สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
คนไทยเราส่วนใหญ่จะเน้นดูแบบแฟนพันธุ์แท้ ก็เลยมักจะมีปัญหาเวลาที่ ผู้สร้างเปลี่ยนรายละเอียดตรงโน้นตรงนี้ +นำเสนอมิติใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆที่ขัดแย้งกับภาพที่ฝังอยู่ในหัว ที่สำคัญคือ พอเราคิดว่ากำลังดูหนัง ดูละคร หรือ อ่านนิยาย เราก็มักจะสร้างภาพ แบ่งแยกความเป็น พระเอก - ตัวโกง ฝ่ายดี-ฝ่ายเลว ทั้งๆที่ในชีวิตจริงแล้วมันไม่ได้ชัดเจนอย่างในหนังในละครหรอกครับ จากทีผมดู (2010ผมยังดูไม่จบ กำลังไล่ดูที่มีคนทำซับไทยอยู่ ถึงตอนขงเบ้งเรียกลม ส่วนเวอร์ชั่นเก่าผมดูจบไปแล้ว) ของปี 1994 จะเน้นตามบทวรรณกรรม ส่วน 2010 จะมีการดัดแปลงบ้าง ซึ่งผมมองว่าเน้นความเป็นมนุษย์มากขึ้น
*โดยส่วนตัวผมชอบของเวอร์ชั่น 2010มากกว่าครับ(ถึงจะยังดูไม่จบ แต่ก็ตัดสินใจให้เฉือนชนะไปด้วยมิติของตัวละคร)
ที่เปรียบเทียบกันมากละหว่างสองเวอร์ชั่นก็คือเรื่องการนำเสนอตัวละครต่างๆของทั้งสองเวอร์ชั่น ผมมองแบบนี้นะครับ
ในมุมมองของผมวรรณกรรมสามก๊ก เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ คือทั้งเรื่องที่แต่งเพิ่มเข้าไปผสมกับเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ เสน่ห์ของผลงานชิ้นนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่ ความถูกต้อง100% ว่าเหตุการณ์ไหนจริง เหตุการณ์ไหนเท็จ ใครเป็นพ่อพระตัวจริง ใครเป็นมารร้ายตัวพ่อ หรือใครฉลาดที่สุด แต่อยู่ที่การให้แง่คิด และสะท้อนความเป็นมนุษย์ออกมาให้ผู้อ่านได้คิดวิเคราะห์ ในเวอร์ชั่น2010 ตัวละครทุกคนดูเป็นมนุษย์มาก(อาจจะเหนือมนุษย์ในฉากต่อสู้ แต่ก็เพื่ออรรถรสล่ะเนาะ)
เล่าปี่
ที่ถูกนำเสนออกมาในเวอร์ชั่นนี้ ตามมุมมองของผม มองว่ามีมิติน่าสนใจดีมาก ไม่ได้นำเสนอออกมาในแง่ที่ว่าเขาคือพระเอกจ๋า ผมดูเขาแล้วมองได้สองแบบ คือ
1.เป็นคนที่ดูมีอะไรในใจตลอด นำเสนอในมุมมองของความเป็นปุถุชนทั่วไปที่มีความอยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็สามารถใช้มโนธรรมมาข่มความอยากนั้นได้ อยากได้อยากมีแต่ถือคุณธรรม จะไม่ทำอะไรที่ผิดต่อหลักศีลธรรม
2.เป็นคนอยากมีอำนาจไม่ต่างกับโจโฉนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ตัวเป็นแค่ช่างทอเสื่อ ไม่ได้มีกำลังเหมือนคนอื่น ถึงจะมีต้นทุนในแง่ที่ว่าพอจะมีเชื้อ เป็นราชวงศ์อยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์แบบนั้นอ้างไปก็ไม่มีความหมาย(มันจะมีความหมายก็ต่อเมื่อรวมแผ่นดินสำเร็จ) สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือ ขุมกำลัง