สวัสดีครับ วันนี้พอดีชายได้มีโอกาสผ่านเข้ามาในพันทิพ และเห็นเพื่อนร่วมสายอาชีพได้โพสกระทู้ไว้ ซึ่งชายว่ามันมีประโยชน์และสำคัญมากๆ แต่ทว่า หลายๆท่านกลับไปว่าเค้า ชายเลยอยากจะมาแถลงขอสงสัยให้ฟังกระจ่างกันไปเลย...
เพิ่มเติมต่อจากกระทู้นี้นะครับ -
http://ppantip.com/topic/33836427
ชายเป็นทำงานเป็น Headhunter/Recruiter/Recruitment Consultant แล้วแต่จะเรียก โชคดีอย่างนึงที่ปัจจุบันหาคนให้กับบริษัทลูกค้าแค่ Executive Level เท่านั้น หมายความว่าตั้งแต่ Level Manager - CEO/MD ปัญหาที่เพื่อนร่วมสายงานเผชิญมา เลยไม่ค่อยได้พอเท่าไหร่เพราะส่วนมากCandidates มีประสบการณ์และ Professional แทบจะทุกคนไม่ว่าจะเป็นการเขียน CV หรือ การInterview .. อย่างไรก็ตาม ชายก็เคยผ่านจุดนั้นมาและอยากจะแชร์ตามนี้ครับ
1. รูปใน Resume/CV มีจริงๆครับ พวกถ่ายแบบ เซลฟี่ มีBackgroundแปลกๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ รูปใน Resume/CV ต้องเป็นรูปถ่ายติดบัตรที่ต้องเป็นแบบใช้ในราชการเท่านั้น มีสูทใส่สูท มีเนคไท ผูกเนคไทครับ อันนี้แล้วแต่เท่าที่เราหาได้แล้วเป็นและดู Professional ที่สุดครับ ถ้าต่างจากนี้ Unacceptable ครับ *อีกอย่าง สายงานที่เกียวกับ Creative/PR/Media รูปต้องสุภาพเหมือนกัน ไม่มีข้อยกเว้นครับ
2. เค้าใช้ CV เป็น ภาษาอังกฤษกันหมดแล้วครับ ถ้าเป็นเอกชนและบริษัทใหญ่ๆ ทำไว้เถอะครับ เพิ่มความเป็น Professional ให้ตัวเองด้วย
3. การตั้งชื่อ File หรือ ชื่อ Email พวกที่ใช้ Iamsuperhot6969@Blahblahblah.com แนะนำให้ใช้ ชื่อ Email ที่เหมาะสมกว่านี้ เอาชื่อจริวตัวเองนั้นแหละดีที่สุด ส่วนชื่อ File CV เอาเป็นว่า เข้าใจตามนี้ ชื่อ MR. ABC DEFG's CV จบ พอ!
4. การ flood email หรือ ส่ง email job application หลายๆครั้งสำหรับตำแหน่งเดิม แนะนำว่าทีเดียวก็พอครับ ถ้าเค้าสนใจ เค้าโทรแน่นอนครับ
5. สมัครงานก็ดูรายละเอียดงานหน่อยครับ ฝากไว้แค่นี้
6. และก็ศึกษาบริษัทเพิ่มเติมครับ ที่ตั้ง ประวัติ หรือ อะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวนี้เกือบทุกบริษัทมี website ครับ อยากได้งานก็ลงทุนหน่อย จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย
7. เรียกเงินเดือน Over สำหรับเด็กจบใหม่ ขอยกไปพูดต่อด้านล่างนะครับ ยาว!!
8. นัด Interview แล้ว NO SHOW ไม่แจ้งล่วงหน้า หรือจะไปสาย หรือ ขอเลื่อน หรือ ยกเลิก ทางที่ดีบอกไปตรงๆดีกว่าครับ ไม่มีใครบังคับ เพราะเราตกลงจะไปแล้ว ต้องรับผิดชอบตรงนั้นด้วย ถึงยังไง สุดท้ายเราไม่อยากไปจริงๆหลังจากนัดแล้ว ก็ไม่มีใครจะไปบังคับคุณหรอกครับ โตๆกันแล้ว
****เรียกเงินเดือน OVER สำหรับเด็กจบใหม่
- ต้องเรียนก่อนครับว่าสิ่งที่ชายจะพูดต่อไปนี้คือ FACT ล้วนๆ ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ ควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ ให้ได้ตามความเหมาะสมกับตัวเองและบริษัท? อันนี้ต้องดูสายที่เราจบมาก่อนครับ ว่าในMarket มันมีความต้องการมากน้อยขนาดไหน ถ้าจบ Marketing ก็เตรียมตัวเลยครับ ไม่ใช่ว่าชายว่าคนจบMarketing ไม่เก่งนะครับ แต่คู่แข่งเยอะ ตัวเลือกของบริษัทก็มากขึ้น เฃ่นกัน เงืนเดือน ก็จะไม่ได้เยอะมากมาย เหมือนสายงานอื่นๆ เช่น Aerospace, Petrochemical, Actuarial อะไรพวกนี้ ด้วยMarket ที่คนจบน้อยกว่า Specialization เห็นได้ชัดเจนกว่า เงินเดือนก็สูงด้วยเป็นธรรมดา นอกจากนี้ ยังต้องมองถึง Hard skills อื่นๆ เช่น language, computer skills (ใช้programอะไรได้บ้าง เขียนไปเรย เช่น SAP, Accounting program), training certificate มีอะไรบ้าง เขียนไป เคยฝึกงานด้านไหน ทำอะไรเขียนไป ครับ
