แค้นอมตะ!!! เกาหลีญี่ปุ่น!!! สุดสลด!!! อดีตหญิงบำเรอกาม คับแค้น!!! ชีวิตนรก!!! ถูกทหารญี่ปุ่น 50 นาย ข่มขืนทุกวัน!!!
2 กรกฎาคม 2558
สำนักข่าวต่างประเทศเดลี เมล์ รายงานว่า นางลี อ๊ก ซอน อดีตหญิงบำเรอกองทัพญี่ปุ่นหรือ "Comfort Woman" ชาวเกาหลีใต้ วัย 87 ปีได้ออกมาฟ้องร้องรัฐบาลญี่ปุ่นและเรียกเงินชดเชยจำนวน 16 ล้านยูโร หรือราว 604 ล้านบาท สำหรับความทุกข์ทรมานที่ได้รับจากการถูกบังคับให้เป็นหญิงบำเรอของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายหลังที่ญี่ปุ่นออกมากล่าวว่าผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้ถูกบังคับและขายร่างกายของพวกเธอเองเพื่อเงินนอกจากนี้อดีตหญิงบำเรอคนอื่นๆอีก11คนก็ออกมาร่วมฟ้องเรียกเงินชดเชยเป็นเงิน1.3 ล้านยูโรอีกด้วย
รายงานระบุว่า นางลี อ๊ก ซอน ได้เล่าถึงอดีตของเธอว่า เธอถูกฉุดและถูกบังคับให้เป็นหญิงบำเรอกองทัพเมื่อตอนอายุ 15 ปี โดยถูกคุมตัวให้อยู่ในค่ายทหารที่เมืองเยี่ยนจิง ประเทศจีน ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนเกาหลีเหนือ ซึ่งที่นั่นนางลีได้พบกับเด็กสาวๆมากมายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกทารุณกรรม โดยนางลีต้องรับใช้ทหารญี่ปุ่นถึง 50 นายต่อวันเป็นเวลาถึง 3 ปี เธอกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากและลำบากมากๆ ที่ต้องยืนหยัดมีชีวิตอยู่ ขณะที่หลายต่อหลายคนฆ่าตัวตาย ทั้งกระโดดน้ำตายและไปที่ภูเขาเพื่อแขวนคอ"
นอกจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้วนางลียังเล่าว่าเธอยังโดนทหารญี่ปุ่นตบตีโดยเธอกล่าวว่า"พวกเขาบอกกับฉันว่าฉันเป็นผู้หญิงอวดดีและเขาก็จะฆ่าฉันพวกเขาตบเตะและทุบตีฉันยิ่งเป็นทหารยศสูงเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งอำมหิตมากเท่านั้น"โดยครั้งหนึ่งนางลีเคยพยายามที่จะหนีออกจากค่ายแต่เธอถูกจับได้และผู้คุมค่ายก็ใช้มีดฟันที่แขนของเธอซึ่งได้กลายเป็นแผลเป็นติดตัว
นอกจากนี้การถูกทารุณที่ค่ายนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพของเธอไปทั้งชีวิตโดยเธอสูญเสียประสาทการรับรู้ต่างๆและยังไม่สามารถมีลูกได้อีกด้วย เธอกล่าวว่า "ฉันสูญเสียการมองเห็น การได้ยิน รวมถึงฟันที่หลุดออกไปตอนโดนซ้อม" ปัจจุบัน นางลีอาศัยอยู่ใน "บ้านแห่งการแบ่งปัน" หรือ "House of Sharing" ซึ่งเป็นศูนย์พิเศษสำหรับหญิงบำเรอทหารที่รอดชีวิต
รายงานระบุว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาหลังสงครามสิ้นสุดลง ญี่ปุ่นได้ออกมาตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของผู้หญิงกลุ่มนี้ และในปี 1993 เลขานุการหัวหน้าคณะรัฐมนตรี นายโยเฮอิ โคโน ได้แถลงการณ์ขออภัยสำหรับความทุกข์ทรมานและบาดแผลทางใจที่พวกเธอได้รับ
แต่เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลชินโซะ อาเบะ กล่าวว่าพวกเขาจะพิจารณาการแถลงการณ์ขออภัยใหม่ โดยชี้ว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับตัวหญิงสาวและบังคับให้เป็นหญิงรับใช้ในค่าย อีกทั้งยังอ้างว่าเงินชดเชยนั้นถูกจ่ายให้เกาหลีใต้ไปแล้วในปี 1965 โดยเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี แต่เกาหลีใช้เงินส่วนใหญ่ที่ได้รับไปในโครงการขั้นพื้นฐานต่างๆ มากกว่าให้เป็นเงินชดเชยแก่หญิงบำเรอที่รอดชีวิต
