ออกตัวก่อนเลยว่าไม่ใช่แฟนคลับใคร แค่มองในแง่มุมของคนเคยรัก เคยอกหักแบบแตงโมและเคยมีนิสัยเอาแต่ใจแบบแตงโม(ซึ่งก็ไม่ดีนะ)และเคยมีคนรักแบบที่ชอบสปอยเราแบบโตโน่มาก่อนแค่นั้นเอง
ที่จริงผิดทั้งคู่นะ แต่กรณีนี้เราขอพูดถึงโตโน่ ที่ว่าโตโน่ผิด ที่ผิดคือผิดตั้งแต่ต้น ไม่ได้โทษเรื่องที่บอกเลิกนะ คนเราพอมันรัก มันหลง มันก็อยากจะบอกรักกันด้วยกันทั้งนั้นเป็นธรรมดา แต่พอหมดความอดทนหมดรักหมดเยื่อใยแล้ว มันมีโอกาสเลิกได้ทุกคนนั่นแหละค่ะ แต่สิ่งที่จะโทษเราโทษโตโน่ด้วยที่ตามใจคนรักของตัวเองมากเกินไป โทษที่ยอมทุกอย่างโดยไม่มีการสอน ไม่มีการบอกกล่าวตักเตือนห้ามปรามคนรักเมื่อกระทำผิดหรือทำเกินเลย โทษที่เป็นฝ่ายยอมอดทนแทนที่จะพยายามดึงอีกฝ่ายขึ้นมาจากภาวะเอาแต่ใจนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับ พ่อแม่รังแกชั้นหรอกค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้
คนเราถ้ารักกันจริงๆ เวลาอีกฝ่ายนึงทำผิด ทำอะไรเกินขอบเขต หรือทำอะไรที่เอาแต่ใจจนงี่เง่า อีกฝ่ายต้องเตือนสติ ห้ามปรามกันได้ ต่อให้ต้องทะเลาะกันก็ต้องยอมค่ะ เพื่อให้รุ้ว่าเราก็ไม่ชอบหรือไม่ยอมนะกับการกระทำของคุณแบบนี้ มันมากไป ไม่ใช่ว่าแก้ปัยหาโโยการยอมไปก่อน หรือเงียบไม่เคยว่ากล่าวกันเลย ไม่ใช่เอ๊ะอะอะไรก็ยอมๆๆๆๆๆๆ เหมือนอดทนรอวันระเบิด แล้วแบบนี้จะอยู่กันยระยะยาวได้ยังไง แบบนี้ไม่เรียกว่ารัก แต่เรียกว่า อาการหลง พอคนเราหลง ก็จะทำตามใจอีกฝ่ายอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพราะยังอยากได้ในตัวเค้าอยู่ กลัวเค้าไม่รัก กลัวเค้าไม่เอาเรา จึงยอมทำทุกอย่าง จนอีกฝ่ายได้ใจ ตายใจมากๆจนคิดว่าที่อีกฝ่ายยอมตนเองเพราะรัก และคงจะเป็นแบบนี้ตลอดไปต่อให้ทำอะไรผิดก็ไม่กลัว แบบนี้ฝ่ายที่โดนเอาใจไม่มีทางลดลงค่ะ มันจะมีแต่ทวีความเอาแต่ใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆ จนกระทั่งอีกฝ่าย เลิกหลง(คือเลิกทนนั่นแหละ)หรือได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจนหมดแล้ว ก็เริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง รู้สึกว่าไม่อยากทนแล้ว(ง่ายๆกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว) เพราะไม่มีอะไรล่อใจให้ต้องทนต้องยอมกันแล้ว เลยรุ้สึกว่าที่ผ่านมา กุก็ทนมามากพอแล้ว เลยชิ่งออก ทีนี้อีกฝ่ายเลยรับไม่ได้เพราะรุ้สึกว่าก่อนหน้านี้เมิงตามใจกุมาตลอด จะเอาอะไร ทำอะไรได้หมด