โลกร้อนกับความเห็นของคนไทย ,,,,,
บทความที่ลงใน ppantip.com ที่ผ่านมาเจ้าของบล๊อคได้รวบรวมความเห็น และความเห็นที่ให้ต่อไปนี้เป็นความเห็นของคนไทยที่เจ้าของบล๊อคอยากลองให้ผู้อ่านลองพิจารณาถึงความคิดเห็นของคนไทยเรื่องของภาวะโลกร้อน เพราะเราฟังความเห็นของต่างประเทศมานักต่อนัก เพียงแค่หวังว่า บทความที่ลงไปอาจช่วยให้เราคนไทยรับมือทันกับภาวะโลกร้อนนี้ได้
ความเห็นของ
http://ppantip.com/profile/96686
CO2 ถึงแม้ต้นไม้ จะดูดซับไปมาก แต่ไม่เป็นเหตุให้ O มีมากเกินไป ด้วยปัจจัย ของสมดุลสิ่งแวดล้อม ยิ่งมี CO2 มาก ขบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ก็มีมาก แต่ก็ต้องแสงด้วย ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ได้ดี คาย O2 ออกมา พอ CO2 น้อยลง ต้นไม้ ก็จะเจริญเติบโตช้า
ถ้าต้นไม้เยอะ หมายถึง อาหารเยอะ สัตว์ก็เพิ่มจำนวนเยอะ จนอาหารน้อยลง สัตว์ก็ลดลง วนเวียนอยู่อย่างนี้ แบบนี้เรียกว่าการรักษาสมดุล โดยธรรมยเหตุ ต้นไม้ไม่ได้เก็บ CO2 ไป แต่เอาไปแค่ C พอต้นไม้ตายลง ก็ไม่ได้เก็บ C ลงดินไว้เฉยๆ มันจะปล่อยคืนมาในรูปแบบอื่น เช่น มีเทน (CH4) หรือ อาจจะเกิดการติดไฟของต้นไม้ ใบไม้ ที่ตายลง ก็จะเกิด CO2 อีกรอบ
แต่ปัจจุบัน นั้นตรงข้าม คนและสัตว์เลี้ยง เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ ต้นไม้ลดลงเรื่อย อีกทั้งกิจกรรมของมนุษย์ ก็ปล่อย CO2 ทำให้โลกไม่สามารถรักษาสมดุลธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้น กลไกลธรรมชาติ เพื่อลดจำนวนก็จะเกิดตามมา เช่นโลกระบาด การขาดแคลน อาหารเป็นต้น
ส่วนเรื่อง อ๊อกซิเจนมากเกิน ไปนั้นจะทำให้ สารอินทรีย์ทุกชนิด ติดไฟได้ง่ายขึ้น จะเกิดไฟเผาโลกกันเลยทีเดียว ที่ว่าทำให้โลกเย็นจนเข้าสูสภาวะน้ำแข็งนั้นคงไม่ใช่ แต่ถ้าไฟไหม้แล้วหมอกควันปกคลุมทั่วโลก ทำให้แสงอาทิตย์ผ่านไม่ได้ จนเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอันนี้อาจเป็นไปได้ \* CO2 มีน้อยก็มีผลทำให้โลก เข้าสู่ภาวะน้ำแข็งได้ เพราะ CO2 ช่วยให้โลกอบอุ่น
ปรากฏการณ์โลกร้อน ยังจะนำพาเราไปสู่ยุคน้ำแข็งได้ด้วย
สารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ใหญ่ๆ คือ - ไอน้ำ H2O เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีมากที่สุด - ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 - ก๊าซมีเทน CH2 เกิดจากการย่อยสลายพืชและสัตว์ ทำนาข้าว ปศุสัตว์ เผาเชื้อเพลิง - ก๊าซไนตรัสออกไซด์ N2O ที่ใช้ในรถแข่งซิ่งนั้นไง ในธรรมชาติเกิดจากการย่อยสลายซากสิ่งมีชิวิตโดยแบคทีเรีย เกิดจากอุตสาหกรรมที่ใช้กรดไนตริก - สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) ในเครื่องปรับอากาศนั้นแหล่ะ ถึงแม้จะลดการใช้ลงครึ่งหนึ่งจากเมื่อ 10ปีก่อน แต่ยังมีสะสมในบรรยากาศ - โอโซน O3 มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับว่ามันอยู่สูงแค่ไหน
