ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ฉันเฝ้าหาคำตอบให้ตัวเองอยุ่เสมอ ว่าชีวิตฉันจริงๆแล้วต้องการอะไรกันแน่ อะไรคือความฝันสูงสุดของฉัน อะไรคือสิ่งที่ฉันอยากทำมากที่สุด จนในวันนี้ฉันได้รู้แล้วว่าคำตอบที่แท้จริงของฉันนั้นคืออะไร
ครอบครัวฉันมีด้วยกันสี่คนมีพ่อ แม่ ฉันและพี่ชาย แต่ว่าพี่ชายเรียนจบมีครอบครัวแล้ว ตอนนี้ฉันจึงอยุ่กับพ่อแม่ พ่อกับแม่เลี้ยงดูฉันเหมือนไข่ในหิน ความที่พ่อแม่หวงฉันมากเกินไป ทำให้ในบางครั้งฉันรู้สึกอึดอัด และในช่วงเวลานั้น (ช่วงมอต้น) ทำให้ฉันตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า ฉันอยากมีชีวิตที่ีเป็นอิสระ ฉันได้ทำสิ่งต่างๆมากมายทั้งดีและไม่ดี(ส่วนมากจะไม่ดี) ในช่วงมอต้นฉันและเพื่อนๆโดดเรียนด้วยกันและเคยขโมยของ ู ซึ่งในตอนนั้นเรายังไม่รู้ถึงคำว่าผิดชอบชั่วดี โดยไม่คิดถึงเรื่องบาปบุญคุณโทษ ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเวรกรรมเลยแม้จะถูกปลูกฝังจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พวกเรากลายเป็นคนลักเล็กขโมยน้อยมาเรื่อยๆ เมื่อมีโอกาสก็ทำ แต่ไม่เคยถูกจับได้ซักครั้ง แต่ก็ได้หยุดเรื่องนี้ไปเป็นเพราะฉันและเพื่อนๆ แยกย้ายกันไปเรียนโรงเรียนอื่นกันหมด เหลือฉันที่ยังเรียนที่เดิม ฉันจึงรู้สึกหดหู่เศร้าคิดถึงเพื่อน รู้สึกโดดเดี่ยว ่ ทำให้ตอนมอสี่เทอมหนึ่งฉันโดดเรียนบ่อย โดยยังติดต่อกับเพื่อนเก่า แล้วนัดกันโดด ฉันแอบฝึกขับรถโดยไปเช่ารถมาขับ เพราะพ่อแม่ไม่คิดจะให้ฉันขับรถ ฉันน้อยใจอะไรหลายอย่าง ว่าทำไมฉันจึงไม่เป็นอิสระเหมือนเพื่ิอน ฉันถามหาอิสระมาโดยตลอด ผลจากการที่ฉันโดดเรียนในช่วงมอสี่เทอมหนึ่งทำให้เกรดได้น้อยมาก
เรียกว่าเกือบที่โหล่ของห้อง ฉันคิดว่าถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป คงเข้ามหาวิทยาลัยดีๆไม่ได้แน่ เพราะในหัวของฉัน อยากไปมหาวิทยาลัยดีๆที่อยู่จังหวัดอื่นเพราะอยากไปให้ไกลจากบ้าน จึงพยายามเปลี่ยนตัวเองใหม่ให้ตั้งใจเรียน ในเทอมสอง เกรดดีขึ้นมาเยอะมาก จากนั้นช่วงมอห้าถึงมอหกฉันก็พยายามรักษาเกรดให้อยู่ในระดับที่ดีๆมาโดยตลอด และแล้วความฝันของฉันก็เป็นจริง ฉันแอดเข้ามหาวิทยาลัยนึงที่กทมได้ และจากวันที่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง อิสระที่ฉันรอมาตลอดก็มาถึง
ช่วงเวลาในมหาวิทยาลัย ฉันได้เจอกับสังคมอีกรูปแบบหนึ่งที่ใหญ่กว่าเดิม ฉันรู้สึกประหม่าในช่วงแรกๆ เพราะเราต่างไม่รู้จักใคร และจากกิจกรรมรับน้องทำให้ฉันมีเพื่อนใหม่มาหลายๆคน ฉันรู้สึกสนุกในช่วงการทำกิจกรรมรับน้องมากๆ แต่พอได้เริ่มเรียน ก็รู้สึกว่าสาขาที่ฉันเรียนเป็นอะไรที่ยากมากและไม่ใช่ตัวฉันเลย การใช้ชีวิตมหาลัยต่างจากช่วงมอต้นมอปลายมาก เพราะไม่มีใครมาคอยบังคับให้เราตื่นไปเรียนอีกแล้ว แต่เป็นตัวเรานี้แหละที่ต้องคอยประคับประคองตัวเองให้รับผิดชอบ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับคนขี้เกียจและรักสบายอย่างฉัน