ในเมื่อได้ลองใช้ทั้ง iPhone และ Android มาสักระยะหนึ่ง อยากจะขอมาแชร์ประสบการณ์ในภาพรวมให้กับคนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ หรือแม้กระทั่งตัดสินใจจะเปลี่ยนมือถือนะครับ
ต้องบอกก่อนว่าที่มาเขียน เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยลองหาข้อมูลตามเว็บบอร์ด ตาม Pantip ตาม Social Network หรือแม้กระทั่งถามเพื่อน ส่วนใหญ่คำตอบที่ได้มักจะเป็นคำตอบในแนว Fanboy พร้อมการถากถางมือถืออีกระบบปฏิบัติที่ตนเองไม่ได้ใช้ เรียกได้ว่าเป็นประเด็นให้คนเถียงกันตลอดเวลา
แล้วที่น่าแปลกมากๆคือตอนที่ผมถามเพื่อนๆเนี่ยแหละ ผมกลับพบว่า หลายคนเลยที่ถ่ม
ระบบปฏิบัติการที่ตนเองไม่ได้ใช้ กลับไม่เคยใช้ หรือใช้ระบบปฏิบัติการนั้นๆน้อยมาก อย่างเช่น เพื่อนผมคนหนึ่งเชียร์ Android มากๆ แต่ตัวเองไม่เคยใช้ iPhone เลย ในขณะที่อีกคนใช้ iPhone แล้วลองเล่น Andriod ดูไม่กี่ครั้ง ก็ด่า Android ซะไม่เหลือดี
ก็เลยอยากจะขอแชร์ประสบการณ์การใช้ในภาพรวมทั้งสองค่ายเลยละกันนะครับ
มือถือที่เคยใช้
iOS : iPhone 3GS / iPhone4 / iPhone5
Android : Samsung Galaxy S4 / Samsung Galaxy Note 2 / Asus Padfone S / Samsung Galaxy S6
ปล.ที่ดูเหมือนเยอะ เพราะมีทั้งเครื่องออฟฟิศ เครื่องส่วนตัว และเครื่องแม่ เครื่องภรรยา และไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ Samsung แต่อย่างใด เพราะจำนวนการใช้ iPhone ก็เท่าๆกัน
ความยุ่งยากในการใช้งาน
เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักที่สาวก iPhone มักจะโจมตีฝั่ง Android เสมอๆว่า Android มี User Interface ที่ใช้งานยุ่งยาก ซับซ้อน งงไปหมด
ต้องยอมรับว่า Android รุ่นแรกๆที่เคยจับมาและเคยเป็นเจ้าของ มันอาจจะมีความซับซ้อนอยู่ iPhone พอสมควร แต่สาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ Android พยายามจะมีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมมาเพื่อสู้กับ iPhone นั่นเอง และสำหรับผู้ใช้ใหม่จริงๆการเรียนรู้ระบบ iOS ก็ค่อนข้างง่ายและเร็วกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบอกว่า Android รุ่นหลังๆ อย่างในกรณีของผมคือ Padfone และ S6 ต้องถือว่ามี UI ที่เรียบร้อย และใช้งานง่ายแทบไม่แตกต่างจาก iOS เลยด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นสามารถสรุปได้ว่า ใครที่ไม่เคยใช้ทั้งสองรุ่นเลย ประเด็นความยากง่ายในการใช้งานถือว่าไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดครับ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลายๆคนที่ไม่ได้ใช้ iPhone อาจจะเกิดความสงสัยว่าแล้วทำไมสาวก iPhone ถึงโจมตี Android กันรุนแรงจัง
ผมก็พอเข้าใจสาเหตุนะครับ จากการที่ผมใช้ iPhone มาก่อนตั้งแต่แรก การสลับไปใช้ Android ครั้งแรกต้องยอมรับว่ามึนตึ้บมาก เพราะวิธีการใช้งานค่อนข้างจะแตกต่างกันไป และปัญหาที่ทำให้ปวดหัวหลักๆเลยคือ เราเอาวิธีใช้ใน iOS ที่เราคุ้นชิน ไปใช้กับ Android มันก็สับสนและตีกันไปหมด
