในโบสถ์ค่ะ เพราะยังปรับตัวเองกับสภาพการนั่งเรืออยู่ มึนๆงงๆ เสียดายจัง ที่หน้าวัดที่นี่มีให้อาหารปลานะคะ ถุงละ 10 บาท หรือจะซื้อเป็นกระสอบก็ได้
สถานที่ที่2 วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอ พระนครศรีอยุธยา ในปัจจุบันเป็นวัดดังมากๆ สำหรับประชาชนที่นิยมไปกราบ ขอพรจากองค์จตุคามรามเทพ
จุดที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง คือ ทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก ส่วนทิศเหนือทิศใต้มีมณฑปสองหลังภายในพระมณฑปมีพระประธาน
บรรยากาศริมน้ำใต้ต้นโพธิ์ (พี่รู้ไม๊...ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ)
สถานที่ที่ 3 วัดไชยวัฒนาราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงละแวก(พนมเปญ) โดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด
ที่นี่สวยมากจริงๆค่ะ....ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าในสมัยหนึ่ง ในยุคที่อยุธยาเฟื่องฟู รุ่งเรืองจนถึงขีดสุด เมืองๆนี้จะอะร้าอร่ามและสวยงามมากขนาดไหน
และฉันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดกับสิ่งที่เป็นซากปรักหักพังอยู่ตรงหน้า ถึงแม้มันจะไม่มีวันกลับมาอยู่ในสภาพเดิมก็ตาม....
[CR] กาลครั้งหนึ่ง ณ กรุงศรีอโยธยา
ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานต์ทวี คนดีศรีอยุธยา เป็นคำขวัญประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆว่า จังหวัดอยุธยา เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดอยุธยาเป็นราชธานีเก่า จึงมีสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์มากมาย……….วันนี้มิ้นจะพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ไปเที่ยวอยุธยากันนะ…….ไปยังไงดีละ....ขอบรรยากาศแบบวินเทจหน่อยละกัน ไปรถไฟปู๊นๆกันดีกว่า
เริ่มจากเรามาเจอกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงก่อนนะ
ภาพดูย้อนเวลาไปหน่อย กลับมาเป็นปัจจุบันหน่อยละกัน
มิ้นกับน้องชายมาที่จุดเริ่มต้นหัวลำโพงแต่เช้า 7.00 น. เดินเข้ามาแบบงงๆ ตื่นเต้นกับการจะขึ้นรถไฟครั้งแรก มาเงอะๆเงิ่นๆอยู่หน้าเคาท์เตอร์ที่จะซื้อบัตรอยู่สักพัก ก็สังเกตุเห็นว่ามีผู้หญิงยืนอยู่ลักษณะเขาพร้อมให้การบริการในการตอบคำถามมาก ครู่หนึ่งเขาก็ทักชาวต่างชาติ และให้คำแนะนำกับชาวต่างชาติ มิ้นแล้วก็เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นว่า....
มิ้น: พี่คะ....จะไปอยุธยาค่ะ
พนักงานหญิง : ช่อง 11 และช่อง 14 ค่ะ
ถึงจะไม่ได้คุยกันมากมาย แต่ก็รับรู้ได้ถึงการบริการที่เต็มใจและยิ้มแย้มแจ่มใส
สรุปว่า รถไฟขบวน 201 เป็นรถไฟธรรมดา เป็นรถไฟฟรี แบบมีที่นั่ง ขบวนนี้จริงๆไปพิษณุโลก แต่มิ้นลงกลางทาง ลงที่สถานีอยุธยา รถออกรอบเวลา 9.25 น. ชานชาลาที่ 8
และเราก็ได้ตั๋วรถไฟมาแล้ว เวลาเหลือตั้งชั่วโมงกว่า ไปหาอะไรกินกันเถอะ.....มิ้นพาเข้าศูนย์อาหารของสถานีรถไฟ บรรยากาศเป็นแบบโรงอาหาร ต้องแลกคูปอง มิ้นแลกคูปอง 100 บาท ได้ข้าวคลุกกะปิ 1 จาน ข้าวหมกไก่ 1 จาก และน้ำ 2 ขวด พอดีเป๊ะ
ทานเสร็จเรียบร้อยเวลายังเหลืออยู่เลย เดินเก็บรูปที่นี่กันก่อนละกัน ทั้งด้านหน้าสถานี เดินเข้าไปในสถานีเรื่อยๆก็มีโบกี้รถไฟเก่าๆจอดทิ้งไว้ มิ้นว่ามันมีเสน่ห์มากเลยนะ สวยอ่ะ ไว้ถ่ายรูปสวยดี เขาห้ามรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่เดินมาห้าม/เตือน ไม่มีเครื่องหมายหรือเชือกกั้น ก็เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหา
ใกล้เวลาเข้ามาแล้ว.....เราไปชานชาลาที่ 9 เศษ3ส่วน4 กันเถอะ (เหอะๆฉันบ้าแฮรี่พอตเตอร์)
เราขึ้นมาบนขบวนก่อนเวลาเล็กน้อง เพื่อให้เรามีเวลาเลือกที่นั่ง....แล้วก็นั่งใจจดจ่อกับการเตรียมตัวเคลื่อนตัวไปพร้อมกับรถไฟไทย.....สักพักหนึ่ง ฉันก็ได้เพื่อนร่วมทางที่เป็นชาวต่างชาติเยอะแยะมากมาย
ปู้นๆ เสียงรถไฟดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ารถพร้อมออกเดินทางแล้ว
รถไฟออกตัวช้ากว่าเวลาที่กำหนดเล็กน้อย การนั่งรถไฟขบวนนี้ เป็นแบบหวานเย็น หยุดทุกสถานี มีผู้คนขึ้น-ลง ทุกสถานี มีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายข้าวกล่อง กล่องล่ะ 20 บาท ขายน้ำแข็งใสถ้วยละ 10 บาท ขายน้ำเย็นๆขวดละ 10 บาท ขึ้นมาขอรับบริจาคทำบุญต่างๆ มีขอทาน ......
มิ้นต้องนั่งผ่านทั้งหมด 16 สถานี คือ กรุงเทพ-สามเสน-ชุมทางบางซื่อ-นิคมรถไฟ กม.11-บางเขน-หลักสี่-ดอนเมือง-คลองรังสิต-รังสิต-เชียงราก-ม.ธรรมศาสตร์-เรียงรากน้อย-คลองพุทรา-บางปะอิน-บ้านโพ-อยุธยา
นั่งหลับบ้างสัปปะหงกบ้าง ได้บรรยากาศรถไฟดี...(เหอะๆ กรี๊ดดดดดดด รถไฟครั้งแรกของช๊านนนนน มันได้เสน่ห์ของรถไฟไทยจริงๆ)
ถึงสถานีรถไฟอยุธยาแล้ว
ผู้คนลงสถานีนี้กันเยอะแยะมากมาย สถานีนี้คึกคักมาก ทั้งนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ คนขับรถตุ๊กๆที่คอยเรียกลูกค้า
มิ้นเลือกการเดินทางเข้าเกาะอยุธยาโดยทางเรือ....ท่าเรือหาไม่ยากเลยค่ะ เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟ จะมีซอยเล็กๆตรงข้ามกับสถานี เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆจนสุดซอย และมองทางซ้าย จะมีโต๊ะเล็กๆ คอยเก็บเงินผู้โดยสารข้ามฟาก ค่าโดยสาร 5 บาท : คน ....รอไม่ถึง 5 นาที เรือก็มารับ
ข้ามฟากมาเราก็จะถึงตลาดเจ้าพรม
อยุธยามีรถตุ๊กๆนะ.....รถตุ๊กๆ หน้าตาไม่เหมือนกับรถตุ๊กๆกรุงเทพนะ เราเหมารถตุ๊กๆไปที่พักกันดีกว่า
มิ้นเลือกที่พักที่บ้านหลวงหาญ อยุธยา ตั้งอยู่ที่ถนนมะพร้าว
เป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารัก หลังคาสีฟ้าสดใส มีอยู่ด้วยกัน 5 หลัง หน้าบ้านทุกหลังหันหน้าเข้าศาลากลางสระบัว รอบบ้านล้อมรอบด้วยดอกไม้ ต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ และดอกไม้ต่างๆที่กำลังออกดอกเบ่งบาน
มาดูภายในกันหน่อยเป็นห้องแอร์เล็กๆน่ารัก มีทีวี ตู้เย็น น้ำ 2 ขวด ยาสระผม สบู่เหลว แผนที่นำเที่ยวอยุธยา
อยากเที่ยวแล้ว ขอเช่าจักรยาน ไปปั่นเที่ยวกันดีกว่า
เริ่มจากวัดราชบูรณะ (มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับที่พักมากที่สุด เลยมาที่นี่ก่อน)
วัดราชบูรณะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเจ้าสามพระยา ในพศ. 1967 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ตัวอาคารล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตภายในมีองคปรางค์ประธานพระทับ
ที่นี่มีเรื่องเล่าลี้ลับ ถึงยักษ์ร่างใหญ่สีเขียว เฝ้าสมบัติด้วยนะ
แต่จะบอกว่า....บรรยากาศดีมาก
เพราะมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิง มีกำแพงสูงใหญ่ ที่แสดงให้เห็นร่องรอยของความยิ่งใหญ่ในสมัยก่อน
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น.
ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หมายเหตุ ตั้งแต่เวลา
ประมาณ 19.30น.- 21.00น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
ติดกับวัดวัดราชบูรณะ นั้น คือวัดมหาธาตุ
วัดมหาธาตุ กรุงศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดที่จัดอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในกรุงศรีอยุธยา เพราะนอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุกลางเมืองแล้ว ยังเป็นที่พำนักของ สมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสีอีกด้วยวัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้าง และ ดูแลตลอดเวลา มิ้นไม่ได้เข้าที่วัดนี้อ่ะ กรุ๊ปทัวร์ลงพอดี บริเวณนั้นวุ่นวายมาก เลยกลับมาที่พักดีกว่า
รอเวลา 15.30 น. มิ้นจองทริปล่องเรือกับที่พักไว้ เราจะไปล่องเรือรอบเกาะอยุธยากัน
เมื่อเวลานัดหมายมาถึง....ก็มีรถตุ๊กๆที่ทางรีสรอทจัดเตรียมให้มารับถึงที่พัก และนำพาเราไปส่งยังท่าเรือ
ขอแทรกแผนที่นิดนึง....ตอนนี้มิ้นพาทุกท่านไปนู่นมานี่ คงจะงงๆกันว่าที่ไหนอยู่ตรงจุดไหนและไกลกันมากน้อยแค่ไหน เลยมีแผนที่มาให้ดูค่ะ
ถ้าดูจากแผนที่แล้วจะเห็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะ-รอบเกาะอยุธยานั้นมากมายจริงๆ
ตอนนี้นะคะวงกลมทางด้านขวามือของภาพ คือสถานีรถไฟ วงกลมเล็กใกล้ๆกันคือท่าเรือที่มิ้นพาข้ามฟากคนละ 5 บาทเมื่อเช้าน่ะค่ะ
รูปดาวสีแดง คือ ที่พักของมิ้น (บ้านหาญหลวง)
วงกลมตรงกลาง คือ วัดราชบูรณะ และ วัดมหาธาตุ
วังกลมด้านล่าง 3 วง จากทางขวา คือ วัดพนัญเชิง วัดพุทไธศวรรย์ และ วัดไชยวัฒนาราม
วัดแรกที่เราจะไปกับเรือโดยสารรอบเกาะนี้ คือ....
วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา มีชื่อเสียงระบือไปทั่วประเทศโดยเฉพาะหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จะไม่แปลกที่จะต้องพบเจอผู้คนจำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น
วัดแรก มีเวลา 20 นาที มิ้นไม่ได้เข้าไปบริเวณภายในโบสถ์ค่ะ เพราะยังปรับตัวเองกับสภาพการนั่งเรืออยู่ มึนๆงงๆ เสียดายจัง ที่หน้าวัดที่นี่มีให้อาหารปลานะคะ ถุงละ 10 บาท หรือจะซื้อเป็นกระสอบก็ได้
สถานที่ที่2 วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอ พระนครศรีอยุธยา ในปัจจุบันเป็นวัดดังมากๆ สำหรับประชาชนที่นิยมไปกราบ ขอพรจากองค์จตุคามรามเทพ
จุดที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง คือ ทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก ส่วนทิศเหนือทิศใต้มีมณฑปสองหลังภายในพระมณฑปมีพระประธาน
บรรยากาศริมน้ำใต้ต้นโพธิ์ (พี่รู้ไม๊...ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ)
สถานที่ที่ 3 วัดไชยวัฒนาราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงละแวก(พนมเปญ) โดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด
ที่นี่สวยมากจริงๆค่ะ....ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าในสมัยหนึ่ง ในยุคที่อยุธยาเฟื่องฟู รุ่งเรืองจนถึงขีดสุด เมืองๆนี้จะอะร้าอร่ามและสวยงามมากขนาดไหน
และฉันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดกับสิ่งที่เป็นซากปรักหักพังอยู่ตรงหน้า ถึงแม้มันจะไม่มีวันกลับมาอยู่ในสภาพเดิมก็ตาม....