ความเห็นจาก
http://ppantip.com/profile/826610
ตราบใดที่ยังไม่มีเทคโนโลยี่อื่นที่ cost effective กว่า ก็ต้องใช้กันไปก่อน ... ก็ช่วยๆ กันประหยัดพลังงานละกัน (เคยเห็นตัวเลขว่า ไฟฟ้าเกินครึ่งที่ใช้ใน กทม. ใช้เพื่อเครื่องปรับอากาศ ... รณรงค์ดับไฟคนละดวงสองดวงคงไม่ช่วยเท่าไร)
ความเห็นจาก
http://ppantip.com/profile/431400
เราอยู่บนโลกใบเดียวกัน คาร์บอน ไม่ว่าจะเผาที่ไหน มันก้อขึ้นสู่บรรยากาศโลกโดยรวม
ปัจจุบัน อัตราการเผาต่อหัวของประชากร สูงสุด คือ USA. ประเทศไทยจะลดให้ตาย ก้อสู้ ขรี้ๆ ของ เมกาไม่ได้
พวกฝรั่งมาปั่นหัว NGO เมืองไทยเอาเศษเงินมาให้ทุนวิจัยนักวิชาการไทย...เพื่อหลอกให้รณรงค์ลดคาร์บอน...อุปมา เหมือน น้ำขาดแคลน แต่พวกคนรวยยังล้างรถ และอาบน้ำกันสามอ่างจากุชี่... แล้วเที่ยวเอาข้อมูลมาบอกให้คนจนอาบน้ำลดลงจากสิบขันเป็นแปดขัน แต่ตัวเองยังล้างสระว่ายน้ำทุกวัน และใช้ต่ออย่างสบายใจเชิบ ส่วนพวกคนจนหลอกให้มันใช้น้อยๆต่อไป ถึงมันจะเหม็นเน่าไม่สบายตัวก้อเรื่องของมัน
ความเห็นจาก
http://ppantip.com/profile/216060
ลดภาษี แผงโซล่า สนับสนุน รถยนต์ ไฟ้ฟ้าเปิดเสรี นำเข้า รถยนต์ ไฟฟ้า
ส่วน ใครจะ ใช้ไม่ใช้ ไม่มีใครไปบัง คับ จะดีกว่าหรือไม่
เป็นทางเลือกให้ ปชช อย่า ผูกขาด แบบ ปตท หรือ การไฟฟ้า
ความเห็นจาก
http://ppantip.com/profile/216060
ขอคิดแตกต่างที่ว่า เพราะต้นทางของพลังไฟฟ้ายังอยู่ที่เชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ดี
โปรดคิดให้รอบคอบ พวกพลังงาน ฟอสซิล (พลังงานสกปรก) ชอบอ้างแบบนี้ตลอด การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็คงไม่เพียงพอต่อความต้องการ (ถูกเพียงครึ่งเดียว)
ขอถามว่า
ถ้าทุกบ้าน ติดแผง solar cell ทั่วประเทศ ( อัตรา ภาษี 0) อุปกรณ์ทุกอย่าง ทำไมจะประเมิน ไม่ได้ พลังงานจากแสงแดดไม่แน่นอน เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวเมฆมาบัดบังแดด ไม่เสถียร เป็นต้น ทำให้การผลิตจากโรงไฟฟ้าหลักต้องได้รับผลกระทบ ยุ่งยากในการจัดการ นี้คือข้ออ้าง
“ทุกบ้าน ผลิตไฟฟ้า ขายได้ ไม่จำกัด ตอนนี้ 10 kWh”
ทั่วทุกคร้วเรือน ติดกันทั่วประเทศ โดยรัฐสนับสนุน เงินทุน ราคา จะลดลง เกิน 50%
เป็นความจริงครับว่า อาจจะมีปัญหาฝนตก เมฆบัง ในบาง พื้นที่ แต่เมื่อนำมารวมกันทั้งประเทศ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จะสามารถทำตามที่คาดหมายได้
ฝนมันไม่ได้ ตก พร้อมกัน ทั่วประเทศนะครับ
ทุกครัวเรือน ติดกันหมด ทำไมจะไม่เพียงพอ และ ต้นทุน ก็จะถูก ถ้ารัฐสนับสนุน เป็นการสร้าง งาน ให้กับ ประชาชน โรงงาน เกิดการวิจัย อย่างมากมาย
ผลงานแบบนี้ ไม่สามารถ เกิดได้ ใน รัฐบาล ประชาธิปไตย(มีแต่ หา project เอาเงินใส่กระเป๋าตัวเองเป็นหลัก ทิ้งเศษเงินให้ ปชช) ที่ผ่านมา เราๆ ท่านๆ ก็เห็นกันอยู่
