สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป ทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ลองเขียน พอดี หลังจากผมและภรรยา แต่งงานไปเมื่อช่วงต้นปี เราชอบไปเที่ยวกันหลายที่มากๆ ทั้งใกล้บ้าง ไกลบ้าง กินเที่ยวเล่น แค่สามสี่เดือนนี้ไปกัน ทั้ง มาเลเซีย ~กระบี่~กรุงเทพ/พัทยา~โตเกียว แต่ไม่เคยได้เขียน บันทึกหรือ รีวิวอะไรกันเลย เลยอยากลองมาเขียนบันทึกการเดินทางของเราสองคนดู ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว โตเกียว มา ช่วงสั้นๆ  อาจไม่มีข้อมูลอะไรเป๊ะๆ นะครับ แต่จะเป็นแนว เม้ามอยส์ บอกเล่ากันซะมากกว่า สไตล์ เที่ยวกันสองคนผัวเมีย สนุกๆ ข้อมูลอะไรไม่รู้ ก็รอมาถามจาก เพื่อนๆ ด้วยครับผม  รูปใน รีวิว ก็จะเป็น รูปจาก มือถือ กล้อง Canon G11 และ กล้อง Sportcam รวมๆ กันมานะครับ อาจจะไม่สวย อะไรมาก เพราะเราเน้นเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ ฮาๆ มั่วๆ งมๆ ไป อ้ออ ส่วนตัวแล้วผม อยู่กับภรรยา ที่เชียงใหม่นะครับ



เริ่มกันเลยนะครับ...... จริงๆ การไป โตเกียว ครั้งนี้ เริ่มง่ายและไวมากก พอดีทาง Thai Air Asia X มี โปรโมชั่น ใช้ Big point ออกมา ช่วงสิ้นเดือน มิถุนายน / ไป โตเกียว และ อีก  2 เส้นทาง โดยใช้ แค่ 5,000 แต้ม เท่านั้น  พอดี ผมมี 500 แต้ม (555555 ตอนแรกไม่รู้ คิดว่าไม่มีหวัง) แต่พอผมลองกดทำรายการ ช่วงวันที่ 2-5 กรกฎาคม ภรรยาผมลางานได้ เผื่อ ฟลุ๊ค .......เจอเลยครับ!!!  ใช้ 500 แต้ม อันน้อยนิดของผม แลกกับการเพิ่มเงิน อีกแค่ประมาน 6,400 บาท สำหรับ 2 คน คือตกคนละ ประมาณ 3,200 บาท ชวนกันว่า ไปเถอะ!!! ค่อยหาข้อมูลกันเอา ฮ่าๆ สไตล์ เที่ยวไปเรื่อยๆ

สรุปแล้วนะครับ ค่าใช้จ่าย ในการเดินทางของผม..


CNX-DMK  ด้วย Thai Lion Air เที่ยว ประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 1 กรกฎาคม   - 1,690 บาท /  2 คน

DMK-NRT ดอนเมือง-นาริตะ,โตเกียว ครับ  ไปวันที่ 2/7/2015 กลับ 5/7/2015  ประมาณ 6,400 บาท / 2 คน (ผมกดโหลด กระเป๋าขากลับตอนหลัง อีก 850 บาท 25 กิโลนะครับ เผื่อ เครื่องสำอางของภรรยา และ กันดั้ม ของผม 555555 )

DMK-CNX ด้วย Thai Lion Air เที่ยว    ประมาน ตี 5.50 ของวันที่ 6 กรกฎาคม - 2,290 บาท / 2 คนครับ



เช้าแล้วครับ สองคน ขาไป ไม่โหลดกระเป๋านะครับ มีแค่นี้ 55555 เรารอขึ้นเครื่องประมาณ 10 โมงครับ  จะถึง ญี่ปุ่น ทุ่มนึง ตามเวลาของเค้านะครับ



