วันนี้พาแฟนกับเพื่อนไปเที่ยววัดพระแก้วค่ะ
เดินกันอยู่ประมาณ 3 ชม. แฟนบ่นร้อน หิวข้าวด้วยเลยกลับกันดีกว่า
เดินออกมาจากวัดบ่าย 3 โมง มองหาแท็กซี่ เจอจอดกินเลนอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด ด้านเดียวกับศิลปากร
เราเดินข้ามไปถาม ตอนแรกไม่มีใครสนใจ เลยถามอีกรอบว่าไปสะพานควายมั้ย
ตรงนั้นมีคนขับอยู่ประมาณ 5-6 คน ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ คนแรกสุดบอกไม่ไป รอตีรถกลับไปอีกฝั่ง
เราก็เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินไปหาตรงอื่น
แล้วก็มีคนขับที่นั่งอยู่ตรงนั้นพูดขึ้นมา ไม่มีใครไปหรอก รถมันติด ไปตุ๊กๆสิ 300 เอง ถ้าแท็กซี่ 500
เกือบเอามือทาบอกแล้วอุทานคุณพระ
ขานั่งมาจากสะพานควายไม่ถึง 100 บาท ขากลับต้อง 500 เลยเรอะ
แล้วพูดย้ำๆไม่มีใครอยากไปตรงนั้นหรอก
เราเลยถามว่าทำไม 500 กดมิเตอร์ยังไงก็ไม่มีทางถึง ก็ได้คำตอบแบบเดิมคือไม่มีใครอยากไป
เราเลยบอกเขาว่า งั้นไม่ไปค่ะ
คือเหมือนจะจบดีนะ
แต่ลุงคนขับนั่นพูดสวนกลับมา ทางนี้ก็ไม่ได้อยากไปหรอกนะ
เราเลยมองหน้าแบบนึง แล้วบอกแฟนกับเพื่อนว่าไปที่อื่นกัน แท็กซี่ตรงนี้ไม่ยอมไป
กลับบ้านมาโทรแจ้ง 1197
พนักงานถามว่าจะแจ้งอะไร เราบอกแจ้งแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสารค่ะ
พนักงานก็ถามอีกว่าจะให้ทำยังไง จะให้จัดการระเบียบหรือยังไง
ตรงนี้เราจำไม่ได้นะคะ แต่เราตอบไปว่าอยากให้ทำสองอย่าง คือตักเตือนกับจัดระเบียบอะไรนี่ล่ะ
แล้วกำลังอ้าปากจะเล่าต่อว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานวางสายจ้า 55555555
วางไวจนงงว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าเกิดอะไรขึ้น
ปกติเราขับรถนะคะ ที่ซื้อรถก็เพราะขนส่งไทยมันแย่นี่ล่ะ แต่ไปคราวนี้ไม่รู้จะจอดรถไว้ตรงไหน ประกอบกับไม่มั่นใจทางเท่าไหร่
กว่าจะโบกรถไปจากสะพานควายได้นี่ก็แย่นะ แต่ด้วยความชินเลยเฉยๆ
แท็กซี่ขับเหมือนรีบไปตาย เราเกิดที่นี่ ต้องคีพลุคทำตัวชิลทั้งๆที่กลัวฉี่จะราด
แฟนกับเพื่อนเรานี่นั่งตัวแข็งเป็นหลักกิโลเลย บอกทำไมเมืองไทยขับรถแบบนี้
วินแท็กซี่ตรงนั้นก็เหมือนกัน
จอดนานมาก เราเห็นตั้งแต่ก่อนเข้าวัดแล้ว ปกติตรงนั้นเขาให้จอดหรือเปล่าไม่ทราบ
สมัยเรียนเคยเห็นแต่รถทัวร์จอดให้ทัวร์ลง
มิเตอร์ก็ไม่กด เหมือนเห็นเรามากับคนต่างชาติก็กะฟันให้หัวแบะ ต้องเหมารถเท่านั้น
มันตลกตรงที่แถวนั้นตำรวจยืนโบกเต็มเลยค่ะ
แต่ไม่เห็นทำอะไรกับพวกจอดขวางการจราจร
คงยิ่งใหญ่มากเลยสินะ