ทำให้บ่อยครั้งฉันนอนตื่นสายจนไม่ได้ไปเรียน ฉันมีแฟนคนนึงเรียนที่เดียวกัน ฉันแอบพ่อแม่เรื่องมีแฟน เพราะพ่อแม้ฉันห้ามไม่ให้มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ แต่ด้วยความไม่รักดี อะไรที่พ่อแม่ห้ามฉันกลับทำมาโดยตลอด ฉันไม่ค่อยโทรหาพ่อกับแม่ และมักจะรีบตัดบทสนทนา เพื่อจะได้วางสายไปคุยกับแฟน ฉันมองข้ามความสำคัญของพ่อแม่มาตลอด เวลาที่พ่อแม่ฉันจะมาหาที่มหาลัยฉันมักจะหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่มา ฉันเริ่มที่จะเสียคน หลังจากที่ฉันคบกับแฟนได้ไม่นาน เราก็ไปผับด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าผับ ความรู้สึกตอนเหยียบเข้าไปในผับครั้งแรก เหมือนได้ไปอยู่อีกโลกนึง โลกที่ฉันคิดว่า นี้แหละคือที่สำหรับฉัน ฉันเห็นแสงสีในผับและเสียงเพลง มันทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และฉันก็ได้รู้จักกับเหล้าและบารากุเป็นครั้งแรก ฉันได้กินเหล้า แม้จะรู้สึกไม่ถูกคอในตอนแรกแต่ด้วย บรรยากาศและเสียงเพลง ทำให้ฉันต้องกินมันอยู่เรื่อยๆ จากนั้นไปนานเราก็ไปผับกันอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วครั้งนี้ฉันเสียบริสุทธิให้แฟนโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยความเมา หลังจากวันนั้นเราได้มีอะไรกันมาเรื่อยๆ ฉันรู้สึกติดเซกส์ ติดผับ ฉันได้ทำสิ่งที่แย่เข้าไปอีก เป็นสิ่งที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงไปย่อยยับ ฉันได้ไปมีอะไรกับคนที่พึ่งเจอในผับโดยตั้งใจ แม้ในตอนนั้นฉันจะคบกับแฟนอยู่ก็ตาม จากนั้นฉันก็ทำตัวเหลวแหลกมาเรื่อยๆ โดยมีเพศสัมพันกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า และได้เลิกกับแฟนในที่สุด และฉันยังไปหลอกเงินคนที่เจอในผับอีก ฉันได้ไปมีอะไรกับคนในมอเดียวกันซึ่งคนนึงก็เป็นคนที่มีแฟนอยู่แล้วด้วย แต่คนนี้ฉันรักเค้าแม้จะถุกแฟนเขาจับได้ฉันก็ยังไม่เลิกยุ่ง จนกระทั่ง พ่อแม่ฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแบบถาวร ฉันด้วยความที่เรื่องเรียนก็ไปไม่รอด จึงตัดสินใจจะออกจากมหาวิทยาลัย ไปอยู่กับพ่อแม่ด้วย ฉันเครียดในหลายๆเรื่องที่ทั้งความรักแบบฉาบฉวย การเรียน รู้สึกถามหาความสุขอีกครั้งว่าชีวิตจริงๆต้องการอะไรกันแน่ อิสระตลอดหนึ่งปีในช่วงมหาวิทยาลัยก็ได้มาแล้ว แต่มันยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ฉันอยากจะเริ่มต้นอะไรใหม่ จึงบอกพ่อกับแม่ว่า ขอไปอยู่ด้วย พ่อแม่จึงจะให้ดอปเรียนไปก่อน แล้วค่อยมาหาที่เรียนที่นี่ ฉันจึงออกจากมหาวิทยาลัย ฉันคิดว่าจะมาเริ่มต้นอะไรใหม่ที่นี่ โดยจะละทิ้งสังคมแบบเก่า กิน เที่ยว มีเซกส์ ฉันควรจะหยุดแค่นี้ จากนั้นฉันก็มาอยุ่ในที่ใหม่ได้สักซัก ก็รู้สึกว่าเหงาเพราะไม่มีเพื่อนเลยซักคน ความรู้สึกเก่าๆเริ่มกลับมา