โฉมหน้าของเราสองคน ก่อนขึ้นเครื่องครับ 5555  .....  พ่อหมี แม่หมีครับ ........  ผมเลือกใช้ Backcouple เพราะว่าเอา Backpacker กับ Couple รวมกันครับ เพราะการเที่ยวของเราสองคน หลังแต่งงาน คือ เราจะไปด้วยกันตลอดครับ แล้วไปได้ทุกแนว ไม่ค่อยติดสบาย ฮ่าๆ ..... ตอนนี้ก็อยากหา เพื่อนๆชาวพันทิป แบบเราหลายๆคู่ครับ




เครื่องขึ้นแล้วครับผมมม......... ท่องฟ้าถือว่าสวยงามมากครับ  



อยู่บนเครื่องไม่มีอะไรมากครับ กินครับ......555

เรื่องสนุกของเราเรื่องแรกเกิดระครับ ผม ลืมบอกไปว่า ผม กด สั่งอาหาร จองเพิ่มอีกต่างหากครับ...แต่ทำไปทำมา ขึ้นเครื่องไป พี่ สจ๊วต บอกว่า ไม่มีการจองมาครับ.......อ่าวววววววว งง.....คุยกันไปคุยกันมา เขาบอกว่า บุ๊คกิ้งของผม ขึ้นสถานะเป็น Spoilage ครับ ซึ้งไม่รู้ว่าคืออะไร...ภรรยาผม กริ้วระครับ 555....เลยตัดสินใจว่าจ่ายเงินกินก็ได้ครับบบบบบ....เหลือแค่ข้าวผัดปูฮอกไกโดครับ 250 บาท(รสชาติถ้าใครชอบรสจัด ผมขอให้ผ่านไปสั่ง นิชชินกระป๋องดีกว่าครับ 60 บาท)..สั่งมาลองดู กินกับเบียเย็นๆครับ ฮ่าๆ ทริปนี้มีแต่กิน กิน กินครับ

-------------------------------------------------------------------*****************---------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุครับ : ผมแนะนำว่า เพื่อนถ้าจะจองอะไรนะครับ ความจองให้เสร็จภายในบุ๊คกิ้งเดียวครับ ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาเหมือนผมได้ครับ
แต่ขอชมพี่ สจ๊วด ของ Thai Air Asia X ไฟล์ท XJ606 วันที่ 2 กรกฏาคม คนนั้นมากๆครับ ไม่ทันได้ถามชื่อ แต่พี่เขาช่วยแนะนำ อธิบายผม ดีมากครับ ผมชักจะชอบการบริการของ Thai AirAsia X มากๆแล้วสิ



เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงนะครับก็มาถึง นาริตะกันแล้ว .....ผมกับภรรยา ไม่ได้โหลดกระเป๋าเลยสะดวกหน่อยเดินเข้า ตม. สบายๆ ผ่าน ศุลกากร แล้วก็ออกประตูไปเลยนะครับ ผมเลือกออกประตู B ครับ แล้ว ก็จะเจอ ที่ขายตั๋วรถ เยอะมากกกกกกก งง มากกก เลยตัดสินใจ ไปถาม ที่เค้าเตอร์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

- เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟ สาย KEISEI MAIN LINE นะครับ เพราะราคาค่อนข้างถูกที่สุด 1,100 YEN ต่อคนครับ ใช้เวลาเดินทาง71 นาทีครับ
- ผมแนะนำให้ซื้อ  TOKYO METRO DAY PASS ไว้เลยนะครับ เพราะเวลาเราเดินทางด้วยรถไฟในโตเกียวจะได้สะดวกสบาย ไปได้เกือบทุกสายในโตเกียวนะครับ(เน้นว่าเกือบนะครับ บางสายของ JR จะใช้ไม่ได้นะครับ ได้เฉพาะ TOKYO และ TOEI LINE แต่ก็ คือทั่วโตเกียวแล้วครับแค่นี้...)