ความเห็นจาก
http://ppantip.com/profile/96686
พลังงานแสงอาทิตย์ - เป็นพลังงานที่ฟรี ??? จริงแล้วมันไม่ได้ฟรี ค่าแผงโซล่าเซลล์ ค่าแบตเตอรี่ ที่ต้องเปลี่ยนทุก 2 ปี ค่าซ่อมบำรุง ฟรีตรงไหน
- เป็นพลังงานสะอาด ??? ก็แค่เกือบๆนะ แผงโซล่าเซลล์ผลิตจากซิลิคอล ซึ่งใช้พลังงานจำนวนมากในการผลิต การสกัดแบบเก่าใช้เตาไฟฟ้า อุหณภูมิสูง 1500-2000 องศาเซลเซียส การสกัดแบบใหม่ แยกด้วยไฟฟ้า ร่วมกับปฏิกริยาเคมี ซึ่งมีการปลดปล่อย CO และ CO2
แบตเตอรี่ นี่ไม่ต้องพูดมากก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ามันเป็นพิษ แต่สิ่งแวดล้อม
- ความคุ้มค่า ??? ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ในการลงทุน มองในแง่เศรฐศาสตร์ ล้วนๆ เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่เกี่ยว มันยังไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จขกท บอกว่า ก็แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในการใช้พลังงาน ลง ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์แต่ประการใด แค่ปรับพฤติกรรม ก็ประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว แถมไม่มีต้นทุนด้านอุปกรณ์ผลิตพลังงานอีก
- ความมั่นคงทางพลังงาน ??? ในระบบการผลิตไฟฟ้า พลังงานลม และ พลังงานแสดงอาทิตย์ มีความน่าเชื่อถือต่ำมาก คือ ประมาณ 20% ของกำลังการผลิต เช่น มีความต้องการพลังงานไฟฟ้า 1 MW ต้องติดตั้งแผงขนาด 5MW เป็นต้น อันนี้พูดถึงความมั่นคงทางพลังงานสำหรับขาย ถ้าติดตามบ้าน บอกว่าฝนตกพร่ำ (มีแสง) ก็ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ อันนั้นมันก็จริง แต่มันก็ผลิตได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ของมัน คือ กำลังการผลิตลดลง พอแผงหมดอายุ ก็จะเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติอีก เช่น ลมพายุ, ลูกเห็บ , บั้งไฟหล่นใส่, ฟ้าผ่า เป็นต้น
ส่วนเรื่องรถพลังงานแสงอาทิตย์ มีมาเป็นชาติแล้ว เราคงไม่ได้เป็นประเทศแรกในโลกแล้ว แต่ไม่มีขายในเชิงพาณิชย์ เพราะรถมีพื้นที่รับแสงนิดเดียว หรือ อย่างดาวเทียม ก็ใช้แผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้า แต่ถ้าที่มีความสำคัญมาก หรือใช้พลังงานเยอะ ก็จะใช้นิวเคลียร์
สรุปโดยรวมไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ไม่ได้กลัวการไฟฟ้าเจ๊งหรืออะไร พูดตามข้อเท็จจริง
ความเห็นจาก
http://ppantip.com/profile/330205
สภาพของโลกเราปัจจุบัน เทียบได้กับมะเร็งระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะที่เกินเยียวยา เหมือนเครื่องบินที่เครื่องยนต์ได้ดับลงแล้ว นักบินทำได้แค่ประคองเครื่องไม่ให้มันโหม่งโลกแบบตรงๆ เท่านั้นเอง
ก็ได้แต่เป็นห่วง ในอนาคตของลูกหลาน