คนมีฝีมือ การซื้อใจคนจึงเป็นสิ่งสำคัญ การกระทำทุกอย่างจึงต้องไปในทิศทางนั้น เพราะต้องการครองใจคนให้ได้ นั่นคืออาวุธเดียวที่เขามี เล่าปีนี่ถ้าตัดชื่อเสียงด้านความมีคุณธรรมออกไปล่ะก็ จบเลยนะครับ สู้อะไรโจโฉ ซุนกวนไม่ได้เลย // มองแบบโลกสวยคือช่วยเหลือฮ่องเต้ฟื้นฟูราชวงศ์ ถ้ามองอีกมุม การช่วยฮ่องเต้ผู้ด้อยความสามารถได้ เขาจะสามารถใช้สิทธิ์พระเจ้าอา ได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว อาจจะไม่ได้ชิงบัลลงก์มาจากฮ่องเต้ ก็เป็นคนที่ฮ่องเต้ต้องยำเกรงให้ความเคารพแน่นอน +ชื่อเสียงด้านคุณธรรมที่สั่งสมมา ได้ใจประชาชนเต็มๆ ฮ่องเต้หมดความหมายเลย ดังนั้นแค่การฟื้นฟูราชวงศ์ก็เพียงพอแล้วสำหรับเล่าปี่ นี่คือจุดต่างในการเข้าถึงอำนาจของผู้นำทั้งสาม เล่าปี่อ้างคำว่าฟื้นฟูราชวงศ์ได้เต็มปากไม่เคอะเขิน เพราะถ้าไปถึงจุดนั้นได้เขาก็อยู่เหนือฮ่องเต้ได้สบายๆโดยที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ติดใจ ด้วยความเป็นพระเจ้าอา +ชื่อเสียงที่รักษามา ในขณะที่โจโฉ การจะเข้าถึงอำนาจสูงสุดมีทางเดียวคือรวมแผ่นดินแล้วตั้งราชวงศ์ใหม่ก็เลยต้องรับคำทรราชย์ไปอย่างเต็มๆ ซุนกวนก็เช่นกันถ้าเขาคิดอยากครองแผ่นดินจีนทั้งหมดก็ต้องทำในทิศทางเดียวกับโจโฉ
ที่พูดถึงเล่าปี่ขึ้นมาเพราะเห็นมีคนพูดถึงว่าเวอร์ชั่นนี้ดูเจ้าเล่ห์บ้างอะไรบ้าง ผมก็อยากจะแย้งว่า ในความเป็นจริง เราไม่รู้เลยว่าในใจของคนแต่ละคนเขาคิดอะไร เขาอาจจะดีจริงก็ได้ หรือจะมีอะไรแอบแฝงในใจก็ไม่แปลก ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแบบนั้น การที่ 2010 นำเล่าปี่มานำเสนอในภาพลักษณ์แบบนี้ ผมจึงมองว่าเป็นการสะท้อนความเป็นมนุษย์ และเพิ่มมิติให้คนดูได้คิด ซึ่งเป็นข้อบวกมากกว่าข้อด้อยน่ะครับ
ปล.ที่อยากฝากคือ เน้นว่า วรรณกรรมสามก๊กเป็น "เรื่องแต่ง+ประวัติศาสตร์" นั่นคือไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นจะเป็นจริง100%นะครับ ประเภทว่า แผนนี้คนนั้นเสนอ เหตุการณ์นี้คนนั้นทำ คนโน้นไม่ได้เป็นแบบนี้แต่ต้องเป็นแบบนั้น อันนี้คือ อยากให้เพลาๆลงบ้าง เพราะเหตุการณ์บางอย่างในวรรณกรรมเรื่องนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นเลยในแง่ความจริงตามประวัติศาสตร์ แต่เป็นเหตุการณ์ที่แต่งขึ้นเท่านั้น บทพูดบทเจรจาอะไรต่างๆ มันก็เป็นส่วนที่แต่งขึ้น+มีความจริงผสมอยู่ในบางส่วน ผมอยากให้อ่านและรับชม สามก๊ก เพื่อประโยชน์ในเรื่องของการสะท้อนความเป็นมนุษย์ การให้แง่มุมในการปกครอง การเลือกใช้คน การคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆ มากกว่าที่จะเน้นอ่านและรับชมสามก๊ก เพื่อไปเล่นเกมแฟนพันธุ์แท้
