ส่วนตัวผมใช้ Samsung S24 Ultra ซึ่งผมก็เคยใช้ Iphone 13 pro max 512 GB มาก่อนจากความรู้สึกส่วนตัวความลื่นไหลมันก็แทบจะไม่ต่างกันมากมายอะไรเลย อาจจะมีบางแอพที่รู้สึกกระตุกนิดหน่อยแบบประมาณ 1-2 วินาที เช่นเวลาเปลี่ยนเข้าอีกแอพความลื่นของ Iphone จะดีกว่าแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแตกต่างอะไรกันมากมาย เรื่องความร้อนผมว่าไอโฟนระบายความร้อนได้แย่กว่า Samsung พอสมควรแบบอุ่นที่มือได้เลย ถ้าเป็นตัว Samsung S22 Ultra (ใช้หลังจากเบื่อ Iphone 13 pro max แล้วเปลี่ยนมาใช้ S22 Ultra) อันนี้มีความร้อนพอ ๆ กับของ Iphone 15 (ลองเล่นของเพื่อน) แต่พอเปลี่ยนมาใช้ตัว Samsung S24 Ultra การระบายความร้อนดีมากแทบจะไม่ร้อนมือเลยแค่แบบอุ่น ๆ
.
ในเรื่องของความเสถียรลื่นไหล ปิดแล้วเปิดแอพใหม่มันรันต่อได้เลยแบบสมูท อันนี้เป็นข้อที่ดี (อยากให้ Android ทำบ้างได้แบบนี้) แต่ในส่วนของฟีเจอร์ต่าง ๆ แทบจะสู้แบรนด์ Android ไม่ได้เลยขนาดเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าตลาดยังสู้ลำบากเลย เช่น ในยุคนี้การสแกนเอกสารมันคือเรื่องจำเป็นแล้ว แต่ Iphone ยังทำได้ไม่ดีเลย ต้องไปเข้าแอพโน๊ตแล้วกดแสกนถ้าใครเคยใช้จะรู้ว่ามันยุ่งยากมากแค่ไหน ต่างกับแบรนด์อื่นที่แค่เปิดกล้องมาแสกนได้เลยทันที ยิ่งของ Samsung การตัดขอบเอกสารทำได้เนียนมาก ทำให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตมาก
.
หรืออย่างแอพสามัญทั่วไปเลย Mircosoft Office ถ้าใครใช้ฝั่ง Apple จะรู้เลยว่าต้องเสียเงินสมัครในการใช้งาน แต่ถ้าเป็นฝั่งของ Android ใช้โปรแกรมเหล่านี้ได้ฟรี ๆ ไปเลย อย่างเวลาเราต้องการแก้เอกสารเร่งด่วน ในฝั่ง Android ทำได้ทันทีไม่มีปัญหาทำได้ง่ายด้วย แต่พอมาใช้ Iphone กลับต้องเสียเงินเดือนละ 200 กว่าบาทเพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้ (ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะใช้งานโปรแกรมพวกนี้น้อยมาก แต่บางครั้งมันก็จำเป็นจะต้องใช้งาน)
.
ในหลาย ๆ อย่างที่มันไม่สมกับราคาผมจึงอยากรู้ว่าคนที่ใช้งาน Iphone นี้นอกจากเล่นโซเซียล ถ่ายรูปแล้ว ไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ อะไรเลยในชีวิตหรอครับ อย่างเพื่อนผมบางคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอโฟนมีฟีเจอร์สแกนเอกสารได้ด้วย ต้องเอาเอกสารไปสแกนเข้าถ่ายเอกสารตลอด ทำไมถึงยอมเสียเงินเกือบครึ่งแสนเพื่อได้อุปกรณ์ที่ทำได้แค่นั้นนะครับ
.
อย่างที่ผมใช้ทุกวันนี้ Samsung S24 Ultra เวลาคุยกับคนต่างชาติก็ไม่จำเป็นจะต้องไปแบบ เข้า google translate (ซึ่งมันก็แปลไม่ค่อยดีอยู่ละ) แต่ในแป้นพิมพ์ของ Samsung จะมีฟีเจอร์แปลภาษาได้เลยแค่พิมพ์ภาษาไทยไปมันจะแปลให้อัตโนมัติเป็นภาษาอังกฤษไปเลยแถมก็ตรงประมาณ 90% เลยด้วย
.
หรืออย่างที่มี AI เข้ามาช่วยก็จะทำให้การเขียนข้อความหรือบางประโยคที่สะกดผิดแก้ได้ง่าย ๆ ปรับรูปประโยคให้ดีก่อนที่จะส่งก็ได้ทันที และยังมีอีกหลายๆ ฟีเจอร์ที่ดีเหมาะกับวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียง แปลงเป็นข้อความ สรุปออกมาได้เลย หรือการปรับแต่งรูปภาพได้หลากหลาย แม้บางอย่างมันจะได้ไม่สุดเท่าไรแต่รวมๆ คือ ใช้งานได้จริง
.