ก็อยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก ฉันเกลียดตัวเองที่สับสนโลเลเอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้ ฉันก็พยายามตัดใจรุ้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่นานฉันก็มีงานทำ และฉันได้รู้จักกับพี่ที่ทำงานคนนึงซึ่งเข้ามาทำงานพร้อมฉัน เราคุยกันถูกคอเขาจึงชวนไปร้านเหล้า ฉันขอพ่อกับแม่ไปโดยบอกว่าจะไปดูคอนเสิรต ตอนแรกพ่อกับแม่จะไม่ให้ฉันไป เพราะพึ่งรุ้จักกันได้แค่สองวัน แต่ฉันก็ยืนกรานที่จะไป จนได้ไปในที่สุด เพราะเค้ามารับฉันถึงบ้าน คืนนั้นฉันกินเหล้าปั่นไปเยอะรู้สึกเมานิดๆ พอกลับบ้านโดนพ่อแม่ด่าเละเพราะจับได้ว่าฉันกินเหล้า ฉันทั้งโดนด่าทั้งถูกพูดประชดประชัน ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจ่ คิดว่ากินเหล้าปั่น แค่นี้ ด่าเหมือนฉันไปฆ่าใคร ฉันเถียงพ่อแม่ และพาลที่จะไม่ไปทำงาน ฉันโกดพ่อแม่อยู่หลายวัน จนเวลาผ่านไปฉันออกจากงาน แต่ในก่อนหน้านั้นฉันได้คบกับคนที่ทำงานอยุ่คนนึง ฉันได้ออบหนีเที่ยวตอนพ่อแม่หลับเพื่อไปมีอะไรกับเค้า ฉันทำแบบนี้อยู่หลายคืน จนกะทั่งวันที่โชคไม่เข้าข้างฉันอีกต่อไป ฉันถูกพ่อแม่จับได้ ฉันรุ้ว่าพ่อแม่ต้องเสียใจ และผิดหวังในตัวฉันมาก ที่ฉันสร้างแต่ปันหา พ่อแม่ให้พาแฟนคนนั้นมาคุย และเปิดโอกาสให้เราคบกัน โดยห้ามว่าต่อตาจากนี้ห้ามมีอะไรกันอีกจนกว่าจะแต่งงาน หลังจากนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกสงสานพ่อแม่ที่ฉันทำแต่เรื่องที่ไม่ดีทำให้พ่อแม่หนักใจ มาตลอด ตอนนี้ฉันไม่ได้เรียน ไม่มีงานทำ ทำมาหลายที่ก็จริง แต่ทำแปบๆก็มีปันหาทำให้ฉันต้องออกอยุ่เรื่อยๆ ฉันไม่เคยทำงานได้ถึงเดือน ฉันเริ่มตระหนักว่าชีวิตฉันไร้ค่าเหลือเกิน ฉันเคยคิดจะฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง และสุดท้ายด้วยความเบื่อชีวิตของฉัน จึงตัดสินใจเลิกกับแฟนคนนี้ และเท่ากับว่าปัจจุบันนี้ ชีวิตฉัน ไม่ได้เรียน ไม่มีงานทำ ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน แถมโสดอีก เห้อ ชีวิตตอนนี้ ก็มีแต่พ่อแม่ ในช่วงแรกฉันเหงามาก อยุ่แบบเหม่อลอย อ้างว้าง ฉันชอบถ่ายรุปลงเฟส ฉันเชคอินที่ต่างๆ มากมายแต่ไม่ได้ไปจิงๆ ฉันชอบทำใหคนอื่น้คิดว่าฉันมีความสุขดี คิดไปคิดมาฉันจะทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อชีวิตจริงมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง จากนั่นฉันก็เริ่มเบื่อการเล่นเฟส และมีเวลาอยุ่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา และเริ่มพยายามที่จะปลงกับชีวิต แต่แล้วปันหาก็เข้ามาอีก เมื่อแม่จับได้ว่าฉันไปสักมา และด่าฉันสารพัดว่าเป็นผุ้หญิงอย่างว่า หัวสมองฉันมันตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ฉันเอาหลายๆเรื่องในชีวิตที่คิดว่าตัวเองต่ำต้อยไร้ค่ามารวมกัน หลังจากนั้นฉันก็อยุ่บ้านไม่ได้ออกไปไหน อยุ่ในห้องสี่เหลี่ยมอยุ่กับตัวเองทั้งวัน