สวัสดีครับชาวพันทิปที่ผ่านเข้ามาชมทุกท่าน
วันนี้ผมจะมารีวิวการไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งผมพึ่งไปเมื่อไม่นานมานี้นะครับ
ส่วนใหญ่ผมจะลงรูปภาพ และสถานที่คร่าวๆที่ได้ภาพมานะครับ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง Olympus OMD E-M5 ตลอดทริปครับ และภาพที่โพสผ่านLRทุกรูปครับ
ส่วนเลนส์ที่ใช้
# Samyang 7.5mm F3.5 Fisheye ประมาณ 5% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 9-18mm F4-5.6 (เทียบFF 18-36mm) ประมาณ 35% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 12-40mm F2.8 PRO (เทียบFF 24-80mm) ประมาณ 25% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 40-150mm F2.8 PRO (เทียบFF 80-300mm) ประมาณ 27% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 17mm F1.8 (เทียบFF 34mm) ประมาณ 7% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 45mm F1.8 (เทียบFF 90mm) ประมาณ 1% ของทริป
ตัวเลขเปอร์เซนต์ ผมกะๆเอาครับ 55555
นี่เป็นครั้งแรกของผม เพราะฉะนั้น หากผมเขียนไม่น่าอ่าน ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง แท๊กห้องผิดไป ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ยินดีน้อมรับทุกคำวิจารณ์ครับ
แวะเข้าไปชมรูปภาพอื่นๆในเฟสได้นะครับ เปิดPublicไว้
https://www.facebook.com/OuaNeY
เนื่องจากผม และเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่จบรุ่นเดียวกัน ส่วนนึงจะต้องกลับมาเรียนต่ออีกคนละ 4-5 ปี โดยจะเริ่มกลางๆเดือนมิ.ย.
ทำให้ผมอยากที่จะไปเที่ยวต่างประเทศอีกซักครั้ง ก่อนจะไม่ว่างอีกนานนนนน แต่ก็ยังไม่รู้จะไปไหนดี
อยู่ๆวันหนึ่ง มีเพื่อนlineมาถามว่า "เฮ้ย!เที่ยวอินโดป่าว?" "เนี่ยไปช่วงก่อนกลับไปเรียนต่อ" "ตอนนี้มีแล้วสามคน ขาดหนึ่งงงง"
ผมตัดสินใจแทบจะทันที เพราะว่าอยากเที่ยวอยู่แล้ว และอินโดฯเป็นประเทศที่ไม่ไกล ไม่แพง และไปไม่ยาก
ยิ่งเพื่อนอีกสามคนที่มาชวน ชอบถ่ายรูปทุกคน.....แค่คิดก็สนุกละครับทริปนี้
ข้อดีของประเทศอินโดนีเซียที่บอกไปข้างบน
- ไม่ไกล เพราะเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากประเทศไทย 3,500กม.(ไปกลับเชียงใหม่-หาดใหญ่ 1 รอบ)
- ไม่แพง เพราะค่าเงินบาทไทย 1 บาท จะประมาณ 400 รูเปียห์ ค่าครองชีพไม่ค่อยต่างกันครับ ข้าวราดแกงจานนึงประมาณ 50 บาท
- ไปไม่ยาก เพราะมีสายการบินให้บริการมากกว่า 10 สายการบิน มีตั้งแต่ราคาประมาณ 6,000-มากกว่า20,000บาท
พวกผมแลกเงินสดเผื่อไว้ประมาณ 25,000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินและโรงแรมครับ ซึ่งสุดท้ายใช้หมดพอดี