*โดยส่วนตัวผมชอบของเวอร์ชั่น 2010มากกว่าครับ(ถึงจะยังดูไม่จบ แต่ก็ตัดสินใจให้เฉือนชนะไปด้วยมิติของตัวละคร)
ที่เปรียบเทียบกันมากละหว่างสองเวอร์ชั่นก็คือเรื่องการนำเสนอตัวละครต่างๆของทั้งสองเวอร์ชั่น ผมมองแบบนี้นะครับ
ในมุมมองของผมวรรณกรรมสามก๊ก เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ คือทั้งเรื่องที่แต่งเพิ่มเข้าไปผสมกับเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ เสน่ห์ของผลงานชิ้นนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่ ความถูกต้อง100% ว่าเหตุการณ์ไหนจริง เหตุการณ์ไหนเท็จ ใครเป็นพ่อพระตัวจริง ใครเป็นมารร้ายตัวพ่อ หรือใครฉลาดที่สุด แต่อยู่ที่การให้แง่คิด และสะท้อนความเป็นมนุษย์ออกมาให้ผู้อ่านได้คิดวิเคราะห์ ในเวอร์ชั่น2010 ตัวละครทุกคนดูเป็นมนุษย์มาก(อาจจะเหนือมนุษย์ในฉากต่อสู้ แต่ก็เพื่ออรรถรสล่ะเนาะ)
เล่าปี่
ที่ถูกนำเสนออกมาในเวอร์ชั่นนี้ ตามมุมมองของผม มองว่ามีมิติน่าสนใจดีมาก ไม่ได้นำเสนอออกมาในแง่ที่ว่าเขาคือพระเอกจ๋า ผมดูเขาแล้วมองได้สองแบบ คือ
1.เป็นคนที่ดูมีอะไรในใจตลอด นำเสนอในมุมมองของความเป็นปุถุชนทั่วไปที่มีความอยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็สามารถใช้มโนธรรมมาข่มความอยากนั้นได้ อยากได้อยากมีแต่ถือคุณธรรม จะไม่ทำอะไรที่ผิดต่อหลักศีลธรรม
2.เป็นคนอยากมีอำนาจไม่ต่างกับโจโฉนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ตัวเป็นแค่ช่างทอเสื่อ ไม่ได้มีกำลังเหมือนคนอื่น ถึงจะมีต้นทุนในแง่ที่ว่าพอจะมีเชื้อ เป็นราชวงศ์อยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์แบบนั้นอ้างไปก็ไม่มีความหมาย(มันจะมีความหมายก็ต่อเมื่อรวมแผ่นดินสำเร็จ) สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือ ขุมกำลัง คนมีฝีมือ การซื้อใจคนจึงเป็นสิ่งสำคัญ การกระทำทุกอย่างจึงต้องไปในทิศทางนั้น เพราะต้องการครองใจคนให้ได้ นั่นคืออาวุธเดียวที่เขามี เล่าปีนี่ถ้าตัดชื่อเสียงด้านความมีคุณธรรมออกไปล่ะก็ จบเลยนะครับ สู้อะไรโจโฉ ซุนกวนไม่ได้เลย // มองแบบโลกสวยคือช่วยเหลือฮ่องเต้ฟื้นฟูราชวงศ์ ถ้ามองอีกมุม การช่วยฮ่องเต้ผู้ด้อยความสามารถได้ เขาจะสามารถใช้สิทธิ์พระเจ้าอา ได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว อาจจะไม่ได้ชิงบัลลงก์มาจากฮ่องเต้ ก็เป็นคนที่ฮ่องเต้ต้องยำเกรงให้ความเคารพแน่นอน +ชื่อเสียงด้านคุณธรรมที่สั่งสมมา ได้ใจประชาชนเต็มๆ ฮ่องเต้หมดความหมายเลย ดังนั้นแค่การฟื้นฟูราชวงศ์ก็เพียงพอแล้วสำหรับเล่าปี่ นี่คือจุดต่างในการเข้าถึงอำนาจของผู้นำทั้งสาม เล่าปี่อ้างคำว่าฟื้นฟูราชวงศ์ได้เต็มปากไม่เคอะเขิน เพราะถ้าไปถึงจุดนั้นได้เขาก็อยู่เหนือฮ่องเต้ได้สบายๆโดยที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ติดใจ ด้วยความเป็นพระเจ้าอา +ชื่อเสียงที่รักษามา ในขณะที่โจโฉ การจะเข้าถึงอำนาจสูงสุดมีทางเดียวคือรวมแผ่นดินแล้วตั้งราชวงศ์ใหม่ก็เลยต้องรับคำทรราชย์ไปอย่างเต็มๆ ซุนกวนก็เช่นกันถ้าเขาคิดอยากครองแผ่นดินจีนทั้งหมดก็ต้องทำในทิศทางเดียวกับโจโฉ
ที่พูดถึงเล่าปี่ขึ้นมาเพราะเห็นมีคนพูดถึงว่าเวอร์ชั่นนี้ดูเจ้าเล่ห์บ้างอะไรบ้าง ผมก็อยากจะแย้งว่า ในความเป็นจริง เราไม่รู้เลยว่าในใจของคนแต่ละคนเขาคิดอะไร เขาอาจจะดีจริงก็ได้ หรือจะมีอะไรแอบแฝงในใจก็ไม่แปลก ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแบบนั้น การที่ 2010 นำเล่าปี่มานำเสนอในภาพลักษณ์แบบนี้ ผมจึงมองว่าเป็นการสะท้อนความเป็นมนุษย์ และเพิ่มมิติให้คนดูได้คิด ซึ่งเป็นข้อบวกมากกว่าข้อด้อยน่ะครับ
ปล.ที่อยากฝากคือ เน้นว่า วรรณกรรมสามก๊กเป็น "เรื่องแต่ง+ประวัติศาสตร์" นั่นคือไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นจะเป็นจริง100%นะครับ ประเภทว่า แผนนี้คนนั้นเสนอ เหตุการณ์นี้คนนั้นทำ คนโน้นไม่ได้เป็นแบบนี้แต่ต้องเป็นแบบนั้น อันนี้คือ อยากให้เพลาๆลงบ้าง เพราะเหตุการณ์บางอย่างในวรรณกรรมเรื่องนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นเลยในแง่ความจริงตามประวัติศาสตร์ แต่เป็นเหตุการณ์ที่แต่งขึ้นเท่านั้น บทพูดบทเจรจาอะไรต่างๆ มันก็เป็นส่วนที่แต่งขึ้น+มีความจริงผสมอยู่ในบางส่วน ผมอยากให้อ่านและรับชม สามก๊ก เพื่อประโยชน์ในเรื่องของการสะท้อนความเป็นมนุษย์ การให้แง่มุมในการปกครอง การเลือกใช้คน การคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆ มากกว่าที่จะเน้นอ่านและรับชมสามก๊ก เพื่อไปเล่นเกมแฟนพันธุ์แท้
ความคิดเห็นที่ 4
2010 เน้นดราม่า 1994 เน้นแบบเล่าเรื่อง
ถ้าจะให้ชอบ ชอบ2010 มากกว่าค่ะ เค้าทำฉากต่อสู้สวยมาก มันส์มากกกกกกกก ตอนลิโป้สู้กับกวนอูแทบจะลุกมาลุ้นเหมือนสู้เองเลย เค้าเน้นภาพสวย แล้วมันก็สวยจริงๆ 2010 มันทำให้เราเข้าใจความคิดของตัวละครมากขึ้นด้วย ไม่ได้เล่าๆๆๆอย่างเดียว .. ถึงตอนแรกจะรู้สึกว่าเค้า แคส ตัวละครไม่ได้ดังใจ เหมือนแอบมีภาพจำ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ขงเบ้ง โจโฉ ตัว1994 ฝังหัวไปแล้วว่าต้องหน้าตาแบบนี้นะ พอเป็นชุดมาใหม่ 2-3 ตอนแรก ดูละไม่อินเลย แต่พอผ่านสิบตอนไปเท่านั้นแหละ อินมวากกกกกกกกกกกกกก ยิ่งท่าน จูกัดเหลียง Lu Yi ออกมานี่ เล่นเอาไปตามหาหนังเฮียแกมาดูเพิ่มเลย สุดท้ายชอบ หนังเรื่องอื่นที่เค้าเล่นมากๆๆ ตอนนี้ไม่มีภาพนักแสดงจาก 1994 อยู่ในหัวเลยค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกอย่างที่เราชอบ 2010 คือ เค้าไม่ได้แสดงให้เห็นว่า โจโฉ มีแต่ด้านชั่ว แต่มันเน้นให้เห็นว่า ทุกคนมีดีและเลวอยู่ในตัวเอง โจโฉไม่ได้ชั่วตลอด และ เล่าปี่ ไม่ได้เป็นคนดีมากๆๆๆๆ เค้าก็มีด้านโลภเหมือนกัน นี่คือ คนจริงๆ ทุกคนก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่ยอมรับหรือไม่ยอมรับเท่านั้น แล้วทุกฉากจะทำให้เราเข้าใจว่า เหตุผล ของคนแต่งคิดยังไง ทำไมถึงให้ตัวละครตัวนั้นตัดสินใจแบบนั้น
ปล. ถ้าชอบ ฉากต่อสู้ ช้งเช้งล่ะก็ 2010 เจ๋งจริงๆนะ
ถ้าจะให้ชอบ ชอบ2010 มากกว่าค่ะ เค้าทำฉากต่อสู้สวยมาก มันส์มากกกกกกกก ตอนลิโป้สู้กับกวนอูแทบจะลุกมาลุ้นเหมือนสู้เองเลย เค้าเน้นภาพสวย แล้วมันก็สวยจริงๆ 2010 มันทำให้เราเข้าใจความคิดของตัวละครมากขึ้นด้วย ไม่ได้เล่าๆๆๆอย่างเดียว .. ถึงตอนแรกจะรู้สึกว่าเค้า แคส ตัวละครไม่ได้ดังใจ เหมือนแอบมีภาพจำ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ขงเบ้ง โจโฉ ตัว1994 ฝังหัวไปแล้วว่าต้องหน้าตาแบบนี้นะ พอเป็นชุดมาใหม่ 2-3 ตอนแรก ดูละไม่อินเลย แต่พอผ่านสิบตอนไปเท่านั้นแหละ อินมวากกกกกกกกกกกกกก ยิ่งท่าน จูกัดเหลียง Lu Yi ออกมานี่ เล่นเอาไปตามหาหนังเฮียแกมาดูเพิ่มเลย สุดท้ายชอบ หนังเรื่องอื่นที่เค้าเล่นมากๆๆ ตอนนี้ไม่มีภาพนักแสดงจาก 1994 อยู่ในหัวเลยค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกอย่างที่เราชอบ 2010 คือ เค้าไม่ได้แสดงให้เห็นว่า โจโฉ มีแต่ด้านชั่ว แต่มันเน้นให้เห็นว่า ทุกคนมีดีและเลวอยู่ในตัวเอง โจโฉไม่ได้ชั่วตลอด และ เล่าปี่ ไม่ได้เป็นคนดีมากๆๆๆๆ เค้าก็มีด้านโลภเหมือนกัน นี่คือ คนจริงๆ ทุกคนก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่ยอมรับหรือไม่ยอมรับเท่านั้น แล้วทุกฉากจะทำให้เราเข้าใจว่า เหตุผล ของคนแต่งคิดยังไง ทำไมถึงให้ตัวละครตัวนั้นตัดสินใจแบบนั้น
ปล. ถ้าชอบ ฉากต่อสู้ ช้งเช้งล่ะก็ 2010 เจ๋งจริงๆนะ
แสดงความคิดเห็น
สามก๊ก 2010 vs 1994 เพื่อนๆที่ดูแล้วชอบ version ไหนมากกว่ากันครับ
ถึงจะเปลี่ยนฉากบางฉาก หรือตัดตัวละครบางตัวไปเลย อย่างพวกกาเซี่ยง หรือบังทองกับเหตุผลการเสียชีวิต ซึ่งผมดูแล้วก็ ok นะ ตัวละครไม่สุดโต่งแบบในนิยายหรือเวอร์ชั่นก่อน อย่างโลซก ไม่ดูซื่อเกินไปแบบเวอร์ชั่นก่อน
แล้วเพื่อนๆล่ะครับชอบสามก๊กเวอร์ชั่นกว่ากันครับ