พอมาตอนนี้กลับเลิกทนเลิกตามใจ(เหมือนสายเกินแก้นั่นแหละ)เลยเหมือนรับไม่ทันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาสำหรับบางคนที่จิตใจอ่อนไหวก้อาจจะเป็นหนักหน่อย เหมือนไม่ได้เตรียมใจมาว่า กุจะโดนทิ้ง ยังคิดตลอดว่าเดวยังไงคงยอมกุอีกแหละ แต่เมื่อเหตุการณ์มันไม่เหมือนเก่า มันเลยเหมือนโดนหักดิบไง จึงมีอาการลงแดงว่างั้นแหละ
ถ้าลองมองกลับไป ตอนคบกันใหม่ๆ แน่นอนทุกคนย่อมมีความหลงปนอยุ่ อาจมียอมบ้างในบางเรื่อง แต่ความคิด การควบคุมสติของแต่ละคนจะต่างกันก็ตรงนี้แหละค่ะ ถ้าคุณคุมสติได้(มีภาวะความเป็นผู้ใหญ่สูง มีเหตุมีผลมากกว่าอารมณ์) คุณจะรุ้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาแต่ใจมากไปแล้วจนตัวคุณเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองเค้าจะมีการว่ากล่าวตักเตือนกันบ้างมันอาจต้องมีทะเลาะกัน แต่ต้องให้อีกฝ่ายรุ้ว่า คุณล้ำเส้นเรามากไปแล้วนะ แรกๆอีกฝ่ายอาจโมโหไม่พอใจที่เราขัดใจ แต่เค้าจะค่อยๆเรียนรู้ไปเองว่าอันนี้คุณยอมอันนี้คือคุณไม่ยอม แล้วมันจะค่อยๆปรับตัวได้ ไม่หักดิบจนเกินไป ซึ่งถ้ารับไม่ได้จริงๆในขั้นนี้ก็ตัดขาดกันไปตอนนี้จะเสียใจน้อยกว่า(ระยะเวลาอาจไม่นาน แต่ส่วนใหญ่อีกฝ่ายจะทนรับได้นะ) แต่ถ้ารับได้ มันจะค่อยๆทะเลาะกันไป ค่อยๆปรับตัวกันไปเอง จนแต่ละฝ่ายจะค่อยๆปรับและซึมซับทั้งข้อดีข้อเสียของกันและกันได้ในที่สุด มันก็จะอยุ่กันได้นาน อยู่กันแบบไม่อึดอัด อยู่กันแบบยอมรับได้ อยู่กันแบบสามารถแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองได้มากขึ้น คือยังเล่นกันได้ แต่ก็ต้องมีขอบเขตในบางเรื่องในแต่ละฝ่าย(ง่ายๆหมายถึงให้เกรียติกันนั่นแหละ)
คนเอาแต่ใจตัวเองมากๆ แล้วอีกฝ่ายดันตามใจตลอดเวลาเพราะคิดว่าการยอมจะได้ไม่มีปัญหา แบบนี้ เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ผิดนะคะ อีกฝ่ายที่โดนสปอยจะไม่มีภูมิคุ้มกันค่ะ ถ้าวันนึงคุณเลิกสปอยเค้า คนที่ได้รับการโดนสปอยมามากๆก็จะติด และจะเริ่มเพิ่มความเอาแต่ใจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้คุณลองเปรียบเทียบกับลิ้นตัวเอง อย่างคนชอบกินหวาน แรกๆเวลาปรุงจะใส่แค่ช้อนเดียว พอนานๆไปลิ้นมันชินแล้วมันจะเพิ่มวอลลุ่มเองจนเพิ่มเป็น 2 ช้อน 3 ช้อนโดยไม่รุ้ตัว จนคุณเองก็ไม่ได้รุ้สึกว่าหวานขึ้น แต่พอลองให้คนอื่นมาชิมถ้วยเรานั้นแหละ คนอื่นแทบกินไม่ได้เพราะหวานจัด ของแบบนี้ต้องหัดกันตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ ถึงจะอยู่กันได้ระะยาว