แต่อยากแนะนำเพื่อนๆว่า ถ้าไม่สะดวกแลกเงินที่Superrich ให้กำเงินไทยไปแลกที่อินโดนีเซียเลยครับ
เผลอๆได้เรทถูกกว่าSuperrichนิดหน่อย ถ้าจะแลกกับธนาคารในไทยไม่แนะนำ เพราะว่าเรท สูงถึง 1000IDR = 0.0043บาท
โดยถ้าเป็นSuperrichจะอยู่ที่ 0.0027บาท(แพงกว่าเกือบเท่าตัวครับ)
พวกผมเลือกสายการบิน AirAsia บินจากดอนเมืองไปจาร์กาต้าแล้วต่อเครื่องไปลงเมืองยอร์คยาการ์ต้า(ยอคยา) ส่วนขากลับเราขึ้นจากบาหลีมาลงดอนเมืองครับ ค่าตั๋วเฉลี่ยตกอยู่ที่คนละ 12,707.45 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนเลยนะครับ ประมาณ 45,000 บาทครับ ราคานี้ กินอย่างอร่อย อยู่อย่างสบาย เที่ยวอย่างเต็มที่จุใจครับ
Day1
ถึงละครับสนามบินเมืองยอร์คยาการ์ต้า (Adisucipto International Airport)
ทริป ชาย ฉะ กัน
สายการบิน Wings air บินภายในประเทศครับ
เราออกจากสนามบินมาเจอคนขับรถที่ติดต่อกันไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทย
ใช้รถโดยสารเป็นยี่ห้อ TOYOTA AVANZA เหมือนจะจุเยอะ แต่ก็นั่งเบียดอยู่เหมือนกันครับ
ค่าใช้จ่ายของคนขับรถ(รวมค่ารถและน้ำมัน)อยู่ที่ประมาณ 800,000 IDR หรือ 2,000 บาท
และไปตามเช็คลิสแรกทันที Jomblang cave
การจะลงไปที่ถ้ำได้ ต้องไปที่หน้าผาแล้วโรยตัวลงไป ความสูงประมาณ 60 เมตร แล้วเดินต่อเข้าไปในถ้ำอีก 300 เมตร ก็จะพบแสงลอด ลักษณะคล้ายแสงจากสวรรค์(Light from heaven อ้างอิงจาก
https://www.yogyes.com/en/yogyakarta-tourism-object/nature-and-outdoor/gua-jomblang/)
ชักภาพกับหนุ่มรัสเซียก่อนโรยตัวครับ เห็นเชือกกับโครงเหล็กด้านซ้ายมั้ยครับ เราโรยตัวลงเหวจากตรงนั้น เสียวมากกกก
หลังจากโรยตัวลงมาแล้วก็ไต่ผาเล็กๆลงไปอีกเพื่อเดินเข้าถ้ำ
ถึงละครับบบบ
Light from heaven ไฮไลท์ของงาน
ต่อมาเราก็กลับที่พักครับ เราพักกันที่ Manohara hotel ซึ่งเป็นรร.ดังที่อยู่ติดกับบุโรพุทโธ(Borobudur)
ค่าที่พักตกคืนละ 1,264.77 บาทต่อคน(จองผ่านเว็บไซต์Agoda)
Day2
ตื่นเช้าประมาณตีสี่ครึ่งครับ เพื่อไปรอถ่ายแสงเช้าที่บุโรพุทโธ เสียค่าเข้าคนละประมาณ 600 บาท
หรือ 230,000 IDRราคาhotel guestที่จะเข้าก่อนตี5ครับ ถ้าหลังตี5แขกรร.เข้าฟรี
ซึ่งฟ้าวันนั้นช่างไม่เป็นใจ หมอกหนา เมฆขาวโพลน เสียตัง 600 บาทไปฟรีๆครับ T T
ร้องเฮ้ยหนักมาก
เสร็จจากบุโรพุทโธเราก็กินข้าวเช้า เก็บของ และมีแวะเที่ยวภูเขาไฟแถวๆนั้นนิดหน่อยครับ
แล้วก็รีบขึ้นเครื่องบินของWings air(ราคา 1,706.25บาทต่อคนครับ)เพื่อมุ่งหน้าไปยังสุราบายา(Juanda International Airport)
เราจะไปโบรโม่!!!!
