สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เคยได้ยินแต่ตรัสว่า
พวกเธอไม่พึงชื่นชมไม่พึงคัดค้าน ให้สอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัยก่อน ว่าลงกันได้หรือไม่
ถ้าลงกันได้ นี้เป็นสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคแน่นอน
พระมหาปชาบดีโคตมีทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ก่อนที่หลีกออกไปบำเพ็ญเพียรแต่ผู้เดียว
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย
ก็ถ้าพระพุทธเจ้าต้องตรัสรับรองทุกครั้ง พระนางจะถามใคร ในเมื่ออยู่ผู้เดียว
ตรรกะง่ายๆ แบบนี้ ทำไมสำนักนี้คิดกันไม่ออก
สำนักวัดนานี่แหละ จะทำให้เกิดความเสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม เพราะบัญญัติสิ่งผิดๆ ขึ้นมาใหม่มากมาย
ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย
ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส เพื่อความอยากใหญ่ เพื่อความไม่สันโดษ
เพื่อความคลุกคลีกันเป็นหมู่เป็นคณะ เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน เพื่อความเลี้ยงยาก
นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ถ้าหากว่าคำสอนเหล่าใดเป็นไปเพื่อความคลายกำหนัดย้อมใจ เป็นไปเพื่อคลายความทุกข์ เพื่อไม่สะสมกองกิเลส
เพื่อความไม่คลุกคลีกันเป็นหมู่คณะ เป็นไปเพื่อความขยันหมั่นเพียรเป็นคนเลี้ยงง่าย
นั้นเป็นธรรมเป็นวินัยของพระพุทธเจ้า"
มหาประเทศ ๔
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย
[๕๒๓] ครั้งนั้น พระมหาปชาบดีโคตมี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถวายบังคม ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า ขอประทานพระวโรกาส
พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อ ที่หม่อมฉันฟังธรรม
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว เป็นผู้เดียวจะพึงหลีกออก ไม่ประมาท มีความเพียร
มีตนส่งไปอยู่
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้
เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่ใช่เพื่อคลายความกำหนัด เป็นไปเพื่อความประกอบ
ไม่ใช่เพื่อความพราก เป็นไปเพื่อความสะสม ไม่ใช่เพื่อความไม่สะสม เป็นไป
เพื่อความมักมาก ไม่ใช่เพื่อความมักน้อย เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่ใช่
เพื่อความสันโดษ เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ใช่เพื่อความสงัด เป็นไป
เพื่อความเกียจคร้าน ไม่ใช่เพื่อปรารภความเพียร เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ไม่
ใช่เพื่อความเลี้ยงง่าย ดูกรโคตมี เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า
นั่นไม่ใช่ธรรม นั่นไม่ใช่วินัย นั่นไม่ใช่สัตถุศาสน์
ดูกรโคตมี อนึ่ง เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความ
คลายกำหนัด ไม่ใช่เพื่อมีความกำหนัด เป็นไปเพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความ
ประกอบ เป็นไปเพื่อความไม่สะสม ไม่ใช่เพื่อความสะสม เป็นไปเพื่อความ
มักน้อย ไม่ใช่เพื่อความมักมาก เป็นไปเพื่อความสันโดษ ไม่ใช่เพื่อความไม่
สันโดษ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่ใช่เพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ เป็นไปเพื่อ
ปรารภความเพียร ไม่ใช่เพื่อความเกียจคร้าน เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ไม่ใช่
เพื่อความเลี้ยงยาก ดูกรโคตมี เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า
นั่นเป็นธรรม นั่นเป็นวินัย นั่นเป็นสัตถุศาสน์ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=6272&Z=6348
ตรงไหนในพระไตรปิฎกที่ตรัสว่า ต้องให้ตร้สรับรองก่อนทุกครั้ง จึงจะทรงจำได้ ?