โตโน่ไม่ผิดหรอกที่บอกเลิก แต่โตโน่ผิดเพราะ
ที่จริงผิดทั้งคู่นะ แต่กรณีนี้เราขอพูดถึงโตโน่ ที่ว่าโตโน่ผิด ที่ผิดคือผิดตั้งแต่ต้น ไม่ได้โทษเรื่องที่บอกเลิกนะ คนเราพอมันรัก มันหลง มันก็อยากจะบอกรักกันด้วยกันทั้งนั้นเป็นธรรมดา แต่พอหมดความอดทนหมดรักหมดเยื่อใยแล้ว มันมีโอกาสเลิกได้ทุกคนนั่นแหละค่ะ แต่สิ่งที่จะโทษเราโทษโตโน่ด้วยที่ตามใจคนรักของตัวเองมากเกินไป โทษที่ยอมทุกอย่างโดยไม่มีการสอน ไม่มีการบอกกล่าวตักเตือนห้ามปรามคนรักเมื่อกระทำผิดหรือทำเกินเลย โทษที่เป็นฝ่ายยอมอดทนแทนที่จะพยายามดึงอีกฝ่ายขึ้นมาจากภาวะเอาแต่ใจนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับ พ่อแม่รังแกชั้นหรอกค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้
คนเราถ้ารักกันจริงๆ เวลาอีกฝ่ายนึงทำผิด ทำอะไรเกินขอบเขต หรือทำอะไรที่เอาแต่ใจจนงี่เง่า อีกฝ่ายต้องเตือนสติ ห้ามปรามกันได้ ต่อให้ต้องทะเลาะกันก็ต้องยอมค่ะ เพื่อให้รุ้ว่าเราก็ไม่ชอบหรือไม่ยอมนะกับการกระทำของคุณแบบนี้ มันมากไป ไม่ใช่ว่าแก้ปัยหาโโยการยอมไปก่อน หรือเงียบไม่เคยว่ากล่าวกันเลย ไม่ใช่เอ๊ะอะอะไรก็ยอมๆๆๆๆๆๆ เหมือนอดทนรอวันระเบิด แล้วแบบนี้จะอยู่กันยระยะยาวได้ยังไง แบบนี้ไม่เรียกว่ารัก แต่เรียกว่า อาการหลง พอคนเราหลง ก็จะทำตามใจอีกฝ่ายอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพราะยังอยากได้ในตัวเค้าอยู่ กลัวเค้าไม่รัก กลัวเค้าไม่เอาเรา จึงยอมทำทุกอย่าง จนอีกฝ่ายได้ใจ ตายใจมากๆจนคิดว่าที่อีกฝ่ายยอมตนเองเพราะรัก และคงจะเป็นแบบนี้ตลอดไปต่อให้ทำอะไรผิดก็ไม่กลัว แบบนี้ฝ่ายที่โดนเอาใจไม่มีทางลดลงค่ะ มันจะมีแต่ทวีความเอาแต่ใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆ จนกระทั่งอีกฝ่าย เลิกหลง(คือเลิกทนนั่นแหละ)หรือได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจนหมดแล้ว ก็เริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง รู้สึกว่าไม่อยากทนแล้ว(ง่ายๆกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว) เพราะไม่มีอะไรล่อใจให้ต้องทนต้องยอมกันแล้ว เลยรุ้สึกว่าที่ผ่านมา กุก็ทนมามากพอแล้ว เลยชิ่งออก ทีนี้อีกฝ่ายเลยรับไม่ได้เพราะรุ้สึกว่าก่อนหน้านี้เมิงตามใจกุมาตลอด จะเอาอะไร ทำอะไรได้หมด พอมาตอนนี้กลับเลิกทนเลิกตามใจ(เหมือนสายเกินแก้นั่นแหละ)เลยเหมือนรับไม่ทันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาสำหรับบางคนที่จิตใจอ่อนไหวก้อาจจะเป็นหนักหน่อย เหมือนไม่ได้เตรียมใจมาว่า กุจะโดนทิ้ง ยังคิดตลอดว่าเดวยังไงคงยอมกุอีกแหละ แต่เมื่อเหตุการณ์มันไม่เหมือนเก่า มันเลยเหมือนโดนหักดิบไง จึงมีอาการลงแดงว่างั้นแหละ