และตัว Android ในมือถือแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ก็อาจจะมีฟังก์ชั่นเสริม มี UI เฉพาะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ศึกษาไม่นานก็ใช้งานได้คล่องแล้วล่ะครับ และอันที่จริง พอผมใช้ Android ไปนานๆ แล้วกลับไปใช้ iOS กลายเป็นว่าผมก็เงิบกับ iOS เหมือนกัน ต้องมารื้อฟื้นความทรงจำกันใหม่เลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ
ฮาร์ดแวร์
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่สาวกแต่ละค่ายชอบเอามาถากถางกัน ซึ่งผมมองว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์ที่เอาข้อนี้มาโจมตีกัน เพราะการเลือกฮาร์ดแวร์ที่คุณชื่นชอบ มันก็เป็นความต้องการของคนซื้อว่าต้องการฮาร์ดแวร์แบบไหนที่เหมาะสมกับการใช้งาน และเหมาะสมกับระดับเงินในกระเป๋า คือถ้าเพื่อนๆอยากจะซื้อมือถือแรง มือถือถ่ายรูปสวย หรือมือถือที่มีฟังก์ชั่นตามที่ต้องการ ก็หาอ่านได้ตามรีวิวมากมายก่ายกองในอินเตอร์เน็ตได้เลยครับ อันไหนดี ไม่ดี ก็แล้วแต่มือถือรุ่นนั้นๆไป
บางทีผมเห็นการทับถมกันแล้วก็เพลีย อารมณ์แบบตัดสินแบบเหมารวมยี่ห้อโดยไม่ได้ดูเสปค รุ่น ราคา ของมือถือที่เทียบกันเลยอย่างเช่น สาวก iPhone บอกว่ามือถือตัวเองถ่ายรูปสวยกว่า เร็วกว่า แต่ดันเอา iPhone รุ่นใหม่ ไปเทียบกับมือถือ Android ราคาไม่ถึงหมื่นห้า หรือสาวก Android ก็ทับถม iPhone ว่ามือถือตัวเองฟังก์ชั่นล้ำๆมากมาย ก็เอ้า ก็ iPhone เค้าไม่ได้ทำมา จะไปทับถมเค้าทำไมกันล่ะนั่น อย่างเพื่อนผมเอง ด่า Zenfone ซะเสียเลยครับเพราะเอาไปเทียบกับ iPhone 6
คือถ้าเปรียบเทียบแบบนี้ ผมว่ามันก็ไม่ต่างจากการที่เราไปกินซูชิขั้นเทพร้านจิโร่ซูชิ แล้วไปเทียบกับร้านซูชิป้าแตงโมราคาห้าบาท แล้วมาสรุปเอาว่า ร้านจิโร่ซูชิดีกว่าเร้านป้าแตงโมหลายเท่า คือแบบนี้ก็เทียบกันไม่ได้จริงไหมล่ะครับ
Application และความเสถียร
ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อน iOS มี App ดีๆเยอะแยะมากมายกว่า Android แต่เดี๋ยวนี้ก็แทบไม่ต่างแล้วนะครับในความคิดของผม เพราะเท่าที่ลองเล่นมา App ดีๆที่ iOS มี ใน Play Store ก็มีเหมือนกัน ลองคิดดูง่ายๆตามหลักธุรกิจ ปัจจุบันมีผู้ใช้ Andriod มหาศาลไม่ต่างจาก iOS เพราะฉะนั้นผู้พัฒนา App เค้าก็ต้องเพิ่มโอกาสในการหาลูกค้าอยู่แล้วล่ะครับ
ส่วนความเสถียร อันนี้อาจจะยกให้ฝั่ง iPhone สักหน่อย เพราะ Android เท่าที่เล่นมา เจอ App Crash บ่อยกว่า แต่ App ตัวที่มีการ Update บ่อยๆก็ไม่ค่อยเจอปัญหาแต่อย่างไร และปริมาณการเจอก็ไม่ได้ส่งผลให้การใช้งานมีปัญหาอะไรมากมายนักครับ
การรับประกัน
อันนี้ยกให้ iPhone หน่อยครับ เพราะระยะเวลาการประกันและวิธีการจัดการปัญหาค่อนข้างจะดีกว่า สามาถรเปลี่ยนเครื่องได้ถ้าอยู่ในเงื่อนไข อย่าง iPhone 5 ผมตอนนี้แบตบวม ใช้ไปประมาณ 2 ปี เห็นว่าอยู่ในระยะประกัน ถ้าทุกอย่างอยู่ในเงื่อนไขก็จะเปลี่ยนเครื่องให้ แตกต่างจากฝั่ง Android ที่ระยะประกันเปลี่ยนเครื่องแค่ 7 วัน และใช้วิธีซ่อมตามอาการหลังจากนั้น