โลกร้อนกับความเห็นของคนไทย ,,,,,
บทความที่ลงใน ppantip.com ที่ผ่านมาเจ้าของบล๊อคได้รวบรวมความเห็น และความเห็นที่ให้ต่อไปนี้เป็นความเห็นของคนไทยที่เจ้าของบล๊อคอยากลองให้ผู้อ่านลองพิจารณาถึงความคิดเห็นของคนไทยเรื่องของภาวะโลกร้อน เพราะเราฟังความเห็นของต่างประเทศมานักต่อนัก เพียงแค่หวังว่า บทความที่ลงไปอาจช่วยให้เราคนไทยรับมือทันกับภาวะโลกร้อนนี้ได้
ความเห็นของ http://ppantip.com/profile/96686
CO2 ถึงแม้ต้นไม้ จะดูดซับไปมาก แต่ไม่เป็นเหตุให้ O มีมากเกินไป ด้วยปัจจัย ของสมดุลสิ่งแวดล้อม ยิ่งมี CO2 มาก ขบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ก็มีมาก แต่ก็ต้องแสงด้วย ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ได้ดี คาย O2 ออกมา พอ CO2 น้อยลง ต้นไม้ ก็จะเจริญเติบโตช้า
ถ้าต้นไม้เยอะ หมายถึง อาหารเยอะ สัตว์ก็เพิ่มจำนวนเยอะ จนอาหารน้อยลง สัตว์ก็ลดลง วนเวียนอยู่อย่างนี้ แบบนี้เรียกว่าการรักษาสมดุล โดยธรรมยเหตุ ต้นไม้ไม่ได้เก็บ CO2 ไป แต่เอาไปแค่ C พอต้นไม้ตายลง ก็ไม่ได้เก็บ C ลงดินไว้เฉยๆ มันจะปล่อยคืนมาในรูปแบบอื่น เช่น มีเทน (CH4) หรือ อาจจะเกิดการติดไฟของต้นไม้ ใบไม้ ที่ตายลง ก็จะเกิด CO2 อีกรอบ
แต่ปัจจุบัน นั้นตรงข้าม คนและสัตว์เลี้ยง เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ ต้นไม้ลดลงเรื่อย อีกทั้งกิจกรรมของมนุษย์ ก็ปล่อย CO2 ทำให้โลกไม่สามารถรักษาสมดุลธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้น กลไกลธรรมชาติ เพื่อลดจำนวนก็จะเกิดตามมา เช่นโลกระบาด การขาดแคลน อาหารเป็นต้น
ส่วนเรื่อง อ๊อกซิเจนมากเกิน ไปนั้นจะทำให้ สารอินทรีย์ทุกชนิด ติดไฟได้ง่ายขึ้น จะเกิดไฟเผาโลกกันเลยทีเดียว ที่ว่าทำให้โลกเย็นจนเข้าสูสภาวะน้ำแข็งนั้นคงไม่ใช่ แต่ถ้าไฟไหม้แล้วหมอกควันปกคลุมทั่วโลก ทำให้แสงอาทิตย์ผ่านไม่ได้ จนเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอันนี้อาจเป็นไปได้ \* CO2 มีน้อยก็มีผลทำให้โลก เข้าสู่ภาวะน้ำแข็งได้ เพราะ CO2 ช่วยให้โลกอบอุ่น
ปรากฏการณ์โลกร้อน ยังจะนำพาเราไปสู่ยุคน้ำแข็งได้ด้วย
สารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ใหญ่ๆ คือ - ไอน้ำ H2O เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีมากที่สุด - ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 - ก๊าซมีเทน CH2 เกิดจากการย่อยสลายพืชและสัตว์ ทำนาข้าว ปศุสัตว์ เผาเชื้อเพลิง - ก๊าซไนตรัสออกไซด์ N2O ที่ใช้ในรถแข่งซิ่งนั้นไง ในธรรมชาติเกิดจากการย่อยสลายซากสิ่งมีชิวิตโดยแบคทีเรีย เกิดจากอุตสาหกรรมที่ใช้กรดไนตริก - สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) ในเครื่องปรับอากาศนั้นแหล่ะ ถึงแม้จะลดการใช้ลงครึ่งหนึ่งจากเมื่อ 10ปีก่อน แต่ยังมีสะสมในบรรยากาศ - โอโซน O3 มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับว่ามันอยู่สูงแค่ไหน