โดยนางยู ฮีนัม วัย 88 ปี อดีตหญิงบำเรออีกคนหนึ่งที่อาศัยในบ้านแห่งการแบ่งปันได้ออกมาวิพากษ์ทัศนคติของญี่ปุ่นที่มีต่ออดีตหญิงบำเรอเธอกล่าวว่า "อาเบะไม่ได้ตระหนักเลยว่าพวกเราถูกบังคับให้มาเป็นทาสกามเขาบอกว่าพวกเราได้เงินและทำอย่างเต็มใจพวกเราโกรธมากจริงๆคำพูดของเรากลายเป็นคำโกหกเพราะพวกเขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยดังนั้นเราจะทำการฟ้องร้อง"
นอกจากนี้นางยูยังได้เล่าประสบการณ์อันเศร้าสลดของเธออีกว่า"มันเป็นเรื่องเจ็บปวดใจมากจริงๆ พวกเขาทุบตีเรา มันน่าอนาถใจมาก ผู้หญิงเกาหลีได้รับการปฏิบัติเหมือนพวกเราไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเราเป็นเพียงสุนัข"
เช่นเดียวกับหญิงคนอื่นๆ ยู ปกปิดอดีตอันน่าอับอายของเธอกับครอบครัว แต่หลังจากที่เธอได้พูดความจริงออกไปแล้ว เธอกล่าวว่า "ลูกๆ ของฉันบอกว่าพวกเขารู้สึกอับอาย ดังนั้น ตอนนี้ฉันอยากจะตายๆ ไปเร็วๆ"
ทั้งนี้ เวลาสำหรับอดีตหญิงรับใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จะเรียกร้องความยุติธรรมกำลังจะหมดไป เพราะตอนนี้มีเพียง 49 คนที่รอดชีวิตเท่านั้น และอายุเฉลี่ยของพวกเธอนั้นก็เกือบๆ 90 ปี ดังนั้น เวลาของพวกเธอจึงเหลือน้อยเต็มที
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435731110
แค้นอมตะ!!! เกาหลีญี่ปุ่น!!! สุดสลด!!! อดีตหญิงบำเรอกาม คับแค้น!!! ชีวิตนรก!!! ถูกทหารญี่ปุ่น 50 นาย ข่มขืนทุกวัน!!!
2 กรกฎาคม 2558
สำนักข่าวต่างประเทศเดลี เมล์ รายงานว่า นางลี อ๊ก ซอน อดีตหญิงบำเรอกองทัพญี่ปุ่นหรือ "Comfort Woman" ชาวเกาหลีใต้ วัย 87 ปีได้ออกมาฟ้องร้องรัฐบาลญี่ปุ่นและเรียกเงินชดเชยจำนวน 16 ล้านยูโร หรือราว 604 ล้านบาท สำหรับความทุกข์ทรมานที่ได้รับจากการถูกบังคับให้เป็นหญิงบำเรอของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายหลังที่ญี่ปุ่นออกมากล่าวว่าผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้ถูกบังคับและขายร่างกายของพวกเธอเองเพื่อเงินนอกจากนี้อดีตหญิงบำเรอคนอื่นๆอีก11คนก็ออกมาร่วมฟ้องเรียกเงินชดเชยเป็นเงิน1.3 ล้านยูโรอีกด้วย
รายงานระบุว่า นางลี อ๊ก ซอน ได้เล่าถึงอดีตของเธอว่า เธอถูกฉุดและถูกบังคับให้เป็นหญิงบำเรอกองทัพเมื่อตอนอายุ 15 ปี โดยถูกคุมตัวให้อยู่ในค่ายทหารที่เมืองเยี่ยนจิง ประเทศจีน ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนเกาหลีเหนือ ซึ่งที่นั่นนางลีได้พบกับเด็กสาวๆมากมายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกทารุณกรรม โดยนางลีต้องรับใช้ทหารญี่ปุ่นถึง 50 นายต่อวันเป็นเวลาถึง 3 ปี เธอกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากและลำบากมากๆ ที่ต้องยืนหยัดมีชีวิตอยู่ ขณะที่หลายต่อหลายคนฆ่าตัวตาย ทั้งกระโดดน้ำตายและไปที่ภูเขาเพื่อแขวนคอ"
นอกจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้วนางลียังเล่าว่าเธอยังโดนทหารญี่ปุ่นตบตีโดยเธอกล่าวว่า"พวกเขาบอกกับฉันว่าฉันเป็นผู้หญิงอวดดีและเขาก็จะฆ่าฉันพวกเขาตบเตะและทุบตีฉันยิ่งเป็นทหารยศสูงเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งอำมหิตมากเท่านั้น"โดยครั้งหนึ่งนางลีเคยพยายามที่จะหนีออกจากค่ายแต่เธอถูกจับได้และผู้คุมค่ายก็ใช้มีดฟันที่แขนของเธอซึ่งได้กลายเป็นแผลเป็นติดตัว
นอกจากนี้การถูกทารุณที่ค่ายนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพของเธอไปทั้งชีวิตโดยเธอสูญเสียประสาทการรับรู้ต่างๆและยังไม่สามารถมีลูกได้อีกด้วย เธอกล่าวว่า "ฉันสูญเสียการมองเห็น การได้ยิน รวมถึงฟันที่หลุดออกไปตอนโดนซ้อม" ปัจจุบัน นางลีอาศัยอยู่ใน "บ้านแห่งการแบ่งปัน" หรือ "House of Sharing" ซึ่งเป็นศูนย์พิเศษสำหรับหญิงบำเรอทหารที่รอดชีวิต
รายงานระบุว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาหลังสงครามสิ้นสุดลง ญี่ปุ่นได้ออกมาตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของผู้หญิงกลุ่มนี้ และในปี 1993 เลขานุการหัวหน้าคณะรัฐมนตรี นายโยเฮอิ โคโน ได้แถลงการณ์ขออภัยสำหรับความทุกข์ทรมานและบาดแผลทางใจที่พวกเธอได้รับ
แต่เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลชินโซะ อาเบะ กล่าวว่าพวกเขาจะพิจารณาการแถลงการณ์ขออภัยใหม่ โดยชี้ว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับตัวหญิงสาวและบังคับให้เป็นหญิงรับใช้ในค่าย อีกทั้งยังอ้างว่าเงินชดเชยนั้นถูกจ่ายให้เกาหลีใต้ไปแล้วในปี 1965 โดยเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี แต่เกาหลีใช้เงินส่วนใหญ่ที่ได้รับไปในโครงการขั้นพื้นฐานต่างๆ มากกว่าให้เป็นเงินชดเชยแก่หญิงบำเรอที่รอดชีวิต
โดยนางยู ฮีนัม วัย 88 ปี อดีตหญิงบำเรออีกคนหนึ่งที่อาศัยในบ้านแห่งการแบ่งปันได้ออกมาวิพากษ์ทัศนคติของญี่ปุ่นที่มีต่ออดีตหญิงบำเรอเธอกล่าวว่า "อาเบะไม่ได้ตระหนักเลยว่าพวกเราถูกบังคับให้มาเป็นทาสกามเขาบอกว่าพวกเราได้เงินและทำอย่างเต็มใจพวกเราโกรธมากจริงๆคำพูดของเรากลายเป็นคำโกหกเพราะพวกเขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยดังนั้นเราจะทำการฟ้องร้อง"
นอกจากนี้นางยูยังได้เล่าประสบการณ์อันเศร้าสลดของเธออีกว่า"มันเป็นเรื่องเจ็บปวดใจมากจริงๆ พวกเขาทุบตีเรา มันน่าอนาถใจมาก ผู้หญิงเกาหลีได้รับการปฏิบัติเหมือนพวกเราไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเราเป็นเพียงสุนัข"
เช่นเดียวกับหญิงคนอื่นๆ ยู ปกปิดอดีตอันน่าอับอายของเธอกับครอบครัว แต่หลังจากที่เธอได้พูดความจริงออกไปแล้ว เธอกล่าวว่า "ลูกๆ ของฉันบอกว่าพวกเขารู้สึกอับอาย ดังนั้น ตอนนี้ฉันอยากจะตายๆ ไปเร็วๆ"
ทั้งนี้ เวลาสำหรับอดีตหญิงรับใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จะเรียกร้องความยุติธรรมกำลังจะหมดไป เพราะตอนนี้มีเพียง 49 คนที่รอดชีวิตเท่านั้น และอายุเฉลี่ยของพวกเธอนั้นก็เกือบๆ 90 ปี ดังนั้น เวลาของพวกเธอจึงเหลือน้อยเต็มที
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435731110