1 DAY PASS 800 YEN
2 DAY PASS 1200 YEN
3 DAY PASS 1500 YEN

ประมาณนี้ครับ ผมซื้อ 2 DAY ครับ



สวยงามตามท่องเรื่องครับ ฮ่าๆ คนจะเยอะมาก คุณภรรยา ก็กลัวจะหลงครับ ยืนดูสายรถไฟตลอดเวลา




- KEISEI MAIN LINE จะเป็นรถไฟสายที่คนท่องถื่นก็ใช้เข้าโตเกียวเยอะมากนะครับ จะเก่าหน่อย แต่ก็โอเคครับ  เราพักแถวย่าน ASAKUSA จะต้องมีการเปลี่ยนรถไฟ ไปสถานี ASAKUSA ที่ AOTO Station ครับ  ส่วนใครเลือกพักย่านอื่นๆ เช่น SHIBUYA SHINJUKU UENO  ควรไปเปลี่ยนสายที่ NIPPORI หรือ ที่ UENO นะครับผม  CREDIT รูปจาก : http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/timetable/



ถึงแล้วครับบบบบบ..... ย่าน ASAKUSA  ใช่เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้ น่าจะใกล้ๆ สี่ทุ่มแล้วครับ



เราเลือกพักที่ โรงแรม KAOSAN TOKYO KABUKI ครับ เราต้องออกจากสถานี ด้วย EXIT A2B ครับ  แล้วต้องเดินจาก ประตูทางออกไปตามทางอีก ประมาณ 5 นาทีครับ จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของประตูวัด SenSoji ครับ ง่ายมากๆครับ
Credit รูปจาก : http://www.khaosan-tokyo.com/en/kabuki/access/index.html



แต่ครับบบบบ......เดินออกมาได้แป๊บเดียว เรียกกันจอดครับ เจอเจ้านี้เข้าให้ ขอหาของกินก่อนนนนนน.......55555 อยู่บ้านเราเคยใช้แต่ รูด ปรึ้ดๆ



จัดครับ สำหรับเราสองคนเรื่องกินสำคัญมากกกกครับบบบ สิ่งแรกที่กิน เมื่อ ก้าวเข้าโตเกียวครับ ขนมปังใส้ ครีม กับ เบอรี่อะไรสักอย่าง ภรรยาผม จัดข้าวปั้นครับ ฮ่าๆ อร่อยดีครับบ   ฝนตกเปาะแป๊ะ แต่ห่วงกินครับ 55555

เดินผ่านหน้าประตูวัด Sensoji มานิดหน่อย เลี้ยวขวาเข้าซอยแรกมา  เจอแล้วครับบบบบ โรงแรม



ถือว่าโชคดีมากๆครับ ผมจองบุ๊คกิ้งผ่านทางwebsite โรงแรม(http://www.khaosan-tokyo.com/) มาเป็น ห้อง Dorm 4 เตียง เพราะดูแบบห้องส่วนตัวแล้วเต็ม แต่ปรากฎว่า พอมาคุยกับ Staff แล้ว เขาจัดห้อง ส่วนตัวให้เราครับ ฮ่าๆ โชคดีมากๆ  ..... Staff ที่นี่ น่ารักทุกคนครับ นิสัยดี ช่วยเหลือเยอะมาก


- ราคาค่าที่พักที่เราไป ตกคนละ 966  บาท ต่อคนต่อคืนนะ รวม 3 คืน ตกประมาณ 3000 ต่อคนครับ
-เราได้ห้องส่วนตัวแบบมีสามเตียง ห้องน้ำในตัวครับ สะดวกสบายมากๆ
- เครือโรงแรมของ KAOSAN  TOKYO มีหลายที่นะครับ รอบๆย่านนี้เลย ราคาเริ่มต้นที่ 700 กว่าบาท  คุ้มค่ามาก สะดวก ประหยัด เป็นกันเองมากๆครับ





ร้านราเมง ARASHI ครับ



และนั้นแหละครับ เข้าที่พักเสร็จ เราก็ออกมาหาอะไรกินกัน อีกแล้ว ฮ่าๆๆ (กล้องไม่ค่อยชัดนะครับผมถ่ายจาก Sportcam) เราเดินออกมาถนนที่เราเดินมาครับ เลือกเลยยยยย ที่ ร้าน ราเมงร้านนึง เพราะว่ามันใกล้สุด  เป็นแบบหยอดเหรียญสั่งก่อนเข้าไปนั่งในร้านนะครับ  งงๆ งมๆ กันพักนึง ก็กดครับ ฮ่าๆ
- ผมเลือกกิน ข้าวเหมือนข้าวหน้าหมูอะไรสักอย่าง กับเกี๊ยวซ่าครับ ภรรยาเลือก ราเมง spicy ครับ มั่วๆกันไป


บรรยากาศในร้านครับ โอเคเลยที่เดียว  (ลืมถ่ายตู้กด มา 5555)ร้านนี้ ผมว่าน่าจะโฆษณาเยอะอยู่ ระก็ เปิดเพลง เพาะ ดีครับ 555



- ผมเลือกกิน ข้าวเหมือนข้าวหน้าหมูอะไรสักอย่าง กับเกี๊ยวซ่าครับ ภรรยาเลือก ราเมง spicy ครับ มั่วๆกันไป



20นาที ผ่านไปครับ  เรียบบบบบบร้อยยย 555555.....เกี๊ยวซ่าและข้าวหน้าหมูเค็ม เยี่ยมมากครับ ร้านนี้




หมายเหตุ : ย่าน หน้า วัด Sensoji นั้น จะเป็นย่านที่มีร้านอาหาร ร้านค้า เต็มไปหมดเลยนะครับ จะได้กลิ่นอายญี่ปุ่น โบราณ ผสมผสานกับวัฒนธรรมใหม่ ควบคู่กันไปครับ ไม่ ใช่ โซนที่ แออัดมากเกินไปครับ อยู่สบาย



หลังเรากินราเมงกันเสร็จก็ขอเดินเล่นนิดหน่อยนะครับ ถ่ายรูป ประตูวัด ที่ใครๆมาก็ต้องถ่าย มาดึกแล้ว ถ่ายสบายๆ ครับ ฮ่าๆ  ถ่ายเล่นกันสองคน แต่ก็พอมีคนมาเดินเล่นเหมือนกัน.......ผมมาถึงได้สักพัก ดู ย่านนี้แล้วก็คิดว่า มันน่าอยู่มากๆ เลือกมาในที่ๆ สบายๆ มัน ชิวๆ มากๆครับ เดินไปเดินมาเงียบดี มี บ้านเรือน สไตล์ญี่ปุ่น  ตึกรามบ้านช่อง ดูดี ง่ายๆดี ไม่ได้อยู่ในย่าน ที่คึกคักมาก ผมชอบแบบนี้มากกว่า  อีกอย่างผมว่า ที่มันเงียบเพราะร้านมันปิดหมดแล้ว 55555555








ยังนะครับ มันยังไม่จบบบบบบ ...............................


เราก็เดินเล่นไปมาๆ ตามย่านนั้น ไปถ่ายรูปตึก ASAHI  ที่เราอ่านมา ว่าถ่ายสวยๆ เห็น Tokyo SkyTree แต่ปรากฏว่า มึดตึ๊ดตื๋ออออ......คือ ผม มาสังเกตว่า ที่ญี่ปุ่น เขา ใช้ไฟฟ้าได้อย่าง มีระเบียบมาก ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย เหมือนเมืองใหญ่ๆ ในประเทศหลายๆประเทศ ที่มีความเป็น Metropolis City เหมือนกัน อาจจะเล็กกว่าด้วยซ้ำ แต่ใช้ไฟบ้าระห่ำ มากครับ  


ก่อนเข้าที่พัก เดินจะถึงอยู่แล้วเชียว แต่.....เจอร้านซูชิ อยู่ ก่อนเข้าที่พักครับ  เอ่อออออ คืออออ ป่ะะะะ......จัดครับผม

บรรยากาศในร้านครับ