สืบเนื่องมาจาก ความเก็บกดและปัญหาคาราคาซังระหว่างแม่ตัวเองกับจขกทค่ะ
มันเริ่มมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวจขกท มีกิน มีฐานะโอเค อยู่สบายระดับหนึ่ง ตอนเด็กๆ มีความสุขดี อยากได้อะไรก็ได้
เลี้ยงมาแบบครอบครัวอบอุ่นค่ะ แต่ตอนเราเล็กจะลำบากซะหน่อย เพราะเราป่วยเป็นโรคที่คนอื่นไม่เป็น พ่อแม่ต้องเหนือ่ยวิ่งรักษาโรงพยาบาลจนรอดมาได้
ด้วยความที่แม่เราเป็นครู (ข้าราชการ) เขาก็พยายามสอนลูก (สองคน มีเรากับน้องสาว) แบบครูสอนนักเรียนด้วย เขาค่อนข้างหัวโบราณ ต้องอยู่ในกฏระเบียบ เถรตรงบ้าง ยอมรับว่าตอนเด็กๆ ก็ดื้อค่ะ ก็มีลงโทษกันบ้าง โดนตีกันมาตั้งแต่ไม้กวาด ไม้แขวนเสื้อ แต่ก็ยังไม่เป็นอะไร
เรามารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนไม่พูดกับแม่ตอนช่วงมัธยมค่ะ ทุกวันที่แม่กลับมาบ้าน เราจะไม่รู้สึกดีใจเลย
เวลาเรามองหน้าแม่ เราต้องแสร้งยิ้มให้เขากลัวเขาหาเรื่องต่อว่าเราได้
ยิ่งพักหลังมานี่ เขาอยู่วัยทอง เขาบ่นทุกอย่างเลย แล้วไม่ฟังเหตุผลใครด้วย
มีวันที่เรารู้สึกเราแตกหักกับแม่ครั้งหนึ่งตอนมัธยม ตอนนั้นเราลืมจ่ายเงินค่าเรียนพิเศษ สถาบันอะไรสักอย่าง แม่ก็ไปส่ง แล้วมันเลยวันจ่ายมาแค่วันเดียว
แม่โมโหอะไรมาจำไม่ได้แล้ว แต่แม่ก็ต่อว่าเราหนักมาก แล้วเขาก็หลุดออกมาว่า ไอ้หนังสือนวนิยายที่เราเขียนเอง ขายได้ เอาเงินมาใช้ เขาไม่ได้รู้สึกยืนดียินร้ายกับเราเลย เราก็ช็อคไปตอนนั้น แต่นั้นมาเราก็เริ่มห่างแม่เรื่อยๆ ไม่กล้าคุยกับแม่ เราเสียใจมาก ช็อคและรู้สึกให้อภัยเขาไม่ได้
เรายอมรับว่าตอนประถมเราดื้อมาก แต่มัธยมมาเราก็พยายามเรียนให้ได้เกรดดีเพื่อพ่อแม่ตลอด แต่เหมือนเขาไม่เคยพอใจ ชอบเอาไปเทียบกับลูกคนอื่น
ตอนนี้เราจบมหาวิทยาลัยแล้ว ทำงานฟรีแลนซ์ เขาก็เหมือนวางอนาคตไว้ให้หมดว่าต้องทำอะไรบ้าง ทั้งที่ไม่เคยถามว่าอยากทำรึเปล่า
เราอยากไปเรียนรู้งานมากกว่าจะอยู่ตามแผนที่เขาวางไว้ เขค่อนข้างเชิดชูคนเรียนปริญญาเอก ปริญญาโทได้มาก คือเขาฝังหัวเลยว่าเนี่ย ต้องไปเรียนต่อนะ จะได้ทำงานต่อ (แต่เราว่าแม่คาดหวังเป็นหน้าเป็นตามากกว่า)
ครั้งหนึ่งเคยทะเลาะกับแม่เรื่องอาชีพของน้อง (น้องสายศิลป์) แม่ก็เอะอะจะตัดแม่กับลูก คือเราไม่เข้าใจค่ะ ทำไมเขาไม่ฟังเหตุผลบ้าง