วินแท็กซี่ตรงข้ามวัดพระแก้วนี่เขายิ่งใหญ่มาจากไหนเหรอคะ
เดินกันอยู่ประมาณ 3 ชม. แฟนบ่นร้อน หิวข้าวด้วยเลยกลับกันดีกว่า
เดินออกมาจากวัดบ่าย 3 โมง มองหาแท็กซี่ เจอจอดกินเลนอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด ด้านเดียวกับศิลปากร
เราเดินข้ามไปถาม ตอนแรกไม่มีใครสนใจ เลยถามอีกรอบว่าไปสะพานควายมั้ย
ตรงนั้นมีคนขับอยู่ประมาณ 5-6 คน ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ คนแรกสุดบอกไม่ไป รอตีรถกลับไปอีกฝั่ง
เราก็เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินไปหาตรงอื่น
แล้วก็มีคนขับที่นั่งอยู่ตรงนั้นพูดขึ้นมา ไม่มีใครไปหรอก รถมันติด ไปตุ๊กๆสิ 300 เอง ถ้าแท็กซี่ 500
เกือบเอามือทาบอกแล้วอุทานคุณพระ
ขานั่งมาจากสะพานควายไม่ถึง 100 บาท ขากลับต้อง 500 เลยเรอะ
แล้วพูดย้ำๆไม่มีใครอยากไปตรงนั้นหรอก
เราเลยถามว่าทำไม 500 กดมิเตอร์ยังไงก็ไม่มีทางถึง ก็ได้คำตอบแบบเดิมคือไม่มีใครอยากไป
เราเลยบอกเขาว่า งั้นไม่ไปค่ะ
คือเหมือนจะจบดีนะ
แต่ลุงคนขับนั่นพูดสวนกลับมา ทางนี้ก็ไม่ได้อยากไปหรอกนะ
เราเลยมองหน้าแบบนึง แล้วบอกแฟนกับเพื่อนว่าไปที่อื่นกัน แท็กซี่ตรงนี้ไม่ยอมไป
กลับบ้านมาโทรแจ้ง 1197
พนักงานถามว่าจะแจ้งอะไร เราบอกแจ้งแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสารค่ะ
พนักงานก็ถามอีกว่าจะให้ทำยังไง จะให้จัดการระเบียบหรือยังไง
ตรงนี้เราจำไม่ได้นะคะ แต่เราตอบไปว่าอยากให้ทำสองอย่าง คือตักเตือนกับจัดระเบียบอะไรนี่ล่ะ
แล้วกำลังอ้าปากจะเล่าต่อว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานวางสายจ้า 55555555
วางไวจนงงว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าเกิดอะไรขึ้น
ปกติเราขับรถนะคะ ที่ซื้อรถก็เพราะขนส่งไทยมันแย่นี่ล่ะ แต่ไปคราวนี้ไม่รู้จะจอดรถไว้ตรงไหน ประกอบกับไม่มั่นใจทางเท่าไหร่
กว่าจะโบกรถไปจากสะพานควายได้นี่ก็แย่นะ แต่ด้วยความชินเลยเฉยๆ
แท็กซี่ขับเหมือนรีบไปตาย เราเกิดที่นี่ ต้องคีพลุคทำตัวชิลทั้งๆที่กลัวฉี่จะราด
แฟนกับเพื่อนเรานี่นั่งตัวแข็งเป็นหลักกิโลเลย บอกทำไมเมืองไทยขับรถแบบนี้
วินแท็กซี่ตรงนั้นก็เหมือนกัน
จอดนานมาก เราเห็นตั้งแต่ก่อนเข้าวัดแล้ว ปกติตรงนั้นเขาให้จอดหรือเปล่าไม่ทราบ
สมัยเรียนเคยเห็นแต่รถทัวร์จอดให้ทัวร์ลง
มิเตอร์ก็ไม่กด เหมือนเห็นเรามากับคนต่างชาติก็กะฟันให้หัวแบะ ต้องเหมารถเท่านั้น
มันตลกตรงที่แถวนั้นตำรวจยืนโบกเต็มเลยค่ะ
แต่ไม่เห็นทำอะไรกับพวกจอดขวางการจราจร
คงยิ่งใหญ่มากเลยสินะ