ถึงสุราบายาสี่โมงกว่าๆครับ เจอกับคนขับรถอีกคนนึงซึ่งจะอย่กับเราอีก9วัน8คืนที่เหลือ
นายคนนี้เป็นคนขับรถ+ไกด์มาสองสามปีแล้วครับ กว่า90%ของลูกค้าเค้า เป็นคนไทย และส่วนใหญ่จะบอกต่อๆกัน
อัธยาศัยดี ข้อมูลแน่น ภาษาอังกฤษฟังเข้าใจง่าย คอนเนคชั่นเยอะ บริการดีสุดๆ 55555
ใช้รถ TOYOTA INNOVA ครับ ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ค่าใช้จ่ายตลอด 9 วัน 8 คืน อยู่ที่ 12,000,000 IDR อ่านไม่ผิดครับ
แปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 30,000 บาท พวกผมถือว่าคุ้มมากเลย
ปล.ราคานี้รวมค่าเรือเฟอร์รี่ไปบาหลีด้วยนะครับ
เราไปพักกันที่ Cemara indah hotel จองผ่านAgodaครับ ราคา 804.21 บาทต่อคนต่อคืน
Day3
กลางดึกเราตื่นและให้คนขับเราติดต่อรถJeepมารับเพื่อไปยังจุดชมวิว1ครับ(Viewpoint1)
เพื่อรอแสงแรกของวัน รถจี๊ปจะขึ้นไปส่งอยู่ ณ จุดนึง จากนั้นเดินขึ้นครับ ทางค่อนข้างชันประมาณ 200 เมตร แต่จะมีบริการขี่ม้า
ซึ่งเอาจริงๆถ้าขึ้นก็ดีครับ เดินเหนื่อยอยู่ ค่าใช้จ่ายประมาณ 150 บาท
มาละครับแสงแรกกับโบรโม่
พยายามถ่ายพาโนมาต่อกัน ถ้ามีหมอกปูตรงพื้นนี่สวยเลย(ที่พักผมอยู่ตรงสันเขาด้านซ้ายน่ะครับ)
อันนี้ถ่ายเจาะไปเรื่อยครับ
เห็นตรงตีนภูเขาไฟโบรโม่(ที่มีควัน)ป่ะครับ จะมีจุดเล็กๆๆๆ นั่นเป็นจุดที่คนจะเดินขึ้นไปยังปล่องภูเขาไฟโบรโม่ครับ
ซูมให้ดูหน่อย
พวกเราก็ลงจากจุดชมวิวไปที่ตีนภูเขาไฟ แล้วขี่ม้า+เดินขึ้นไปปากปล่องครับ ค่าม้าประมาณ 100,000 IDR(250บาท)
อันนี้ปากปล่องโบรโม่ครับ เสียวตกอยู่เหมือนกัน
อย่างนี้เรียก Minimalist ป่ะครับ ไม่ชัวร์ๆ
บันไดมีให้ลงไม่ลงครับ พี่แกไถลงเลย ดินร่วนๆลื่นเป็นธรรมดา
มีเล่นmotorcrossด้วยครับ สำหรับคนที่ชอบผาดโผน
รถจี๊ปกลางทะเลทรายครับ
Hello Thailand from Indonesia!!!!
คนที่ถือธงชาติไทยเป็นคนขับรถของเราครับ มีเฟสชื่อ Bramanti Dana ใครสนใจติดต่อเรื่องแพลนเที่ยวแอดไปได้เลยครับ
จากนั้นเราไปน้ำตกMadakaripuraครับ ควรพกเสื้อกันฝนไปด้วยถ้าจะไปถ่ายรูป และไม่เล่นน้ำ
เพราะละอองน้ำเยอะมาก เดินเขาไปไม่อยาก ไม่ค่อยต้องปีนอะไรมากครับ
แต่คนเยอะพอสมควร กว่าจะได้ภาพ ต้องรอนานเลยทีเดียว
Day4
ทริปนี้ผมมีความตั้งใจว่าจะถ่ายทางช้างเผือกสวยๆให้ได้ เพราะเคยพยายามมาหลายครั้งแล้วล้มเหลวตลอด
พวกเราขึ้นไปรอกันที่จุดชมวิว2(Viewpoint2)กันตั้งแต่สองทุ่ม เอาอาหาร เสื้อกันหนาว ไฟฉาย ขึ้นไปที่นั่น
เรียกว่านอนค้างกันบนนั้นเลยครับ และอากาศก็ไม่ใช่ธรรมดา โหดมากกกกกกกกกกกกกก ผมว่าต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส
บวกกับลมพัดแรงๆ ผมสั่นเป็นเจ้าเข้า แนะนำสำหรับคนจะไปนะครับ เสื้อจะกี่ชั้นก็แล้วแต่ แต่กางเกงต้องสองชั้นขึ้นไป