เล่นเนตส่องเฟสอิจฉาชีวิตคนอื่นไปวันๆ พ่อแม่ก็เอาข้าวมาให้ฉันกินทุกมื้อแม้จะฉันจะไม่มีงานทำ แม่กับพ่อก็ไม่ได้โกดอะไรฉันแล้ว ฉันมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง และคิดได้ว่าฉันทำผิดกับพ่อแม่มามากมายนับไม่ถ้วน แต่กี่ครั้งแล้วที่พ่อแม่ให้อภัยฉัน ให้โอกาสฉันได้แก้ตัว ถ้าฉันทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะไม่มีใครมาคอยบ่นคอยว่าคอยให้อภัยฉันอีกแล้วก็ได้ ฉันคิดเรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ฉันจึงเริ่มเปลี่ยนความคิดและจิตใจของตัวเองให้มองโลกในแง่บวก ฝึกจิตใจให้ปลงมากยิ่งขึ้น และเริ่มหันมาสนใจในเรื่องของธรรมะ และเรื่องของเวรกรรมมากขึ้นและได้มองย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนฉันได้ทำบาป ิ มามากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าลักขโมย โกหกพ่อแม่ เถียงพ่อแม่ ประพฤติผิดในกามไปยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว อีกทั้งยังดื่มสุราและของมึนเมาอีก หลังจากที่ฉันศึกษาธรรมมะมาได้ซักพักก็ทำให้ฉันเชื่อในเรื่องของนรกสวรรค์ จึงหันมาสวดมนต์อุทิศสวดบุญบ่อยขึ้น และคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ทำบาปอีก บาปที่เคยทำเมื่อก่อนแม้ไม่อาจจะลบล้างได้ ยังไงก็ต้องไปชดใช้ในนรก แต่บุญส่วนบุญบาปส่วนบาป ทำแค่ไหนชดใช้แค่นั้นเพราะฉะนั้นฉันจึงคิดได้ว่า ควรหยุดทำบาปตั้งแต่ตอนนี้ โดยเริ่มจากการรักษาศีลห้าในแต่ละวัน และฉันก็ไม่คิดจะกินเหล้าอีกต่อไป และตั้งหน้าตั้งตาทำแต่สิ่งดีๆ จนตอนนี้ฉันจึงได้ค้นพบแล้วว่าจริงๆแล้วชีวิตฉันแท้จริงแล้วต้องการอะไร
ฉันต้องการให้ทุกวันมีฉันมีพ่อแม่อยุ่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แค่นี้ฉันก็มีความสุขที่สุดแล้ว ความสุขที่ฉันตามหามาตลอด อยุ่ตรงหน้าฉันนี่เอง ขอบคุณประสบการณ์ที่สั่งสอนฉันให้เรียนรู้และก้าวผ่านปัญหาต่าง จนได้มองเหนสัจธรรมที่แท้จริง คนมากมายบนโลกนี้อาจมีความฝันความสุขที่แตกต่างกันไป คนส่วนมากอาจจะคิดว่าความสุขเกิดขึ้นได้เพราะเงิน หากมีเงินมากก็จะได้กินได้เที่ยว ไปในที่ต่างๆได้กินอาหารหรูๆ หรือบางคนคิดว่า คนที่ใช้ชีวิตคุ้ม นั่นคือคนที่ได้ทำสิ่งที่ขัดต่อศีลธรรม การดื่มเหล้าเข้าผับ การใช้ชีวิตวัยรุ่นทั่วไปหมดไปกับกิเลสตัณหาที่มีไม่สิ้นสุด แต่สำหรับฉันสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉันไม่ต้องการอีกแล้ว แม้จะไม่มีเงินทองมากมายแม้จะไม่ได้ไปเที่ยวรอบโลกแม้จะไม่ได้กินอาหารหรูๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะใช้ไม่คุ้มค่า เพราะคำว่าคุ้มค่าสำหรับฉันคือการใช้เวลาอยุ่กับคนที่เรารักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป ตอนนี้ฉันพึ่งอายุ19 ฉันดีใจนะที่ฉันคิดได้ตอนอายุเท่านี้ แต่ฉันก็ประมาทกับชีวิตไม่ได้อยุ่ดีเพราะเราไม่รุ้เลยว่า ตัวเราหรือคนที่เรารักจะจากไปวันไหน เอาเป็นว่าแค่เราอยุ่กับปัจุบัน และทำในแต่ละวันให้มีความสุขและที่ดีที่สุดเท่านั้นเอง ่