พวกเธอไม่พึงชื่นชมไม่พึงคัดค้าน ให้สอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัยก่อน ว่าลงกันได้หรือไม่
ถ้าลงกันได้ นี้เป็นสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคแน่นอน
พระมหาปชาบดีโคตมีทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ก่อนที่หลีกออกไปบำเพ็ญเพียรแต่ผู้เดียว
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย
ก็ถ้าพระพุทธเจ้าต้องตรัสรับรองทุกครั้ง พระนางจะถามใคร ในเมื่ออยู่ผู้เดียว
ตรรกะง่ายๆ แบบนี้ ทำไมสำนักนี้คิดกันไม่ออก
สำนักวัดนานี่แหละ จะทำให้เกิดความเสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม เพราะบัญญัติสิ่งผิดๆ ขึ้นมาใหม่มากมาย
ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย
ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส เพื่อความอยากใหญ่ เพื่อความไม่สันโดษ
เพื่อความคลุกคลีกันเป็นหมู่เป็นคณะ เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน เพื่อความเลี้ยงยาก
นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ถ้าหากว่าคำสอนเหล่าใดเป็นไปเพื่อความคลายกำหนัดย้อมใจ เป็นไปเพื่อคลายความทุกข์ เพื่อไม่สะสมกองกิเลส
เพื่อความไม่คลุกคลีกันเป็นหมู่คณะ เป็นไปเพื่อความขยันหมั่นเพียรเป็นคนเลี้ยงง่าย
นั้นเป็นธรรมเป็นวินัยของพระพุทธเจ้า"
มหาประเทศ ๔
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลักษณะวินิจฉัยพระธรรมวินัย
[๕๒๓] ครั้งนั้น พระมหาปชาบดีโคตมี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถวายบังคม ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า ขอประทานพระวโรกาส
พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อ ที่หม่อมฉันฟังธรรม
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว เป็นผู้เดียวจะพึงหลีกออก ไม่ประมาท มีความเพียร
มีตนส่งไปอยู่
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้
เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่ใช่เพื่อคลายความกำหนัด เป็นไปเพื่อความประกอบ
ไม่ใช่เพื่อความพราก เป็นไปเพื่อความสะสม ไม่ใช่เพื่อความไม่สะสม เป็นไป
เพื่อความมักมาก ไม่ใช่เพื่อความมักน้อย เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่ใช่
เพื่อความสันโดษ เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ใช่เพื่อความสงัด เป็นไป
เพื่อความเกียจคร้าน ไม่ใช่เพื่อปรารภความเพียร เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ไม่
ใช่เพื่อความเลี้ยงง่าย ดูกรโคตมี เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า
นั่นไม่ใช่ธรรม นั่นไม่ใช่วินัย นั่นไม่ใช่สัตถุศาสน์
ดูกรโคตมี อนึ่ง เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความ
คลายกำหนัด ไม่ใช่เพื่อมีความกำหนัด เป็นไปเพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความ
ประกอบ เป็นไปเพื่อความไม่สะสม ไม่ใช่เพื่อความสะสม เป็นไปเพื่อความ
มักน้อย ไม่ใช่เพื่อความมักมาก เป็นไปเพื่อความสันโดษ ไม่ใช่เพื่อความไม่
สันโดษ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่ใช่เพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ เป็นไปเพื่อ
ปรารภความเพียร ไม่ใช่เพื่อความเกียจคร้าน เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ไม่ใช่
เพื่อความเลี้ยงยาก ดูกรโคตมี เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า
นั่นเป็นธรรม นั่นเป็นวินัย นั่นเป็นสัตถุศาสน์ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=6272&Z=6348
ตรงไหนในพระไตรปิฎกที่ตรัสว่า ต้องให้ตร้สรับรองก่อนทุกครั้ง จึงจะทรงจำได้ ?
แสดงความคิดเห็น
พระอรหันต์เนี้ยะ พูดขึ้นมาแล้ว ไม่มีใครเค้าทรงจำนะ เค้าจะไปถามพระพุทธเจ้าอีกที ถ้าพระพุทธเจ้าทรงรับรอง เค้าถึงจะทรงจำ ?
https://www.youtube.com/watch?v=H9mZ6gaFbKk&feature=youtu.be
มีคนเดียวในโลก ที่พูดแล้วไม่ขัดแย้งกัน คือพระพุทธเจ้า
นอกนั้นใครก็ตามบัญญัติอะไรขึ้นมาปุ้บ มันจะไปขัดกับคำพระพุทธเจ้าหรือขัดแย้งกันเอง
เพราะฉะนั้น
พระอรหันต์เนี้ยะ พูดขึ้นมาแล้วเนี่ยะ ไม่มีใครเค้าทรงจำนะ เค้าจะไปถามพระพุทธเจ้าอีกที
ถ้าพระพุทธเจ้าทรงรับรอง เค้าถึงจะทรงจำกัน
เทวดามาพูดเค้าก็ไม่ฟัง ถ้าพระพุทธเจ้าไม่รับรอง
ต้องให้พระพุทธเจ้ารับรองเท่านั้น พระองค์เดียว
แล้วหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ใครมารับรองล่ะ มีใครรับรองมั้ย.
ชม คลิปเต็มที่ เวลา 1.30.50 – 1.31.26
https://www.youtube.com/watch?v=BOwa-ZaRTAU
กระทู้รู้ทัน พระคึกฤทธิ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้