เพื่อนมหาลัย.. มาไวไปไว เรื่องจริงจากประสบการณ์ :)

เนื่องว่าน้องๆหลายคนใกล้จะเปิดเทอมเเล้ว (อีก1เดือนกว่าป้ะล่ะ5555) เลยอยากมาเขียนให้อ่านกันค่ะ
มันอาจจะไม่ได้ดราม่าอะไรขนาดนั้น ถือว่าเปิดตาสู่สังคมมหาลัยมากขึ้น เเล้วก็อ่านเพลินๆเเก้เครียดก็ได้ค่ะ(รึจะเครียดกว่าเดิม555)
เราพยาพยามรวบรัดตัดตอน จะได้ไม่น่ารำคาญกลายเป็นมหากาพย์ เริ่มเลยดีกว่าค่ะ..




เคยไหม สมัยก่อนรักกันเเทบตาย.. ปัจจุบันก็ไม่มองหน้าไม่คุยกันเเล้ว


เรื่องมันเริ่มว่าเราเข้าหาลัยใหม่ๆ พี่ก็จะมีให้กรอกชื่อกรอกเฟส
เราก็เลยรู้จักกะเขาเพราะคุยกันทางเฟสนี่ล่ะ เจอกันตัวเป็นๆตอนเรียนปรับพื้น
ตอนนั้นถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ เรารู้จักกะคนนี้ก่อนเเล้ว เเล้วซักพักก็ตามมาอีก 3 คน
ตอนนั้นก็ไม่มีปัญหานะ เรากะเค้าก็สนิทจนเรียกได้ว่า บัดดี้ เลยล่ะ

เรื่องมันเกิดเพราะปิดเทอมใหญ่ปี 1 เราเป็นเด็ก ตจว.เราก็กลับบ้านนาน
ไม่ได้ขึ้นมากทม. ก็ไม่รู้ในกลุ่มคุยอะไรกัน นินทากันท่าไหนอะไรยังไง
จู่ๆเขาก็ไม่คุยกะเรา เราถามคำตอบคำ เขาไปกะเพื่อนคนอื่นในกลุ่ม

ท้าวความว่าสมัยกอนกลุ่มนี้ก็เคยมีปัญหานะ ตอนมีคนอีก2คนเข้ากลุ่มมาใหม่
นางๆก็พากันเเบน ผญ.คนหนึ่งออกไป (เราก็เเบนเพราะเราเจอเรื่องกะตัวที่นางโกหก)
เเต่เหตุการณ์มันดำเนินไปปกติ นานพอควรกว่าทุกคนจะมาเเบนเรา ยิ้ม

เราอาจจะไม่ดีเองก็ได้นะ เราค่อนข้างเอาเเต่ใจเลยล่ะ ไม่ค่อยเที่ยว เรื่องมากอีก
เลยอาจจะไม่พอใจรึต้องการสานสัมพันธ์ต่อเเต่อย่างใด

ด้วยความม.ปลายเรามีอะไรกะเพื่อนเราจะพูดกันตรงๆตรงนั้นไม่อ้อมค้อม
เราเควทักเเชทไปถามเพื่อนเลยว่ามีอะไร ทำไมไม่พูด มีอะไรไม่บอกไม่รู้นะ
นางๆก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่มีอะไร. เราก็ยังเฉยเรื่อยมา ไม่อยากต่อความยาว..

ตลอดระยะรับน้องที่ต้องเจอหน้ากัน เราอึดอัดมาก (เรากำลังจะเป็นปี2ต้องซ้อมรับน้อง)
มันเหมือนช่องว่างใหญ่ๆ ที่ยิ่งเราขยับเข้าใกล้ก็ยิ่งขยายตัวไปเรื่อยๆ ผลักเราออกไปเรื่อยๆ
จนเรากดดันมาก ถึงขั้นตั้งตัสเฟสไปถาม เเต่ทุกคนก็อีหรอบเดิม เงียบ ไม่คุยไม่พูด

เราพายามจะหาเรื่องเคลีย เเต่ก็ไม่มีใครอยากจะมาพูดด้วย.. เราเครียด ร้องไห้กะเเม่เลย
ปกติเราไม่เคยร้องไห้กะเเม่เลยซักครั้ง นั่นเป็นครั้งเเรกเลย ที่โทรคุยกะเเม่เเล้วร้อง

เราอยากย้ายเอกมากเลยตอนนั้น ไม่อยากอยู่เอกนี้เเล้ว เราไม่มีเพื่อนเราจะอยู่ยังไง
เราถึงขั้นจะย้ายมหาลัยเลย ยอเรียนเอกชนก็ได้ ไปศึกษาข้อมูลมา เเต่ก็ยังไม่ได้ทำเรื่อง
เสียดายที่เรียนมา เสียดายเงินพ่อเเม่ ตอนนั้นเอาครอบครัวเป็นหลักไว้เลย
ว่ามาเรียนนะ เงินพ่อเเม่ เงินพี่ เงินป้า เราต้องทนได้ ต้องผ่านไปได้


จุดพีคเลยที่ทำให้ตัดใจเดินออกมาจากกลุ่มนั้นอย่างเด็ดขาดคือเรามีไปเข้าค่าย
(เอกจะมีจัดเข้าค่ายของเอก) ก่อนไปเราป่วยหนักมาก ชนิดว่าเเบบเเทบเดินไม่ไหว
เราไปรพ.เองไม่ได้เพราะหอเราอยู่ในซอย เราต้องการเพื่อนซักคนพาเราไปรพ.