ความเห็นจาก http://ppantip.com/profile/826610
ตราบใดที่ยังไม่มีเทคโนโลยี่อื่นที่ cost effective กว่า ก็ต้องใช้กันไปก่อน ... ก็ช่วยๆ กันประหยัดพลังงานละกัน (เคยเห็นตัวเลขว่า ไฟฟ้าเกินครึ่งที่ใช้ใน กทม. ใช้เพื่อเครื่องปรับอากาศ ... รณรงค์ดับไฟคนละดวงสองดวงคงไม่ช่วยเท่าไร)
ความเห็นจาก http://ppantip.com/profile/431400
เราอยู่บนโลกใบเดียวกัน คาร์บอน ไม่ว่าจะเผาที่ไหน มันก้อขึ้นสู่บรรยากาศโลกโดยรวม
ปัจจุบัน อัตราการเผาต่อหัวของประชากร สูงสุด คือ USA. ประเทศไทยจะลดให้ตาย ก้อสู้ ขรี้ๆ ของ เมกาไม่ได้
พวกฝรั่งมาปั่นหัว NGO เมืองไทยเอาเศษเงินมาให้ทุนวิจัยนักวิชาการไทย...เพื่อหลอกให้รณรงค์ลดคาร์บอน...อุปมา เหมือน น้ำขาดแคลน แต่พวกคนรวยยังล้างรถ และอาบน้ำกันสามอ่างจากุชี่... แล้วเที่ยวเอาข้อมูลมาบอกให้คนจนอาบน้ำลดลงจากสิบขันเป็นแปดขัน แต่ตัวเองยังล้างสระว่ายน้ำทุกวัน และใช้ต่ออย่างสบายใจเชิบ ส่วนพวกคนจนหลอกให้มันใช้น้อยๆต่อไป ถึงมันจะเหม็นเน่าไม่สบายตัวก้อเรื่องของมัน
ความเห็นจาก http://ppantip.com/profile/216060
ลดภาษี แผงโซล่า สนับสนุน รถยนต์ ไฟ้ฟ้าเปิดเสรี นำเข้า รถยนต์ ไฟฟ้า
ส่วน ใครจะ ใช้ไม่ใช้ ไม่มีใครไปบัง คับ จะดีกว่าหรือไม่
เป็นทางเลือกให้ ปชช อย่า ผูกขาด แบบ ปตท หรือ การไฟฟ้า
ความเห็นจาก http://ppantip.com/profile/216060
ขอคิดแตกต่างที่ว่า เพราะต้นทางของพลังไฟฟ้ายังอยู่ที่เชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ดี
โปรดคิดให้รอบคอบ พวกพลังงาน ฟอสซิล (พลังงานสกปรก) ชอบอ้างแบบนี้ตลอด การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็คงไม่เพียงพอต่อความต้องการ (ถูกเพียงครึ่งเดียว)
ขอถามว่า
ถ้าทุกบ้าน ติดแผง solar cell ทั่วประเทศ ( อัตรา ภาษี 0) อุปกรณ์ทุกอย่าง ทำไมจะประเมิน ไม่ได้ พลังงานจากแสงแดดไม่แน่นอน เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวเมฆมาบัดบังแดด ไม่เสถียร เป็นต้น ทำให้การผลิตจากโรงไฟฟ้าหลักต้องได้รับผลกระทบ ยุ่งยากในการจัดการ นี้คือข้ออ้าง
“ทุกบ้าน ผลิตไฟฟ้า ขายได้ ไม่จำกัด ตอนนี้ 10 kWh”
ทั่วทุกคร้วเรือน ติดกันทั่วประเทศ โดยรัฐสนับสนุน เงินทุน ราคา จะลดลง เกิน 50%
เป็นความจริงครับว่า อาจจะมีปัญหาฝนตก เมฆบัง ในบาง พื้นที่ แต่เมื่อนำมารวมกันทั้งประเทศ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จะสามารถทำตามที่คาดหมายได้
ฝนมันไม่ได้ ตก พร้อมกัน ทั่วประเทศนะครับ
ทุกครัวเรือน ติดกันหมด ทำไมจะไม่เพียงพอ และ ต้นทุน ก็จะถูก ถ้ารัฐสนับสนุน เป็นการสร้าง งาน ให้กับ ประชาชน โรงงาน เกิดการวิจัย อย่างมากมาย
ผลงานแบบนี้ ไม่สามารถ เกิดได้ ใน รัฐบาล ประชาธิปไตย(มีแต่ หา project เอาเงินใส่กระเป๋าตัวเองเป็นหลัก ทิ้งเศษเงินให้ ปชช) ที่ผ่านมา เราๆ ท่านๆ ก็เห็นกันอยู่