เดี๋ยวนี้เป็นบ่อยมากที่เขาคิดอะไร เขาก็จะไม่ฟังเหตุผล จำแบบนั้น ไม่ว่าใครจะผิด คือเขาต้องถูกคนเดียว แล้วเขาเป็นโรควิตกกังวล ไม่ปลง
เหมือนทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ บ่อยๆ เราถามตัวเองว่าเราจะเกิดมาทำไม ถ้าเขาไม่พอใจอะไรเราเลย
ล่าสุด...เราพบว่าเราทนจะไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราอยากหายไปจากโลก ถ้าที่ไหนมีเขา เราไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้น
เราอึดอัด เรากลัวแม้กระทั่งการมองหน้าเขา ถ้าเรามองหน้าเขา เรากลัวว่าเขาจะหาเรื่องดุด่าเราอีก
เราเคยคิดเรื่องแย่มาก เช่น อยากให้เขาหายไปเลย ไปไกลๆ ยิ่งดี รู้ว่ามันไม่ควรคิด แต่เรากลัวจนคิดว่าถ้าไม่มีเขา เราคงเลิกกลัว
เราอยากหาจิตแพทย์ อย่างน้อยจะได้มีคนปรึกษา อย่างน้อยเราก็ต้องการใครรับฟัง ทุกวัน เราต้องแสร้งยิ้มให้แม่ ทั้งที่เราไม่อยากเจอหน้าเขา
เราทำตัวปกติกับทุกคนได้ ยกเว้นแม่ตัวเอง เพื่อนสนิทบอกว่าเราเหมือนตัวระเบิดเวลาที่รอปะทุ แต่ตอนนี้เก็บความรู้สึกตลอด :C
อยากทราบโรงพยาบาลแถวระยองที่มี ปรึกษาจิตแพทย์ค่ะ
มันเริ่มมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวจขกท มีกิน มีฐานะโอเค อยู่สบายระดับหนึ่ง ตอนเด็กๆ มีความสุขดี อยากได้อะไรก็ได้
เลี้ยงมาแบบครอบครัวอบอุ่นค่ะ แต่ตอนเราเล็กจะลำบากซะหน่อย เพราะเราป่วยเป็นโรคที่คนอื่นไม่เป็น พ่อแม่ต้องเหนือ่ยวิ่งรักษาโรงพยาบาลจนรอดมาได้
ด้วยความที่แม่เราเป็นครู (ข้าราชการ) เขาก็พยายามสอนลูก (สองคน มีเรากับน้องสาว) แบบครูสอนนักเรียนด้วย เขาค่อนข้างหัวโบราณ ต้องอยู่ในกฏระเบียบ เถรตรงบ้าง ยอมรับว่าตอนเด็กๆ ก็ดื้อค่ะ ก็มีลงโทษกันบ้าง โดนตีกันมาตั้งแต่ไม้กวาด ไม้แขวนเสื้อ แต่ก็ยังไม่เป็นอะไร
เรามารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนไม่พูดกับแม่ตอนช่วงมัธยมค่ะ ทุกวันที่แม่กลับมาบ้าน เราจะไม่รู้สึกดีใจเลย
เวลาเรามองหน้าแม่ เราต้องแสร้งยิ้มให้เขากลัวเขาหาเรื่องต่อว่าเราได้
ยิ่งพักหลังมานี่ เขาอยู่วัยทอง เขาบ่นทุกอย่างเลย แล้วไม่ฟังเหตุผลใครด้วย