่
ิคิดได้ก่อนจะสายเกินไป
ครอบครัวฉันมีด้วยกันสี่คนมีพ่อ แม่ ฉันและพี่ชาย แต่ว่าพี่ชายเรียนจบมีครอบครัวแล้ว ตอนนี้ฉันจึงอยุ่กับพ่อแม่ พ่อกับแม่เลี้ยงดูฉันเหมือนไข่ในหิน ความที่พ่อแม่หวงฉันมากเกินไป ทำให้ในบางครั้งฉันรู้สึกอึดอัด และในช่วงเวลานั้น (ช่วงมอต้น) ทำให้ฉันตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า ฉันอยากมีชีวิตที่ีเป็นอิสระ ฉันได้ทำสิ่งต่างๆมากมายทั้งดีและไม่ดี(ส่วนมากจะไม่ดี) ในช่วงมอต้นฉันและเพื่อนๆโดดเรียนด้วยกันและเคยขโมยของ ู ซึ่งในตอนนั้นเรายังไม่รู้ถึงคำว่าผิดชอบชั่วดี โดยไม่คิดถึงเรื่องบาปบุญคุณโทษ ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเวรกรรมเลยแม้จะถูกปลูกฝังจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พวกเรากลายเป็นคนลักเล็กขโมยน้อยมาเรื่อยๆ เมื่อมีโอกาสก็ทำ แต่ไม่เคยถูกจับได้ซักครั้ง แต่ก็ได้หยุดเรื่องนี้ไปเป็นเพราะฉันและเพื่อนๆ แยกย้ายกันไปเรียนโรงเรียนอื่นกันหมด เหลือฉันที่ยังเรียนที่เดิม ฉันจึงรู้สึกหดหู่เศร้าคิดถึงเพื่อน รู้สึกโดดเดี่ยว ่ ทำให้ตอนมอสี่เทอมหนึ่งฉันโดดเรียนบ่อย โดยยังติดต่อกับเพื่อนเก่า แล้วนัดกันโดด ฉันแอบฝึกขับรถโดยไปเช่ารถมาขับ เพราะพ่อแม่ไม่คิดจะให้ฉันขับรถ ฉันน้อยใจอะไรหลายอย่าง ว่าทำไมฉันจึงไม่เป็นอิสระเหมือนเพื่ิอน ฉันถามหาอิสระมาโดยตลอด ผลจากการที่ฉันโดดเรียนในช่วงมอสี่เทอมหนึ่งทำให้เกรดได้น้อยมาก
เรียกว่าเกือบที่โหล่ของห้อง ฉันคิดว่าถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป คงเข้ามหาวิทยาลัยดีๆไม่ได้แน่ เพราะในหัวของฉัน อยากไปมหาวิทยาลัยดีๆที่อยู่จังหวัดอื่นเพราะอยากไปให้ไกลจากบ้าน จึงพยายามเปลี่ยนตัวเองใหม่ให้ตั้งใจเรียน ในเทอมสอง เกรดดีขึ้นมาเยอะมาก จากนั้นช่วงมอห้าถึงมอหกฉันก็พยายามรักษาเกรดให้อยู่ในระดับที่ดีๆมาโดยตลอด และแล้วความฝันของฉันก็เป็นจริง ฉันแอดเข้ามหาวิทยาลัยนึงที่กทมได้ และจากวันที่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง อิสระที่ฉันรอมาตลอดก็มาถึง
ช่วงเวลาในมหาวิทยาลัย ฉันได้เจอกับสังคมอีกรูปแบบหนึ่งที่ใหญ่กว่าเดิม ฉันรู้สึกประหม่าในช่วงแรกๆ เพราะเราต่างไม่รู้จักใคร และจากกิจกรรมรับน้องทำให้ฉันมีเพื่อนใหม่มาหลายๆคน ฉันรู้สึกสนุกในช่วงการทำกิจกรรมรับน้องมากๆ แต่พอได้เริ่มเรียน ก็รู้สึกว่าสาขาที่ฉันเรียนเป็นอะไรที่ยากมากและไม่ใช่ตัวฉันเลย การใช้ชีวิตมหาลัยต่างจากช่วงมอต้นมอปลายมาก เพราะไม่มีใครมาคอยบังคับให้เราตื่นไปเรียนอีกแล้ว แต่เป็นตัวเรานี้แหละที่ต้องคอยประคับประคองตัวเองให้รับผิดชอบ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับคนขี้เกียจและรักสบายอย่างฉัน ทำให้บ่อยครั้งฉันนอนตื่นสายจนไม่ได้ไปเรียน ฉันมีแฟนคนนึงเรียนที่เดียวกัน