ไม่ใช่กางเกงในกะกางเกงยีนส์นะครับ 555555 ขายาวสองตัวใส่ไปเลย ไม่งั้นขาแข็งตายแน่
ในที่สุดครับ น้ำตาจะไหล ช้างตัวโตๆก็โผล่มา ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่ช่วยแนะนำ และลากขึ้นไปถ่าย
Lens 17mm F1.8 ถ่ายที่ระยะ 17mm F1.8 ISO2500 WB4600K Speed10sec
ช้างตาปลาครับ
Lens Samyang 7.5mm F3.5 Fisheye 7.5mm F3.5 ISO2500 WB4600K Speed30sec
คืนแรกได้สองใบครับ
รุ่งเช้าเราก็ถ่ายโบรโม่กันเหมือนเดิม นักท่องเที่ยวเยอะมาก เก็บภาพลำบากหน่อยครับ
เจาะสันเขาทางซ้ายครับ ที่เห็นไม่ใช่หมอก แต่เป็นก๊าซกัมมะถัน(ก๊าซไข่เน่า)
Day5
ถ่ายช้างคืนที่สองครับ ลงไปถ่ายที่ตีนเขาBatok เอารถจี๊ปไปเป็นsubject ภาพนี้ถ่ายพาโนแนวนอนซ้อนสามใบครับต่อในLR6
Lens M.Zuiko 12-40mm F2.8 PRO ถ่ายที่ระยะ 12mm F2.8 ISO1600 WB4600K Speed25sec
ถ่ายเสร็จเราขึ้นไปที่ Love hill point ครับ แต่ภาพโบรโม่ไม่สวยเท่าที่viewpoint1,2
อันนี้ถ่ายเจาะธรรมดาครับ
เราอยู่ที่Cemara indah hotelกัน 3 คืน ได้เวลาย้ายถิ่นฐานครับ
หมดหน้าพอดี เดี๋ยวไว้ไปต่อคาวาอีเจี้ยนกับบาหลีในคอมเม้นด้านล่างนะครับ
ตะลุยแดนอิเหนา + อิ น โ ด นี เ ซี ย 11 วั น 9 คื น + โดยOlympus OMD E-M5
วันนี้ผมจะมารีวิวการไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งผมพึ่งไปเมื่อไม่นานมานี้นะครับ
ส่วนใหญ่ผมจะลงรูปภาพ และสถานที่คร่าวๆที่ได้ภาพมานะครับ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง Olympus OMD E-M5 ตลอดทริปครับ และภาพที่โพสผ่านLRทุกรูปครับ
ส่วนเลนส์ที่ใช้
# Samyang 7.5mm F3.5 Fisheye ประมาณ 5% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 9-18mm F4-5.6 (เทียบFF 18-36mm) ประมาณ 35% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 12-40mm F2.8 PRO (เทียบFF 24-80mm) ประมาณ 25% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 40-150mm F2.8 PRO (เทียบFF 80-300mm) ประมาณ 27% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 17mm F1.8 (เทียบFF 34mm) ประมาณ 7% ของทริป
# Olympus M.Zuiko 45mm F1.8 (เทียบFF 90mm) ประมาณ 1% ของทริป
ตัวเลขเปอร์เซนต์ ผมกะๆเอาครับ 55555
นี่เป็นครั้งแรกของผม เพราะฉะนั้น หากผมเขียนไม่น่าอ่าน ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง แท๊กห้องผิดไป ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ยินดีน้อมรับทุกคำวิจารณ์ครับ
แวะเข้าไปชมรูปภาพอื่นๆในเฟสได้นะครับ เปิดPublicไว้
https://www.facebook.com/OuaNeY
เนื่องจากผม และเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่จบรุ่นเดียวกัน ส่วนนึงจะต้องกลับมาเรียนต่ออีกคนละ 4-5 ปี โดยจะเริ่มกลางๆเดือนมิ.ย.
