ย้อนรอยชัยชนะของทีมชาติไทยที่สามารถเอาชนะเกาหลีเหนือได้เป็นครั้งแรก สนามศุภแตกคิงส์คัพครั้งที่ 14 รอบชิงชนะเลิศและกำเนิดเพชรฆาตหน้าหยก
ในฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 14 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเกาหลีเหนือชุดใหญ่ ซึ่งก่อนหน้าปี 2524 ทีมชาติไทยไม่เคยเอาชนะทีมชาติเกาหลีเหนือได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะได้
ในรอบรองชนะเลิศซึ่งมีการเตะกัน 2 ครั้งไทยพบกับสโมสร โปโลเนีย วอร์ซอร์ จากโปแลนด์และสามารถเอาชนะได้ในการพบกันครั้งแรก 2-0 จากการยิงของน้องใหม่ของทีมชาติไทย ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่เพิ่งติดทีมชาติเป็นปีแรก ทั้ง 2 ประตู ส่วนรอบรองชนะเลิศครั้งที่ 2 แพ้ 0-1 แต่สกอร์รวมไทยชนะ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับเกาหลีเหนือ
รอบชิงชนะเลิศแฟนบอลแห่กันเข้าสนามเกินความจุของสนาม โดยสนามศุภจุได้ประมาณ 4 หมื่นคนแต่นัดนี้มีแฟนบอลประมาณ 6 หมื่นคนจนล้นลงไปบนลู่วิ่ง แต่ไม่มากเท่าปี 2536 ซึ่งแฟนบอลคงเคยเห็นคลิ๊ปคนล้นสนามในปี 2536 มาแล้ว
เริ่มการแข่งขันมาประมาณ 5 นาทีทีมเกาหลีเหนือซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของสนามศุภก็เปิดฉากบุกหนักและได้ลูกเตะมุมทางมุมธงด้านอัฒจรรย์มีหลังคา นักเตะเกาหลีโยนบอลโด่งไปที่เสาแรก และมีเพื่อนร่วมทีม โหม่งเสยผ่านมือสมปอง นันทประภาศิลป์ผู้รักษาประตูสำรองของไทยเข้าไป หลังจากนั้นเกาหลีเหนือก็ยังคงบุกหนัก จนทำให้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟไทยยุคนั้นคืออำนาจ เฉลิมชวลิต และ ประพันธ์ เปรมศรี ต้องทำงานอย่างหนัก แต่ไทยก็ยังยันสกอร์ไว้ที่ 1-0 จนหมดครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลังอาจารย์ประวิทย์ ไชยสามโค้ชทีมชาติไทยพยายามแก้เกม ทำให้ไทยสามารถทำเกมรุกได้ดียิ่งขึ้น และสามารถยิงประตูตีเสมอได้ประมาณนาทีที่ 60 กว่า โดยปิยะพงษ์ได้บอลในกรอบเขตโทษหันหลังพิงกองหลังเกาหลีเหนือและพลิกตัวยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น ทำให้ตีเสมอได้สำเร็จท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแฟนบอลเกินความจุของสนาม
เกมทำท่าจะเสมอกันและต่อเวลาออกไปอยู่แล้ว แต่ขณะที่กองกลางไทยโยนบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟซึ่งเป็นกัปตันทีมเกาหลีเหนือพลาดที่เอามือไปโดนบอลในกรอบเขตโทษ กรรมการเป่าให้ไทยได้จุดโทษทันทีในนาทีสุดท้าย ปิยะพงษ์รับหน้าที่ยิงจุดโทษท่ามกลางแฟนบอลที่อยู่บนลู่วิงแห่กันมาลุ้นหลังประตูด้านทิศเหนือของสนาม ปรากฎว่าปิยะพงษ์ ไม่ทำให้แฟนบอลล้นลงมานั่งบนลู่วิ่ง 6 หมื่นกว่าคนผิดหวัง ยิงจุดโทษเข้าไปทำให้ไทยชนะเกาหลีเหนือไป 2-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพส์ไปครองได้ในปีที่ 3 ติดต่อกันนับจากปี 2522-23 และเป็นชัยชนะเหนือเกาหลีเหนือได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เจอกันมา พร้อมทั้งเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในทีมชาติชุดใหญ่ของปิยะพงษ์ ผิวอ่อน โดยถ้าจำไม่ผิดได้เป็นดาวซัลโว ฟุตบอลคิงส์คัพส์ครั้งนี้ด้วย สกอร์ 7 ประตู
ผมขอยืนยันว่าคิงส์คัพส์ครั้งนี้เกาหลีเหนือส่งชุดใหญ่มาแต่เกาหลีใต้ส่งชุดเล็กมาเลยตกรอบแรก ปี 2525 เกาหลีใต้ส่งชุดใหญ่มาล้างแค้น แต่เกาหลีเหนืองดส่งทีมร่วมแข่ง หลังจากนั้นเกาหลีเหนือส่งชุดใหญ่มาอีก 2 ครั้งประมาณปี 2529-2530