แล้วนี้ Iphone 16 ก็ใกล้จะออกมาเห็นข่าวว่าจะมีการใช้ AI เข้ามาด้วยซึ่งอันนี้ตามที่ผมคาดเดาจากความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะกั๊กสเปคอีก หรืออาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อใช้งานฟีเจอร์ AI ก็เป็นไปได้
.
เหมือนซื้อรองเท้าแบรนด์เนมราคาแพงมากมาใส่แต่ ใส่เดินไปทำงานหรือไปเที่ยวจริง ๆ ไม่ค่อยได้ ปวดเท้า แต่แค่ทรงสวยมาก ใส่แล้วดูหรูหราขึ้นมาทันที แบบนั้นเลยละครับ แต่ถ้าอยากใส่สบายต้องซื้อแผ่นรองเท้าใส่เข้าไปอีกเพื่อให้มันนุ่มเหมาะสำหรับการใส่เดินไปทำงานหรือไปเที่ยวเพิ่มเข้าไปอีก ยกตัวอย่างแบบนี้น่าจะพอเห็นภาพกันนะครับ
.
ถ้าเป็นในยุคแรกๆ ยอมรับเลยว่า Iphone มันว้าวมาก ตื่นเต้นทุกทีที่มันออกมาใหม่ แต่ทุกวันนี้ตั้งแต่ไอโฟน 12 มาความรู้สึกมันแทบจะไม่ว้าวเลย เหมือนรู้ๆ อยู่แล้วว่าเออปีหน้ามันก็คงจะออกมาคล้าย ๆ เดิมแหละแค่ปรับนั้นนี้เพิ่มความแรงของชิป ปรับกล้องให้ชัดขึ้นแค่นั้น
.
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับถ้า Apple น่าจะเดินเกมเหมือนกับ Nokia เลยคือกินบุญเก่า ยังคิดว่ายังไงก็มีคนซื้อ ทำออกมาแบบไหนก็ขายได้อยู่แล้วละแต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ไปอีก 5 ปี รับรองเลยครับยอดขายตกฮวบแน่นอน
.
เป็นบริษัทเทคโนโลยีแต่แทบจะไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ให้น่าตื่นเต้นในว้าว ให้รู้สึกว่ามันทันสมัยเลย เวลาออกมาก็เป็นนวัตกรรมที่เคยมีคนทำมาแล้วแค่ปรับปรุงให้มันดูดีกว่าเดิม แต่แทบจะไม่เห็นที่แบบ Apple ออกนวัตกรรมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากบริษัทเทคโนโลยีไหนทำมาก่อนเลย
.
ถ้าในอนาคตมีแบรนด์ไหนทำให้โทรศัพท์ที่มันลื่นกว่าไอโฟนได้ (ซึ่ง google pixel ก็ทำได้ดีแล้วแค่ไม่ได้มาตีตลาดที่ไทย ถ้ามารับรองไอโฟนโดนแย่งตลาดไปแน่ ๆ ) แล้วมีฟีเจอร์เยอะๆ รับรอง Apple ตายแน่ ๆ
ทำไมถึงชอบใช้ Iphone กัน ?
.
ในเรื่องของความเสถียรลื่นไหล ปิดแล้วเปิดแอพใหม่มันรันต่อได้เลยแบบสมูท อันนี้เป็นข้อที่ดี (อยากให้ Android ทำบ้างได้แบบนี้) แต่ในส่วนของฟีเจอร์ต่าง ๆ แทบจะสู้แบรนด์ Android ไม่ได้เลยขนาดเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าตลาดยังสู้ลำบากเลย เช่น ในยุคนี้การสแกนเอกสารมันคือเรื่องจำเป็นแล้ว แต่ Iphone ยังทำได้ไม่ดีเลย ต้องไปเข้าแอพโน๊ตแล้วกดแสกนถ้าใครเคยใช้จะรู้ว่ามันยุ่งยากมากแค่ไหน ต่างกับแบรนด์อื่นที่แค่เปิดกล้องมาแสกนได้เลยทันที ยิ่งของ Samsung การตัดขอบเอกสารทำได้เนียนมาก ทำให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตมาก
.
หรืออย่างแอพสามัญทั่วไปเลย Mircosoft Office ถ้าใครใช้ฝั่ง Apple จะรู้เลยว่าต้องเสียเงินสมัครในการใช้งาน แต่ถ้าเป็นฝั่งของ Android ใช้โปรแกรมเหล่านี้ได้ฟรี ๆ ไปเลย อย่างเวลาเราต้องการแก้เอกสารเร่งด่วน ในฝั่ง Android ทำได้ทันทีไม่มีปัญหาทำได้ง่ายด้วย แต่พอมาใช้ Iphone กลับต้องเสียเงินเดือนละ 200 กว่าบาทเพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้ (ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะใช้งานโปรแกรมพวกนี้น้อยมาก แต่บางครั้งมันก็จำเป็นจะต้องใช้งาน)
.