ทำให้ผมอยากที่จะไปเที่ยวต่างประเทศอีกซักครั้ง ก่อนจะไม่ว่างอีกนานนนนน แต่ก็ยังไม่รู้จะไปไหนดี
อยู่ๆวันหนึ่ง มีเพื่อนlineมาถามว่า "เฮ้ย!เที่ยวอินโดป่าว?" "เนี่ยไปช่วงก่อนกลับไปเรียนต่อ" "ตอนนี้มีแล้วสามคน ขาดหนึ่งงงง"
ผมตัดสินใจแทบจะทันที เพราะว่าอยากเที่ยวอยู่แล้ว และอินโดฯเป็นประเทศที่ไม่ไกล ไม่แพง และไปไม่ยาก
ยิ่งเพื่อนอีกสามคนที่มาชวน ชอบถ่ายรูปทุกคน.....แค่คิดก็สนุกละครับทริปนี้
ข้อดีของประเทศอินโดนีเซียที่บอกไปข้างบน
- ไม่ไกล เพราะเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากประเทศไทย 3,500กม.(ไปกลับเชียงใหม่-หาดใหญ่ 1 รอบ)
- ไม่แพง เพราะค่าเงินบาทไทย 1 บาท จะประมาณ 400 รูเปียห์ ค่าครองชีพไม่ค่อยต่างกันครับ ข้าวราดแกงจานนึงประมาณ 50 บาท
- ไปไม่ยาก เพราะมีสายการบินให้บริการมากกว่า 10 สายการบิน มีตั้งแต่ราคาประมาณ 6,000-มากกว่า20,000บาท
พวกผมแลกเงินสดเผื่อไว้ประมาณ 25,000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินและโรงแรมครับ ซึ่งสุดท้ายใช้หมดพอดี
แต่อยากแนะนำเพื่อนๆว่า ถ้าไม่สะดวกแลกเงินที่Superrich ให้กำเงินไทยไปแลกที่อินโดนีเซียเลยครับ
เผลอๆได้เรทถูกกว่าSuperrichนิดหน่อย ถ้าจะแลกกับธนาคารในไทยไม่แนะนำ เพราะว่าเรท สูงถึง 1000IDR = 0.0043บาท
โดยถ้าเป็นSuperrichจะอยู่ที่ 0.0027บาท(แพงกว่าเกือบเท่าตัวครับ)
พวกผมเลือกสายการบิน AirAsia บินจากดอนเมืองไปจาร์กาต้าแล้วต่อเครื่องไปลงเมืองยอร์คยาการ์ต้า(ยอคยา) ส่วนขากลับเราขึ้นจากบาหลีมาลงดอนเมืองครับ ค่าตั๋วเฉลี่ยตกอยู่ที่คนละ 12,707.45 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนเลยนะครับ ประมาณ 45,000 บาทครับ ราคานี้ กินอย่างอร่อย อยู่อย่างสบาย เที่ยวอย่างเต็มที่จุใจครับ
Day1
ถึงละครับสนามบินเมืองยอร์คยาการ์ต้า (Adisucipto International Airport)
ทริป ชาย ฉะ กัน
สายการบิน Wings air บินภายในประเทศครับ
เราออกจากสนามบินมาเจอคนขับรถที่ติดต่อกันไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทย
ใช้รถโดยสารเป็นยี่ห้อ TOYOTA AVANZA เหมือนจะจุเยอะ แต่ก็นั่งเบียดอยู่เหมือนกันครับ
ค่าใช้จ่ายของคนขับรถ(รวมค่ารถและน้ำมัน)อยู่ที่ประมาณ 800,000 IDR หรือ 2,000 บาท
และไปตามเช็คลิสแรกทันที Jomblang cave
การจะลงไปที่ถ้ำได้ ต้องไปที่หน้าผาแล้วโรยตัวลงไป ความสูงประมาณ 60 เมตร แล้วเดินต่อเข้าไปในถ้ำอีก 300 เมตร ก็จะพบแสงลอด ลักษณะคล้ายแสงจากสวรรค์(Light from heaven อ้างอิงจาก https://www.yogyes.com/en/yogyakarta-tourism-object/nature-and-outdoor/gua-jomblang/)
ชักภาพกับหนุ่มรัสเซียก่อนโรยตัวครับ เห็นเชือกกับโครงเหล็กด้านซ้ายมั้ยครับ เราโรยตัวลงเหวจากตรงนั้น เสียวมากกกก