ถ้าลองมองกลับไป ตอนคบกันใหม่ๆ แน่นอนทุกคนย่อมมีความหลงปนอยุ่ อาจมียอมบ้างในบางเรื่อง แต่ความคิด การควบคุมสติของแต่ละคนจะต่างกันก็ตรงนี้แหละค่ะ ถ้าคุณคุมสติได้(มีภาวะความเป็นผู้ใหญ่สูง มีเหตุมีผลมากกว่าอารมณ์) คุณจะรุ้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาแต่ใจมากไปแล้วจนตัวคุณเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองเค้าจะมีการว่ากล่าวตักเตือนกันบ้างมันอาจต้องมีทะเลาะกัน แต่ต้องให้อีกฝ่ายรุ้ว่า คุณล้ำเส้นเรามากไปแล้วนะ แรกๆอีกฝ่ายอาจโมโหไม่พอใจที่เราขัดใจ แต่เค้าจะค่อยๆเรียนรู้ไปเองว่าอันนี้คุณยอมอันนี้คือคุณไม่ยอม แล้วมันจะค่อยๆปรับตัวได้ ไม่หักดิบจนเกินไป ซึ่งถ้ารับไม่ได้จริงๆในขั้นนี้ก็ตัดขาดกันไปตอนนี้จะเสียใจน้อยกว่า(ระยะเวลาอาจไม่นาน แต่ส่วนใหญ่อีกฝ่ายจะทนรับได้นะ) แต่ถ้ารับได้ มันจะค่อยๆทะเลาะกันไป ค่อยๆปรับตัวกันไปเอง จนแต่ละฝ่ายจะค่อยๆปรับและซึมซับทั้งข้อดีข้อเสียของกันและกันได้ในที่สุด มันก็จะอยุ่กันได้นาน อยู่กันแบบไม่อึดอัด อยู่กันแบบยอมรับได้ อยู่กันแบบสามารถแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองได้มากขึ้น คือยังเล่นกันได้ แต่ก็ต้องมีขอบเขตในบางเรื่องในแต่ละฝ่าย(ง่ายๆหมายถึงให้เกรียติกันนั่นแหละ)
คนเอาแต่ใจตัวเองมากๆ แล้วอีกฝ่ายดันตามใจตลอดเวลาเพราะคิดว่าการยอมจะได้ไม่มีปัญหา แบบนี้ เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ผิดนะคะ อีกฝ่ายที่โดนสปอยจะไม่มีภูมิคุ้มกันค่ะ ถ้าวันนึงคุณเลิกสปอยเค้า คนที่ได้รับการโดนสปอยมามากๆก็จะติด และจะเริ่มเพิ่มความเอาแต่ใจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้คุณลองเปรียบเทียบกับลิ้นตัวเอง อย่างคนชอบกินหวาน แรกๆเวลาปรุงจะใส่แค่ช้อนเดียว พอนานๆไปลิ้นมันชินแล้วมันจะเพิ่มวอลลุ่มเองจนเพิ่มเป็น 2 ช้อน 3 ช้อนโดยไม่รุ้ตัว จนคุณเองก็ไม่ได้รุ้สึกว่าหวานขึ้น แต่พอลองให้คนอื่นมาชิมถ้วยเรานั้นแหละ คนอื่นแทบกินไม่ได้เพราะหวานจัด ของแบบนี้ต้องหัดกันตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ ถึงจะอยู่กันได้ระะยาว