ในส่วนของ Call Center ทาง Apple ก็มีมาตรฐานกว่า ถ้าเรามีปัญหาตบตีกับร้านที่ซื้อ iPhone มา เราก็ยังมี Apple มาหนุนหลังให้
แต่ในอีกด้าน หากหมดระยะประกัน อะไหล่ของ iPhone ก็อาจจะมีราคาค่อนข้างสูง
เรื่องนี้ก็ต้องชั่งใจเอาครับว่าพอใจกับฝั่งไหน และมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ และดวงว่าเครื่องจะเกิดอุบัติเหตุและพังก่อนวัยอันควรหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ
สรุป
iPhone (iOS) และ มือถือฝั่ง Android ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่ไม่ได้เป็นประเด็นจะให้เรารู้สึกเกิดอคติกับฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นพิเศษ
ตอนนี้ใครจะซื้อมือถือแบบไหน ก็ลองอ่านรีวิวที่เป็นทางการจากเว็บไทย เว็บนอก เทียบกันดู แต่อย่าไปอ่านเวลาพวกสาวกมาถกเถียงกันครับ มันจะทำให้เราได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยเป็นความจริงเท่าไร
ผมว่าเราเป็นผู้บริโภค ต่อให้ยี่ห้อที่เราใช้มันไม่ดี ไม่โอเค เราก็ไม่ต้องใช้ ก็เปลี่ยนไปใช้รุ่นอื่น ยี่ห้ออื่น เดี๋ยวผู้ผลิตเค้าเห็นปัญหา เค้าก็พยายามทำของดีๆมาให้เราใช้กันเอง
ก็จบเท่านี้ล่ะครับ
ส่วนใครมีความเห็น และอยากเพิ่มเติมข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็เขียนเพิ่มเติมกันเข้ามาได้นะครับ แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าถากถางกันเลยครับ ใช้เหตุผลกันดีกว่า คนที่เค้ากำลังเลือกอยู่ จะได้มีข้อมูลที่ถูกต้องไปใช้ประกอบการเลือกซื้อครับ
ประสบการณ์การใช้ iPhone และ มือถือ Android แบบภาพรวมสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ
ต้องบอกก่อนว่าที่มาเขียน เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยลองหาข้อมูลตามเว็บบอร์ด ตาม Pantip ตาม Social Network หรือแม้กระทั่งถามเพื่อน ส่วนใหญ่คำตอบที่ได้มักจะเป็นคำตอบในแนว Fanboy พร้อมการถากถางมือถืออีกระบบปฏิบัติที่ตนเองไม่ได้ใช้ เรียกได้ว่าเป็นประเด็นให้คนเถียงกันตลอดเวลา
แล้วที่น่าแปลกมากๆคือตอนที่ผมถามเพื่อนๆเนี่ยแหละ ผมกลับพบว่า หลายคนเลยที่ถ่มระบบปฏิบัติการที่ตนเองไม่ได้ใช้ กลับไม่เคยใช้ หรือใช้ระบบปฏิบัติการนั้นๆน้อยมาก อย่างเช่น เพื่อนผมคนหนึ่งเชียร์ Android มากๆ แต่ตัวเองไม่เคยใช้ iPhone เลย ในขณะที่อีกคนใช้ iPhone แล้วลองเล่น Andriod ดูไม่กี่ครั้ง ก็ด่า Android ซะไม่เหลือดี
ก็เลยอยากจะขอแชร์ประสบการณ์การใช้ในภาพรวมทั้งสองค่ายเลยละกันนะครับ
มือถือที่เคยใช้
iOS : iPhone 3GS / iPhone4 / iPhone5
Android : Samsung Galaxy S4 / Samsung Galaxy Note 2 / Asus Padfone S / Samsung Galaxy S6
ปล.ที่ดูเหมือนเยอะ เพราะมีทั้งเครื่องออฟฟิศ เครื่องส่วนตัว และเครื่องแม่ เครื่องภรรยา และไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ Samsung แต่อย่างใด เพราะจำนวนการใช้ iPhone ก็เท่าๆกัน
ความยุ่งยากในการใช้งาน
เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักที่สาวก iPhone มักจะโจมตีฝั่ง Android เสมอๆว่า Android มี User Interface ที่ใช้งานยุ่งยาก ซับซ้อน งงไปหมด
ต้องยอมรับว่า Android รุ่นแรกๆที่เคยจับมาและเคยเป็นเจ้าของ มันอาจจะมีความซับซ้อนอยู่ iPhone พอสมควร แต่สาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ Android พยายามจะมีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมมาเพื่อสู้กับ iPhone นั่นเอง และสำหรับผู้ใช้ใหม่จริงๆการเรียนรู้ระบบ iOS ก็ค่อนข้างง่ายและเร็วกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบอกว่า Android รุ่นหลังๆ อย่างในกรณีของผมคือ Padfone และ S6 ต้องถือว่ามี UI ที่เรียบร้อย และใช้งานง่ายแทบไม่แตกต่างจาก iOS เลยด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นสามารถสรุปได้ว่า ใครที่ไม่เคยใช้ทั้งสองรุ่นเลย ประเด็นความยากง่ายในการใช้งานถือว่าไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดครับ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลายๆคนที่ไม่ได้ใช้ iPhone อาจจะเกิดความสงสัยว่าแล้วทำไมสาวก iPhone ถึงโจมตี Android กันรุนแรงจัง
ผมก็พอเข้าใจสาเหตุนะครับ จากการที่ผมใช้ iPhone มาก่อนตั้งแต่แรก การสลับไปใช้ Android ครั้งแรกต้องยอมรับว่ามึนตึ้บมาก เพราะวิธีการใช้งานค่อนข้างจะแตกต่างกันไป และปัญหาที่ทำให้ปวดหัวหลักๆเลยคือ เราเอาวิธีใช้ใน iOS ที่เราคุ้นชิน ไปใช้กับ Android มันก็สับสนและตีกันไปหมด
และตัว Android ในมือถือแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ก็อาจจะมีฟังก์ชั่นเสริม มี UI เฉพาะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ศึกษาไม่นานก็ใช้งานได้คล่องแล้วล่ะครับ และอันที่จริง พอผมใช้ Android ไปนานๆ แล้วกลับไปใช้ iOS กลายเป็นว่าผมก็เงิบกับ iOS เหมือนกัน ต้องมารื้อฟื้นความทรงจำกันใหม่เลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ
ฮาร์ดแวร์
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่สาวกแต่ละค่ายชอบเอามาถากถางกัน ซึ่งผมมองว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์ที่เอาข้อนี้มาโจมตีกัน เพราะการเลือกฮาร์ดแวร์ที่คุณชื่นชอบ มันก็เป็นความต้องการของคนซื้อว่าต้องการฮาร์ดแวร์แบบไหนที่เหมาะสมกับการใช้งาน และเหมาะสมกับระดับเงินในกระเป๋า คือถ้าเพื่อนๆอยากจะซื้อมือถือแรง มือถือถ่ายรูปสวย หรือมือถือที่มีฟังก์ชั่นตามที่ต้องการ ก็หาอ่านได้ตามรีวิวมากมายก่ายกองในอินเตอร์เน็ตได้เลยครับ อันไหนดี ไม่ดี ก็แล้วแต่มือถือรุ่นนั้นๆไป
บางทีผมเห็นการทับถมกันแล้วก็เพลีย อารมณ์แบบตัดสินแบบเหมารวมยี่ห้อโดยไม่ได้ดูเสปค รุ่น ราคา ของมือถือที่เทียบกันเลยอย่างเช่น สาวก iPhone บอกว่ามือถือตัวเองถ่ายรูปสวยกว่า เร็วกว่า แต่ดันเอา iPhone รุ่นใหม่ ไปเทียบกับมือถือ Android ราคาไม่ถึงหมื่นห้า หรือสาวก Android ก็ทับถม iPhone ว่ามือถือตัวเองฟังก์ชั่นล้ำๆมากมาย ก็เอ้า ก็ iPhone เค้าไม่ได้ทำมา จะไปทับถมเค้าทำไมกันล่ะนั่น อย่างเพื่อนผมเอง ด่า Zenfone ซะเสียเลยครับเพราะเอาไปเทียบกับ iPhone 6