มีวันที่เรารู้สึกเราแตกหักกับแม่ครั้งหนึ่งตอนมัธยม ตอนนั้นเราลืมจ่ายเงินค่าเรียนพิเศษ สถาบันอะไรสักอย่าง แม่ก็ไปส่ง แล้วมันเลยวันจ่ายมาแค่วันเดียว
แม่โมโหอะไรมาจำไม่ได้แล้ว แต่แม่ก็ต่อว่าเราหนักมาก แล้วเขาก็หลุดออกมาว่า ไอ้หนังสือนวนิยายที่เราเขียนเอง ขายได้ เอาเงินมาใช้ เขาไม่ได้รู้สึกยืนดียินร้ายกับเราเลย เราก็ช็อคไปตอนนั้น แต่นั้นมาเราก็เริ่มห่างแม่เรื่อยๆ ไม่กล้าคุยกับแม่ เราเสียใจมาก ช็อคและรู้สึกให้อภัยเขาไม่ได้
เรายอมรับว่าตอนประถมเราดื้อมาก แต่มัธยมมาเราก็พยายามเรียนให้ได้เกรดดีเพื่อพ่อแม่ตลอด แต่เหมือนเขาไม่เคยพอใจ ชอบเอาไปเทียบกับลูกคนอื่น
ตอนนี้เราจบมหาวิทยาลัยแล้ว ทำงานฟรีแลนซ์ เขาก็เหมือนวางอนาคตไว้ให้หมดว่าต้องทำอะไรบ้าง ทั้งที่ไม่เคยถามว่าอยากทำรึเปล่า
เราอยากไปเรียนรู้งานมากกว่าจะอยู่ตามแผนที่เขาวางไว้ เขค่อนข้างเชิดชูคนเรียนปริญญาเอก ปริญญาโทได้มาก คือเขาฝังหัวเลยว่าเนี่ย ต้องไปเรียนต่อนะ จะได้ทำงานต่อ (แต่เราว่าแม่คาดหวังเป็นหน้าเป็นตามากกว่า)
ครั้งหนึ่งเคยทะเลาะกับแม่เรื่องอาชีพของน้อง (น้องสายศิลป์) แม่ก็เอะอะจะตัดแม่กับลูก คือเราไม่เข้าใจค่ะ ทำไมเขาไม่ฟังเหตุผลบ้าง
เดี๋ยวนี้เป็นบ่อยมากที่เขาคิดอะไร เขาก็จะไม่ฟังเหตุผล จำแบบนั้น ไม่ว่าใครจะผิด คือเขาต้องถูกคนเดียว แล้วเขาเป็นโรควิตกกังวล ไม่ปลง
เหมือนทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ บ่อยๆ เราถามตัวเองว่าเราจะเกิดมาทำไม ถ้าเขาไม่พอใจอะไรเราเลย
ล่าสุด...เราพบว่าเราทนจะไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราอยากหายไปจากโลก ถ้าที่ไหนมีเขา เราไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้น
เราอึดอัด เรากลัวแม้กระทั่งการมองหน้าเขา ถ้าเรามองหน้าเขา เรากลัวว่าเขาจะหาเรื่องดุด่าเราอีก
เราเคยคิดเรื่องแย่มาก เช่น อยากให้เขาหายไปเลย ไปไกลๆ ยิ่งดี รู้ว่ามันไม่ควรคิด แต่เรากลัวจนคิดว่าถ้าไม่มีเขา เราคงเลิกกลัว
เราอยากหาจิตแพทย์ อย่างน้อยจะได้มีคนปรึกษา อย่างน้อยเราก็ต้องการใครรับฟัง ทุกวัน เราต้องแสร้งยิ้มให้แม่ ทั้งที่เราไม่อยากเจอหน้าเขา
เราทำตัวปกติกับทุกคนได้ ยกเว้นแม่ตัวเอง เพื่อนสนิทบอกว่าเราเหมือนตัวระเบิดเวลาที่รอปะทุ แต่ตอนนี้เก็บความรู้สึกตลอด :C