ในหลาย ๆ อย่างที่มันไม่สมกับราคาผมจึงอยากรู้ว่าคนที่ใช้งาน Iphone นี้นอกจากเล่นโซเซียล ถ่ายรูปแล้ว ไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ อะไรเลยในชีวิตหรอครับ อย่างเพื่อนผมบางคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอโฟนมีฟีเจอร์สแกนเอกสารได้ด้วย ต้องเอาเอกสารไปสแกนเข้าถ่ายเอกสารตลอด ทำไมถึงยอมเสียเงินเกือบครึ่งแสนเพื่อได้อุปกรณ์ที่ทำได้แค่นั้นนะครับ
.
อย่างที่ผมใช้ทุกวันนี้ Samsung S24 Ultra เวลาคุยกับคนต่างชาติก็ไม่จำเป็นจะต้องไปแบบ เข้า google translate (ซึ่งมันก็แปลไม่ค่อยดีอยู่ละ) แต่ในแป้นพิมพ์ของ Samsung จะมีฟีเจอร์แปลภาษาได้เลยแค่พิมพ์ภาษาไทยไปมันจะแปลให้อัตโนมัติเป็นภาษาอังกฤษไปเลยแถมก็ตรงประมาณ 90% เลยด้วย
.
หรืออย่างที่มี AI เข้ามาช่วยก็จะทำให้การเขียนข้อความหรือบางประโยคที่สะกดผิดแก้ได้ง่าย ๆ ปรับรูปประโยคให้ดีก่อนที่จะส่งก็ได้ทันที และยังมีอีกหลายๆ ฟีเจอร์ที่ดีเหมาะกับวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียง แปลงเป็นข้อความ สรุปออกมาได้เลย หรือการปรับแต่งรูปภาพได้หลากหลาย แม้บางอย่างมันจะได้ไม่สุดเท่าไรแต่รวมๆ คือ ใช้งานได้จริง
.
แล้วนี้ Iphone 16 ก็ใกล้จะออกมาเห็นข่าวว่าจะมีการใช้ AI เข้ามาด้วยซึ่งอันนี้ตามที่ผมคาดเดาจากความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะกั๊กสเปคอีก หรืออาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อใช้งานฟีเจอร์ AI ก็เป็นไปได้
.
เหมือนซื้อรองเท้าแบรนด์เนมราคาแพงมากมาใส่แต่ ใส่เดินไปทำงานหรือไปเที่ยวจริง ๆ ไม่ค่อยได้ ปวดเท้า แต่แค่ทรงสวยมาก ใส่แล้วดูหรูหราขึ้นมาทันที แบบนั้นเลยละครับ แต่ถ้าอยากใส่สบายต้องซื้อแผ่นรองเท้าใส่เข้าไปอีกเพื่อให้มันนุ่มเหมาะสำหรับการใส่เดินไปทำงานหรือไปเที่ยวเพิ่มเข้าไปอีก ยกตัวอย่างแบบนี้น่าจะพอเห็นภาพกันนะครับ
.
ถ้าเป็นในยุคแรกๆ ยอมรับเลยว่า Iphone มันว้าวมาก ตื่นเต้นทุกทีที่มันออกมาใหม่ แต่ทุกวันนี้ตั้งแต่ไอโฟน 12 มาความรู้สึกมันแทบจะไม่ว้าวเลย เหมือนรู้ๆ อยู่แล้วว่าเออปีหน้ามันก็คงจะออกมาคล้าย ๆ เดิมแหละแค่ปรับนั้นนี้เพิ่มความแรงของชิป ปรับกล้องให้ชัดขึ้นแค่นั้น
.
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับถ้า Apple น่าจะเดินเกมเหมือนกับ Nokia เลยคือกินบุญเก่า ยังคิดว่ายังไงก็มีคนซื้อ ทำออกมาแบบไหนก็ขายได้อยู่แล้วละแต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ไปอีก 5 ปี รับรองเลยครับยอดขายตกฮวบแน่นอน
.
เป็นบริษัทเทคโนโลยีแต่แทบจะไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ให้น่าตื่นเต้นในว้าว ให้รู้สึกว่ามันทันสมัยเลย เวลาออกมาก็เป็นนวัตกรรมที่เคยมีคนทำมาแล้วแค่ปรับปรุงให้มันดูดีกว่าเดิม แต่แทบจะไม่เห็นที่แบบ Apple ออกนวัตกรรมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากบริษัทเทคโนโลยีไหนทำมาก่อนเลย
.
ถ้าในอนาคตมีแบรนด์ไหนทำให้โทรศัพท์ที่มันลื่นกว่าไอโฟนได้ (ซึ่ง google pixel ก็ทำได้ดีแล้วแค่ไม่ได้มาตีตลาดที่ไทย ถ้ามารับรองไอโฟนโดนแย่งตลาดไปแน่ ๆ ) แล้วมีฟีเจอร์เยอะๆ รับรอง Apple ตายแน่ ๆ