ย้อนรอยครั้งแรกที่ทีมชาติไทยที่สามารถเอาชนะทีมชาติเกาหลีเหนือได้
ในฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 14 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเกาหลีเหนือชุดใหญ่ ซึ่งก่อนหน้าปี 2524 ทีมชาติไทยไม่เคยเอาชนะทีมชาติเกาหลีเหนือได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะได้
ในรอบรองชนะเลิศซึ่งมีการเตะกัน 2 ครั้งไทยพบกับสโมสร โปโลเนีย วอร์ซอร์ จากโปแลนด์และสามารถเอาชนะได้ในการพบกันครั้งแรก 2-0 จากการยิงของน้องใหม่ของทีมชาติไทย ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่เพิ่งติดทีมชาติเป็นปีแรก ทั้ง 2 ประตู ส่วนรอบรองชนะเลิศครั้งที่ 2 แพ้ 0-1 แต่สกอร์รวมไทยชนะ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับเกาหลีเหนือ
รอบชิงชนะเลิศแฟนบอลแห่กันเข้าสนามเกินความจุของสนาม โดยสนามศุภจุได้ประมาณ 4 หมื่นคนแต่นัดนี้มีแฟนบอลประมาณ 6 หมื่นคนจนล้นลงไปบนลู่วิ่ง แต่ไม่มากเท่าปี 2536 ซึ่งแฟนบอลคงเคยเห็นคลิ๊ปคนล้นสนามในปี 2536 มาแล้ว
เริ่มการแข่งขันมาประมาณ 5 นาทีทีมเกาหลีเหนือซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของสนามศุภก็เปิดฉากบุกหนักและได้ลูกเตะมุมทางมุมธงด้านอัฒจรรย์มีหลังคา นักเตะเกาหลีโยนบอลโด่งไปที่เสาแรก และมีเพื่อนร่วมทีม โหม่งเสยผ่านมือสมปอง นันทประภาศิลป์ผู้รักษาประตูสำรองของไทยเข้าไป หลังจากนั้นเกาหลีเหนือก็ยังคงบุกหนัก จนทำให้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟไทยยุคนั้นคืออำนาจ เฉลิมชวลิต และ ประพันธ์ เปรมศรี ต้องทำงานอย่างหนัก แต่ไทยก็ยังยันสกอร์ไว้ที่ 1-0 จนหมดครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลังอาจารย์ประวิทย์ ไชยสามโค้ชทีมชาติไทยพยายามแก้เกม ทำให้ไทยสามารถทำเกมรุกได้ดียิ่งขึ้น และสามารถยิงประตูตีเสมอได้ประมาณนาทีที่ 60 กว่า โดยปิยะพงษ์ได้บอลในกรอบเขตโทษหันหลังพิงกองหลังเกาหลีเหนือและพลิกตัวยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น ทำให้ตีเสมอได้สำเร็จท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแฟนบอลเกินความจุของสนาม
เกมทำท่าจะเสมอกันและต่อเวลาออกไปอยู่แล้ว แต่ขณะที่กองกลางไทยโยนบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟซึ่งเป็นกัปตันทีมเกาหลีเหนือพลาดที่เอามือไปโดนบอลในกรอบเขตโทษ กรรมการเป่าให้ไทยได้จุดโทษทันทีในนาทีสุดท้าย ปิยะพงษ์รับหน้าที่ยิงจุดโทษท่ามกลางแฟนบอลที่อยู่บนลู่วิงแห่กันมาลุ้นหลังประตูด้านทิศเหนือของสนาม ปรากฎว่าปิยะพงษ์ ไม่ทำให้แฟนบอลล้นลงมานั่งบนลู่วิ่ง 6 หมื่นกว่าคนผิดหวัง ยิงจุดโทษเข้าไปทำให้ไทยชนะเกาหลีเหนือไป 2-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพส์ไปครองได้ในปีที่ 3 ติดต่อกันนับจากปี 2522-23 และเป็นชัยชนะเหนือเกาหลีเหนือได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เจอกันมา พร้อมทั้งเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในทีมชาติชุดใหญ่ของปิยะพงษ์ ผิวอ่อน โดยถ้าจำไม่ผิดได้เป็นดาวซัลโว ฟุตบอลคิงส์คัพส์ครั้งนี้ด้วย สกอร์ 7 ประตู
ผมขอยืนยันว่าคิงส์คัพส์ครั้งนี้เกาหลีเหนือส่งชุดใหญ่มาแต่เกาหลีใต้ส่งชุดเล็กมาเลยตกรอบแรก ปี 2525 เกาหลีใต้ส่งชุดใหญ่มาล้างแค้น แต่เกาหลีเหนืองดส่งทีมร่วมแข่ง หลังจากนั้นเกาหลีเหนือส่งชุดใหญ่มาอีก 2 ครั้งประมาณปี 2529-2530