คือถ้าเปรียบเทียบแบบนี้ ผมว่ามันก็ไม่ต่างจากการที่เราไปกินซูชิขั้นเทพร้านจิโร่ซูชิ แล้วไปเทียบกับร้านซูชิป้าแตงโมราคาห้าบาท แล้วมาสรุปเอาว่า ร้านจิโร่ซูชิดีกว่าเร้านป้าแตงโมหลายเท่า คือแบบนี้ก็เทียบกันไม่ได้จริงไหมล่ะครับ
Application และความเสถียร
ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อน iOS มี App ดีๆเยอะแยะมากมายกว่า Android แต่เดี๋ยวนี้ก็แทบไม่ต่างแล้วนะครับในความคิดของผม เพราะเท่าที่ลองเล่นมา App ดีๆที่ iOS มี ใน Play Store ก็มีเหมือนกัน ลองคิดดูง่ายๆตามหลักธุรกิจ ปัจจุบันมีผู้ใช้ Andriod มหาศาลไม่ต่างจาก iOS เพราะฉะนั้นผู้พัฒนา App เค้าก็ต้องเพิ่มโอกาสในการหาลูกค้าอยู่แล้วล่ะครับ
ส่วนความเสถียร อันนี้อาจจะยกให้ฝั่ง iPhone สักหน่อย เพราะ Android เท่าที่เล่นมา เจอ App Crash บ่อยกว่า แต่ App ตัวที่มีการ Update บ่อยๆก็ไม่ค่อยเจอปัญหาแต่อย่างไร และปริมาณการเจอก็ไม่ได้ส่งผลให้การใช้งานมีปัญหาอะไรมากมายนักครับ
การรับประกัน
อันนี้ยกให้ iPhone หน่อยครับ เพราะระยะเวลาการประกันและวิธีการจัดการปัญหาค่อนข้างจะดีกว่า สามาถรเปลี่ยนเครื่องได้ถ้าอยู่ในเงื่อนไข อย่าง iPhone 5 ผมตอนนี้แบตบวม ใช้ไปประมาณ 2 ปี เห็นว่าอยู่ในระยะประกัน ถ้าทุกอย่างอยู่ในเงื่อนไขก็จะเปลี่ยนเครื่องให้ แตกต่างจากฝั่ง Android ที่ระยะประกันเปลี่ยนเครื่องแค่ 7 วัน และใช้วิธีซ่อมตามอาการหลังจากนั้น
ในส่วนของ Call Center ทาง Apple ก็มีมาตรฐานกว่า ถ้าเรามีปัญหาตบตีกับร้านที่ซื้อ iPhone มา เราก็ยังมี Apple มาหนุนหลังให้
แต่ในอีกด้าน หากหมดระยะประกัน อะไหล่ของ iPhone ก็อาจจะมีราคาค่อนข้างสูง
เรื่องนี้ก็ต้องชั่งใจเอาครับว่าพอใจกับฝั่งไหน และมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ และดวงว่าเครื่องจะเกิดอุบัติเหตุและพังก่อนวัยอันควรหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ
สรุป
iPhone (iOS) และ มือถือฝั่ง Android ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่ไม่ได้เป็นประเด็นจะให้เรารู้สึกเกิดอคติกับฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นพิเศษ
ตอนนี้ใครจะซื้อมือถือแบบไหน ก็ลองอ่านรีวิวที่เป็นทางการจากเว็บไทย เว็บนอก เทียบกันดู แต่อย่าไปอ่านเวลาพวกสาวกมาถกเถียงกันครับ มันจะทำให้เราได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยเป็นความจริงเท่าไร
ผมว่าเราเป็นผู้บริโภค ต่อให้ยี่ห้อที่เราใช้มันไม่ดี ไม่โอเค เราก็ไม่ต้องใช้ ก็เปลี่ยนไปใช้รุ่นอื่น ยี่ห้ออื่น เดี๋ยวผู้ผลิตเค้าเห็นปัญหา เค้าก็พยายามทำของดีๆมาให้เราใช้กันเอง
ก็จบเท่านี้ล่ะครับ
ส่วนใครมีความเห็น และอยากเพิ่มเติมข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็เขียนเพิ่มเติมกันเข้ามาได้นะครับ แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าถากถางกันเลยครับ ใช้เหตุผลกันดีกว่า คนที่เค้ากำลังเลือกอยู่ จะได้มีข้อมูลที่ถูกต้องไปใช้ประกอบการเลือกซื้อครับ