เราไลน์ไปหาคนที่คิดว่ายังโอกะเรามากที่สุด ว่าเราป่วยมาก พาไปรพ.หน่อยได้ไหม
คำตอบคือ "ไม่ว่าง ตอนนี้ทุกคนออกไปหาร้านทำเสื้อเอก ไม่มีใครอยู่เเถวเเกเลย"
นี่เลยบรรลุ อ่อ โอเค.. สุดท้ายเราเลยให้พี่ที่หอพาไป สรุปเราเเอดมิดไป2วัน ไม่ได้ไปเข้าค่าย

ตอนนั้นคือตอนที่เราตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจบ จบเเบบเด็ดขาด ไม่ต้องต่อความยาวเเล้ว
เราไม่อยากรู้เหตุผล ไม่อยากเเคร์ ไม่อยากจะรั้งอีกต่อไป ขาดคือขาดเลย จบไป.

ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นหน้ายังไม่มองเลยนะ พูดก็ไม่พูด เราเป็นคนเเบบนี้ จบคือจบ
เรามีกลุ่มใหม่ก็จริง เเต่ก็มีทะเลาะจนหายไปอีก ตลกว่าคนที่เราเข้ากลุ่มด้วยคือคนที่เราเคยเเบนออกไป

เรารู้ว่าเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาถามเราเยอะมาก มากจนเราไม่รู้จะตอบยังไง เหมือนจะหวังดี
เเต่ก็ดคลือบความไม่ชอบในตัวเรา เเละปฎิบัติกะเราไม่ดีนัก เราก็อดทน อยู่เฉยๆ เรียนกะกลับหอ เเค่นั้น
เวลาใครถาม เราตอบเลี่ยงๆได้เท่าที่เราอยากจะเลี่ยง ไม่เคยกล่าวถึงฝ่ายนู้นในทางไม่ดี
เราถือว่าจบคือจบ เราบอกทุกคนเสมอว่า "เราอาจจะไม่ดีเอง.."

เพราะสายตาคนมองเข้ามา กลุ่มใหญ่ เเต่กระเด็นมาคนเดียว มันเพราะอะไรเพื่อนถึงไม่คบล่ะ..
เราจะบอกว่าไม่โกรธก็คงไม่ได้ ถามว่าคาใจจนทุกว้นนี้ไหมว่าเออ เพราะอะไรเขาถึงเเบนออกมา
ไม่เเล้ว ทุกวันนี้เรามีเพื่อนดีเเล้ว ในเชคเรามีเพื่อนคนเดียว อยู่กันสองคน สบายใจดี ไม่ต้องสนิทมาก
เเต่ก็ไปด้วยกันได้ดี คุยกันเรื่องเรียน เที่ยวบ้าง กินบ้าง ทำงานกลุ่มด้วยกันก็เเบ่งหน้าที่ เราโอเคเลย
ไม่ต้องผวักผวงใจ เเถมไม่ต้องมาโดนขัดคุ้ยด้วยว่าเพราะอะไรถึงได้ออกมาจากกลุ่มนั้น..

เรามีเพื่อนค่อนข้างสนิทต่างเชค2คน โชคดีที่ได้เจอ เราว่าการถูกผลกออกมาจากกลุ่มเป็นเรื่องดีๆนะ
มันอาจจะเจ็บปวดในตอนเเรก เเต่ถ้าเทียบกะสิ่งที่เรามีตอนนี้ มันดีกว่าตอนนั้นเยอะมาก...
เพื่อนใหม่ชอบในสิ่งเดียวกะที่เราชอบ คุยกันได้ เม้าท์กันได้ ช่วยกันเรียน ช่วยกันทำงาน มันเวิร์คมากจริงๆ

เพราะงั้นไม่อยากให้หลายคนที่เจอปัญหาเเบบเราท้อ สังคมมหาลัยมันไม่ได้สวยหรู
เราร้องเจอสังคมจองปลอมอีกเยอะ หน้ากากที่กะเทาะไม่เเตก เพราะงั้นอย่ายึดติดเรื่องเพื่อนเลย
เราจะไม่มีความสุขซ่ะเปล่าๆ คิดเเค่เรียน กิจกรรม ทำงาน โอเคหมด1วันเราไม่ทุกข์ก็พอเเล้ว..

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่