หลังจากโรยตัวลงมาแล้วก็ไต่ผาเล็กๆลงไปอีกเพื่อเดินเข้าถ้ำ
ถึงละครับบบบ
Light from heaven ไฮไลท์ของงาน
ต่อมาเราก็กลับที่พักครับ เราพักกันที่ Manohara hotel ซึ่งเป็นรร.ดังที่อยู่ติดกับบุโรพุทโธ(Borobudur)
ค่าที่พักตกคืนละ 1,264.77 บาทต่อคน(จองผ่านเว็บไซต์Agoda)
Day2
ตื่นเช้าประมาณตีสี่ครึ่งครับ เพื่อไปรอถ่ายแสงเช้าที่บุโรพุทโธ เสียค่าเข้าคนละประมาณ 600 บาท
หรือ 230,000 IDRราคาhotel guestที่จะเข้าก่อนตี5ครับ ถ้าหลังตี5แขกรร.เข้าฟรี
ซึ่งฟ้าวันนั้นช่างไม่เป็นใจ หมอกหนา เมฆขาวโพลน เสียตัง 600 บาทไปฟรีๆครับ T T
ร้องเฮ้ยหนักมาก
เสร็จจากบุโรพุทโธเราก็กินข้าวเช้า เก็บของ และมีแวะเที่ยวภูเขาไฟแถวๆนั้นนิดหน่อยครับ
แล้วก็รีบขึ้นเครื่องบินของWings air(ราคา 1,706.25บาทต่อคนครับ)เพื่อมุ่งหน้าไปยังสุราบายา(Juanda International Airport)
เราจะไปโบรโม่!!!!
ถึงสุราบายาสี่โมงกว่าๆครับ เจอกับคนขับรถอีกคนนึงซึ่งจะอย่กับเราอีก9วัน8คืนที่เหลือ
นายคนนี้เป็นคนขับรถ+ไกด์มาสองสามปีแล้วครับ กว่า90%ของลูกค้าเค้า เป็นคนไทย และส่วนใหญ่จะบอกต่อๆกัน
อัธยาศัยดี ข้อมูลแน่น ภาษาอังกฤษฟังเข้าใจง่าย คอนเนคชั่นเยอะ บริการดีสุดๆ 55555
ใช้รถ TOYOTA INNOVA ครับ ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ค่าใช้จ่ายตลอด 9 วัน 8 คืน อยู่ที่ 12,000,000 IDR อ่านไม่ผิดครับ
แปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 30,000 บาท พวกผมถือว่าคุ้มมากเลย
ปล.ราคานี้รวมค่าเรือเฟอร์รี่ไปบาหลีด้วยนะครับ
เราไปพักกันที่ Cemara indah hotel จองผ่านAgodaครับ ราคา 804.21 บาทต่อคนต่อคืน
Day3
กลางดึกเราตื่นและให้คนขับเราติดต่อรถJeepมารับเพื่อไปยังจุดชมวิว1ครับ(Viewpoint1)
เพื่อรอแสงแรกของวัน รถจี๊ปจะขึ้นไปส่งอยู่ ณ จุดนึง จากนั้นเดินขึ้นครับ ทางค่อนข้างชันประมาณ 200 เมตร แต่จะมีบริการขี่ม้า
ซึ่งเอาจริงๆถ้าขึ้นก็ดีครับ เดินเหนื่อยอยู่ ค่าใช้จ่ายประมาณ 150 บาท
มาละครับแสงแรกกับโบรโม่
พยายามถ่ายพาโนมาต่อกัน ถ้ามีหมอกปูตรงพื้นนี่สวยเลย(ที่พักผมอยู่ตรงสันเขาด้านซ้ายน่ะครับ)
อันนี้ถ่ายเจาะไปเรื่อยครับ
เห็นตรงตีนภูเขาไฟโบรโม่(ที่มีควัน)ป่ะครับ จะมีจุดเล็กๆๆๆ นั่นเป็นจุดที่คนจะเดินขึ้นไปยังปล่องภูเขาไฟโบรโม่ครับ
ซูมให้ดูหน่อย
พวกเราก็ลงจากจุดชมวิวไปที่ตีนภูเขาไฟ แล้วขี่ม้า+เดินขึ้นไปปากปล่องครับ ค่าม้าประมาณ 100,000 IDR(250บาท)
อันนี้ปากปล่องโบรโม่ครับ เสียวตกอยู่เหมือนกัน
อย่างนี้เรียก Minimalist ป่ะครับ ไม่ชัวร์ๆ
บันไดมีให้ลงไม่ลงครับ พี่แกไถลงเลย ดินร่วนๆลื่นเป็นธรรมดา
มีเล่นmotorcrossด้วยครับ สำหรับคนที่ชอบผาดโผน
รถจี๊ปกลางทะเลทรายครับ
Hello Thailand from Indonesia!!!!