ฉันแอบพ่อแม่เรื่องมีแฟน เพราะพ่อแม้ฉันห้ามไม่ให้มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ แต่ด้วยความไม่รักดี อะไรที่พ่อแม่ห้ามฉันกลับทำมาโดยตลอด ฉันไม่ค่อยโทรหาพ่อกับแม่ และมักจะรีบตัดบทสนทนา เพื่อจะได้วางสายไปคุยกับแฟน ฉันมองข้ามความสำคัญของพ่อแม่มาตลอด เวลาที่พ่อแม่ฉันจะมาหาที่มหาลัยฉันมักจะหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่มา ฉันเริ่มที่จะเสียคน หลังจากที่ฉันคบกับแฟนได้ไม่นาน เราก็ไปผับด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าผับ ความรู้สึกตอนเหยียบเข้าไปในผับครั้งแรก เหมือนได้ไปอยู่อีกโลกนึง โลกที่ฉันคิดว่า นี้แหละคือที่สำหรับฉัน ฉันเห็นแสงสีในผับและเสียงเพลง มันทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และฉันก็ได้รู้จักกับเหล้าและบารากุเป็นครั้งแรก ฉันได้กินเหล้า แม้จะรู้สึกไม่ถูกคอในตอนแรกแต่ด้วย บรรยากาศและเสียงเพลง ทำให้ฉันต้องกินมันอยู่เรื่อยๆ จากนั้นไปนานเราก็ไปผับกันอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วครั้งนี้ฉันเสียบริสุทธิให้แฟนโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยความเมา หลังจากวันนั้นเราได้มีอะไรกันมาเรื่อยๆ ฉันรู้สึกติดเซกส์ ติดผับ ฉันได้ทำสิ่งที่แย่เข้าไปอีก เป็นสิ่งที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงไปย่อยยับ ฉันได้ไปมีอะไรกับคนที่พึ่งเจอในผับโดยตั้งใจ แม้ในตอนนั้นฉันจะคบกับแฟนอยู่ก็ตาม จากนั้นฉันก็ทำตัวเหลวแหลกมาเรื่อยๆ โดยมีเพศสัมพันกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า และได้เลิกกับแฟนในที่สุด และฉันยังไปหลอกเงินคนที่เจอในผับอีก ฉันได้ไปมีอะไรกับคนในมอเดียวกันซึ่งคนนึงก็เป็นคนที่มีแฟนอยู่แล้วด้วย แต่คนนี้ฉันรักเค้าแม้จะถุกแฟนเขาจับได้ฉันก็ยังไม่เลิกยุ่ง จนกระทั่ง พ่อแม่ฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแบบถาวร ฉันด้วยความที่เรื่องเรียนก็ไปไม่รอด จึงตัดสินใจจะออกจากมหาวิทยาลัย ไปอยู่กับพ่อแม่ด้วย ฉันเครียดในหลายๆเรื่องที่ทั้งความรักแบบฉาบฉวย การเรียน รู้สึกถามหาความสุขอีกครั้งว่าชีวิตจริงๆต้องการอะไรกันแน่ อิสระตลอดหนึ่งปีในช่วงมหาวิทยาลัยก็ได้มาแล้ว แต่มันยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ฉันอยากจะเริ่มต้นอะไรใหม่ จึงบอกพ่อกับแม่ว่า ขอไปอยู่ด้วย พ่อแม่จึงจะให้ดอปเรียนไปก่อน แล้วค่อยมาหาที่เรียนที่นี่ ฉันจึงออกจากมหาวิทยาลัย ฉันคิดว่าจะมาเริ่มต้นอะไรใหม่ที่นี่ โดยจะละทิ้งสังคมแบบเก่า กิน เที่ยว มีเซกส์ ฉันควรจะหยุดแค่นี้ จากนั้นฉันก็มาอยุ่ในที่ใหม่ได้สักซัก ก็รู้สึกว่าเหงาเพราะไม่มีเพื่อนเลยซักคน ความรู้สึกเก่าๆเริ่มกลับมา ก็อยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก ฉันเกลียดตัวเองที่สับสนโลเลเอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้ ฉันก็พยายามตัดใจรุ้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่นานฉันก็มีงานทำ และฉันได้รู้จักกับพี่ที่ทำงานคนนึงซึ่งเข้ามาทำงานพร้อมฉัน เราคุยกันถูกคอเขาจึงชวนไปร้านเหล้า ฉันขอพ่อกับแม่ไปโดยบอกว่าจะไปดูคอนเสิรต ตอนแรกพ่อกับแม่จะไม่ให้ฉันไป เพราะพึ่งรุ้จักกันได้แค่สองวัน แต่ฉันก็ยืนกรานที่จะไป จนได้ไปในที่สุด เพราะเค้ามารับฉันถึงบ้าน คืนนั้นฉันกินเหล้าปั่นไปเยอะรู้สึกเมานิดๆ พอกลับบ้านโดนพ่อแม่ด่าเละเพราะจับได้ว่าฉันกินเหล้า ฉันทั้งโดนด่าทั้งถูกพูดประชดประชัน ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจ่ คิดว่ากินเหล้าปั่น แค่นี้ ด่าเหมือนฉันไปฆ่าใคร ฉันเถียงพ่อแม่ และพาลที่จะไม่ไปทำงาน ฉันโกดพ่อแม่อยู่หลายวัน จนเวลาผ่านไปฉันออกจากงาน แต่ในก่อนหน้านั้นฉันได้คบกับคนที่ทำงานอยุ่คนนึง ฉันได้ออบหนีเที่ยวตอนพ่อแม่หลับเพื่อไปมีอะไรกับเค้า ฉันทำแบบนี้อยู่หลายคืน จนกะทั่งวันที่โชคไม่เข้าข้างฉันอีกต่อไป ฉันถูกพ่อแม่จับได้ ฉันรุ้ว่าพ่อแม่ต้องเสียใจ และผิดหวังในตัวฉันมาก ที่ฉันสร้างแต่ปันหา พ่อแม่ให้พาแฟนคนนั้นมาคุย และเปิดโอกาสให้เราคบกัน โดยห้ามว่าต่อตาจากนี้ห้ามมีอะไรกันอีกจนกว่าจะแต่งงาน หลังจากนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกสงสานพ่อแม่ที่ฉันทำแต่เรื่องที่ไม่ดีทำให้พ่อแม่หนักใจ มาตลอด ตอนนี้ฉันไม่ได้เรียน ไม่มีงานทำ ทำมาหลายที่ก็จริง แต่ทำแปบๆก็มีปันหาทำให้ฉันต้องออกอยุ่เรื่อยๆ ฉันไม่เคยทำงานได้ถึงเดือน ฉันเริ่มตระหนักว่าชีวิตฉันไร้ค่าเหลือเกิน ฉันเคยคิดจะฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง และสุดท้ายด้วยความเบื่อชีวิตของฉัน จึงตัดสินใจเลิกกับแฟนคนนี้ และเท่ากับว่าปัจจุบันนี้ ชีวิตฉัน ไม่ได้เรียน ไม่มีงานทำ ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน แถมโสดอีก เห้อ ชีวิตตอนนี้ ก็มีแต่พ่อแม่ ในช่วงแรกฉันเหงามาก อยุ่แบบเหม่อลอย อ้างว้าง ฉันชอบถ่ายรุปลงเฟส ฉันเชคอินที่ต่างๆ มากมายแต่ไม่ได้ไปจิงๆ ฉันชอบทำใหคนอื่น้คิดว่าฉันมีความสุขดี คิดไปคิดมาฉันจะทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อชีวิตจริงมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง จากนั่นฉันก็เริ่มเบื่อการเล่นเฟส และมีเวลาอยุ่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา และเริ่มพยายามที่จะปลงกับชีวิต แต่แล้วปันหาก็เข้ามาอีก เมื่อแม่จับได้ว่าฉันไปสักมา และด่าฉันสารพัดว่าเป็นผุ้หญิงอย่างว่า หัวสมองฉันมันตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ฉันเอาหลายๆเรื่องในชีวิตที่คิดว่าตัวเองต่ำต้อยไร้ค่ามารวมกัน หลังจากนั้นฉันก็อยุ่บ้านไม่ได้ออกไปไหน อยุ่ในห้องสี่เหลี่ยมอยุ่กับตัวเองทั้งวัน เล่นเนตส่องเฟสอิจฉาชีวิตคนอื่นไปวันๆ พ่อแม่ก็เอาข้าวมาให้ฉันกินทุกมื้อแม้จะฉันจะไม่มีงานทำ แม่กับพ่อก็ไม่ได้โกดอะไรฉันแล้ว ฉันมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง และคิดได้ว่าฉันทำผิดกับพ่อแม่มามากมายนับไม่ถ้วน แต่กี่ครั้งแล้วที่พ่อแม่ให้อภัยฉัน ให้โอกาสฉันได้แก้ตัว ถ้าฉันทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะไม่มีใครมาคอยบ่นคอยว่าคอยให้อภัยฉันอีกแล้วก็ได้ ฉันคิดเรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ฉันจึงเริ่มเปลี่ยนความคิดและจิตใจของตัวเองให้มองโลกในแง่บวก ฝึกจิตใจให้ปลงมากยิ่งขึ้น และเริ่มหันมาสนใจในเรื่องของธรรมะ และเรื่องของเวรกรรมมากขึ้นและได้มองย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนฉันได้ทำบาป ิ มามากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าลักขโมย โกหกพ่อแม่ เถียงพ่อแม่ ประพฤติผิดในกามไปยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว อีกทั้งยังดื่มสุราและของมึนเมาอีก หลังจากที่ฉันศึกษาธรรมมะมาได้ซักพักก็ทำให้ฉันเชื่อในเรื่องของนรกสวรรค์ จึงหันมาสวดมนต์อุทิศสวดบุญบ่อยขึ้น และคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ทำบาปอีก บาปที่เคยทำเมื่อก่อนแม้ไม่อาจจะลบล้างได้ ยังไงก็ต้องไปชดใช้ในนรก แต่บุญส่วนบุญบาปส่วนบาป ทำแค่ไหนชดใช้แค่นั้นเพราะฉะนั้นฉันจึงคิดได้ว่า ควรหยุดทำบาปตั้งแต่ตอนนี้ โดยเริ่มจากการรักษาศีลห้าในแต่ละวัน และฉันก็ไม่คิดจะกินเหล้าอีกต่อไป และตั้งหน้าตั้งตาทำแต่สิ่งดีๆ จนตอนนี้ฉันจึงได้ค้นพบแล้วว่าจริงๆแล้วชีวิตฉันแท้จริงแล้วต้องการอะไร
ฉันต้องการให้ทุกวันมีฉันมีพ่อแม่อยุ่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แค่นี้ฉันก็มีความสุขที่สุดแล้ว ความสุขที่ฉันตามหามาตลอด อยุ่ตรงหน้าฉันนี่เอง ขอบคุณประสบการณ์ที่สั่งสอนฉันให้เรียนรู้และก้าวผ่านปัญหาต่าง จนได้มองเหนสัจธรรมที่แท้จริง คนมากมายบนโลกนี้อาจมีความฝันความสุขที่แตกต่างกันไป คนส่วนมากอาจจะคิดว่าความสุขเกิดขึ้นได้เพราะเงิน หากมีเงินมากก็จะได้กินได้เที่ยว ไปในที่ต่างๆได้กินอาหารหรูๆ หรือบางคนคิดว่า คนที่ใช้ชีวิตคุ้ม นั่นคือคนที่ได้ทำสิ่งที่ขัดต่อศีลธรรม การดื่มเหล้าเข้าผับ การใช้ชีวิตวัยรุ่นทั่วไปหมดไปกับกิเลสตัณหาที่มีไม่สิ้นสุด แต่สำหรับฉันสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉันไม่ต้องการอีกแล้ว แม้จะไม่มีเงินทองมากมายแม้จะไม่ได้ไปเที่ยวรอบโลกแม้จะไม่ได้กินอาหารหรูๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะใช้ไม่คุ้มค่า เพราะคำว่าคุ้มค่าสำหรับฉันคือการใช้เวลาอยุ่กับคนที่เรารักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป ตอนนี้ฉันพึ่งอายุ19 ฉันดีใจนะที่ฉันคิดได้ตอนอายุเท่านี้ แต่ฉันก็ประมาทกับชีวิตไม่ได้อยุ่ดีเพราะเราไม่รุ้เลยว่า ตัวเราหรือคนที่เรารักจะจากไปวันไหน เอาเป็นว่าแค่เราอยุ่กับปัจุบัน และทำในแต่ละวันให้มีความสุขและที่ดีที่สุดเท่านั้นเอง ่
่