ความเห็นจาก http://ppantip.com/profile/96686
พลังงานแสงอาทิตย์ - เป็นพลังงานที่ฟรี ??? จริงแล้วมันไม่ได้ฟรี ค่าแผงโซล่าเซลล์ ค่าแบตเตอรี่ ที่ต้องเปลี่ยนทุก 2 ปี ค่าซ่อมบำรุง ฟรีตรงไหน
- เป็นพลังงานสะอาด ??? ก็แค่เกือบๆนะ แผงโซล่าเซลล์ผลิตจากซิลิคอล ซึ่งใช้พลังงานจำนวนมากในการผลิต การสกัดแบบเก่าใช้เตาไฟฟ้า อุหณภูมิสูง 1500-2000 องศาเซลเซียส การสกัดแบบใหม่ แยกด้วยไฟฟ้า ร่วมกับปฏิกริยาเคมี ซึ่งมีการปลดปล่อย CO และ CO2
แบตเตอรี่ นี่ไม่ต้องพูดมากก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ามันเป็นพิษ แต่สิ่งแวดล้อม
- ความคุ้มค่า ??? ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ในการลงทุน มองในแง่เศรฐศาสตร์ ล้วนๆ เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่เกี่ยว มันยังไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จขกท บอกว่า ก็แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในการใช้พลังงาน ลง ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์แต่ประการใด แค่ปรับพฤติกรรม ก็ประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว แถมไม่มีต้นทุนด้านอุปกรณ์ผลิตพลังงานอีก
- ความมั่นคงทางพลังงาน ??? ในระบบการผลิตไฟฟ้า พลังงานลม และ พลังงานแสดงอาทิตย์ มีความน่าเชื่อถือต่ำมาก คือ ประมาณ 20% ของกำลังการผลิต เช่น มีความต้องการพลังงานไฟฟ้า 1 MW ต้องติดตั้งแผงขนาด 5MW เป็นต้น อันนี้พูดถึงความมั่นคงทางพลังงานสำหรับขาย ถ้าติดตามบ้าน บอกว่าฝนตกพร่ำ (มีแสง) ก็ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ อันนั้นมันก็จริง แต่มันก็ผลิตได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ของมัน คือ กำลังการผลิตลดลง พอแผงหมดอายุ ก็จะเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติอีก เช่น ลมพายุ, ลูกเห็บ , บั้งไฟหล่นใส่, ฟ้าผ่า เป็นต้น
ส่วนเรื่องรถพลังงานแสงอาทิตย์ มีมาเป็นชาติแล้ว เราคงไม่ได้เป็นประเทศแรกในโลกแล้ว แต่ไม่มีขายในเชิงพาณิชย์ เพราะรถมีพื้นที่รับแสงนิดเดียว หรือ อย่างดาวเทียม ก็ใช้แผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้า แต่ถ้าที่มีความสำคัญมาก หรือใช้พลังงานเยอะ ก็จะใช้นิวเคลียร์
สรุปโดยรวมไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ไม่ได้กลัวการไฟฟ้าเจ๊งหรืออะไร พูดตามข้อเท็จจริง
ความเห็นจาก http://ppantip.com/profile/330205
สภาพของโลกเราปัจจุบัน เทียบได้กับมะเร็งระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะที่เกินเยียวยา เหมือนเครื่องบินที่เครื่องยนต์ได้ดับลงแล้ว นักบินทำได้แค่ประคองเครื่องไม่ให้มันโหม่งโลกแบบตรงๆ เท่านั้นเอง
ก็ได้แต่เป็นห่วง ในอนาคตของลูกหลาน