คนที่ถือธงชาติไทยเป็นคนขับรถของเราครับ มีเฟสชื่อ Bramanti Dana ใครสนใจติดต่อเรื่องแพลนเที่ยวแอดไปได้เลยครับ
จากนั้นเราไปน้ำตกMadakaripuraครับ ควรพกเสื้อกันฝนไปด้วยถ้าจะไปถ่ายรูป และไม่เล่นน้ำ
เพราะละอองน้ำเยอะมาก เดินเขาไปไม่อยาก ไม่ค่อยต้องปีนอะไรมากครับ
แต่คนเยอะพอสมควร กว่าจะได้ภาพ ต้องรอนานเลยทีเดียว
Day4
ทริปนี้ผมมีความตั้งใจว่าจะถ่ายทางช้างเผือกสวยๆให้ได้ เพราะเคยพยายามมาหลายครั้งแล้วล้มเหลวตลอด
พวกเราขึ้นไปรอกันที่จุดชมวิว2(Viewpoint2)กันตั้งแต่สองทุ่ม เอาอาหาร เสื้อกันหนาว ไฟฉาย ขึ้นไปที่นั่น
เรียกว่านอนค้างกันบนนั้นเลยครับ และอากาศก็ไม่ใช่ธรรมดา โหดมากกกกกกกกกกกกกก ผมว่าต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส
บวกกับลมพัดแรงๆ ผมสั่นเป็นเจ้าเข้า แนะนำสำหรับคนจะไปนะครับ เสื้อจะกี่ชั้นก็แล้วแต่ แต่กางเกงต้องสองชั้นขึ้นไป
ไม่ใช่กางเกงในกะกางเกงยีนส์นะครับ 555555 ขายาวสองตัวใส่ไปเลย ไม่งั้นขาแข็งตายแน่
ในที่สุดครับ น้ำตาจะไหล ช้างตัวโตๆก็โผล่มา ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่ช่วยแนะนำ และลากขึ้นไปถ่าย
Lens 17mm F1.8 ถ่ายที่ระยะ 17mm F1.8 ISO2500 WB4600K Speed10sec
ช้างตาปลาครับ
Lens Samyang 7.5mm F3.5 Fisheye 7.5mm F3.5 ISO2500 WB4600K Speed30sec
คืนแรกได้สองใบครับ
รุ่งเช้าเราก็ถ่ายโบรโม่กันเหมือนเดิม นักท่องเที่ยวเยอะมาก เก็บภาพลำบากหน่อยครับ
เจาะสันเขาทางซ้ายครับ ที่เห็นไม่ใช่หมอก แต่เป็นก๊าซกัมมะถัน(ก๊าซไข่เน่า)
Day5
ถ่ายช้างคืนที่สองครับ ลงไปถ่ายที่ตีนเขาBatok เอารถจี๊ปไปเป็นsubject ภาพนี้ถ่ายพาโนแนวนอนซ้อนสามใบครับต่อในLR6
Lens M.Zuiko 12-40mm F2.8 PRO ถ่ายที่ระยะ 12mm F2.8 ISO1600 WB4600K Speed25sec
ถ่ายเสร็จเราขึ้นไปที่ Love hill point ครับ แต่ภาพโบรโม่ไม่สวยเท่าที่viewpoint1,2
อันนี้ถ่ายเจาะธรรมดาครับ
เราอยู่ที่Cemara indah hotelกัน 3 คืน ได้เวลาย้ายถิ่นฐานครับ
หมดหน้าพอดี เดี๋ยวไว้ไปต่อคาวาอีเจี้ยนกับบาหลีในคอมเม้นด้านล่างนะครับ