เหตุการณ์สมมติ นาย ก. จบ Marketing ไม่มีภาษาอื่นพูดได้ Program พื้นฐาน อย่าง MS office ยังใช้ไม่คล่อง ไม่เคย training หรือ ผ่านการฝึกงานแต่อย่างใด เรียกเงินเดือน สำหรับ ตำแหน่ง Marketing Executive 30,000 บาท อย่างนี้เรียกว่า เรียกเงินเดือนสูงเกินไปครับ
แต่นาย ข. จบด้าน Actuarial Insurance พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก มี Licence นู้นนี่ สมัครงานตำแหน่ง Underwriting officer เงินเดือน 30,000 อันนี้เป็นไปได้ครับ
สุดท้าย นาย ค.จบด้าน Business Administration ภาษาพูดอังกฤษได้ดีมาก สมัครงานตำแหน่ง HR Manager หรือ Underwriting officer หรือ Marketing Executive ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ถามว่าสมัครได้ไหม คำตอบคือ ได้ แต่เรียกเงินเดือน 30,000 ได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้ สูงเกินไป ต้องย้อนกลับไปภามตัวเองอีกทีครับ ถ้าเป็นกรณีนี้
จริงๆจะเห็นอีกว่า ชายจะไม่ได้ลงลึกเรื่อง จบจากที่ไหน เกรดเท่าไหร่ (ถ้าไม่ตำกว่า 2.00 ผมถือว่ายังมีโอกาส) มันจะยาวครับ เอาสั้นๆว่า จบจากที่ไหน เมืองนอกหรือไม่ ไม่ค่อยสำคัญเท่า เราสมัครตรงสาขาที่เราเรียนหรือไม่ มีบริษัทน้อยมากๆที่ จะขอคนจบจาก TOP มหาลัย ซึ่งมันมีจริงครับ
สรุปครับ การส่ง RESUME/CV มันเหมือนกับการขายสินค้า ชายครีมนั้นแหละครับ เพียงแต่ Product คือตัวเราเท่านั้นเอง ดังนั้น การทำ Branding ให้ตัวเองดีที่สุด จากพื้นฐานความเป็นจริง มันก็คือการ Present ตัวเองว่าเรามีอะไรดี ทำไมต้องเลือกเรา ซึ่งมันคือขั้นตอนแรกๆ ในการ Impress HR หรือ Recruiter ในเบื้องต้น จาก Techniques 8 ข้อที่แชร์ไปเบื้องต้น จริงๆ ซึ่งอาจจะมีมากกว่านี้ ซึ่งจะได้งานหรือไม่ได้ Like it or not คือการใช้ tool หรือ การส่ง Resume ให้เค้าได้รู้จักเราก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกๆ ที่สำคัญมากๆครับ ถ้าถามว่า จะได้งานเลยไหมถ้าทำขั้นตอนนี้ ไปแบบ Perfect คำตอบคือ ไม่สามารถบอกได้ เพราะ การรับคนเข้าทำงาน ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ผมแค่บอกว่า เราต้องเริ่มขั้นตอนแรกให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุดเท่านั้นเอง
จริงๆอยากพูดอีกหลายเรื่อง เช่น ทำไมไม่โทรมาบอกว่าไม่รับเข้าทำงาน, วิธีการInterview ที่ถูกต้อง, ทำไมไม่บอก Range เงินเดือน (xxxxx -xxxxx), การสมัครงานผ่าน recruiter กับ Hunter ต่างอย่างไร กับการสมัครตรง, เกลียด HR ตำแหน่งไม่มีความสำคัญ มีทำไม ไม่ได้ใช้ skill อะไร?, และขอสงสัยอื่นๆอีกมากมาย เข้าใจแล้วว่าทำไม ต้องมีกระทู้ ต่อๆ เป็นตอนๆ เพราะเวลาพิมพ์นี่ใช้พลังงานและเวลาเยอะมาก 555 ไว้ว่างๆจะมาตอบนะครับ
หวังว่าคงเข้าใจความหวังดีของชายนะครับ และจะมีประโยชน์ต่อน้องๆที่เริ่มหางานนะครับ มีอะไรสงสัยถามได้ครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
จะมาแถลงไข เด็กจบใหม่ สมัครงาน
เพิ่มเติมต่อจากกระทู้นี้นะครับ - http://ppantip.com/topic/33836427
ชายเป็นทำงานเป็น Headhunter/Recruiter/Recruitment Consultant แล้วแต่จะเรียก โชคดีอย่างนึงที่ปัจจุบันหาคนให้กับบริษัทลูกค้าแค่ Executive Level เท่านั้น หมายความว่าตั้งแต่ Level Manager - CEO/MD ปัญหาที่เพื่อนร่วมสายงานเผชิญมา เลยไม่ค่อยได้พอเท่าไหร่เพราะส่วนมากCandidates มีประสบการณ์และ Professional แทบจะทุกคนไม่ว่าจะเป็นการเขียน CV หรือ การInterview .. อย่างไรก็ตาม ชายก็เคยผ่านจุดนั้นมาและอยากจะแชร์ตามนี้ครับ
1. รูปใน Resume/CV มีจริงๆครับ พวกถ่ายแบบ เซลฟี่ มีBackgroundแปลกๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ รูปใน Resume/CV ต้องเป็นรูปถ่ายติดบัตรที่ต้องเป็นแบบใช้ในราชการเท่านั้น มีสูทใส่สูท มีเนคไท ผูกเนคไทครับ อันนี้แล้วแต่เท่าที่เราหาได้แล้วเป็นและดู Professional ที่สุดครับ ถ้าต่างจากนี้ Unacceptable ครับ *อีกอย่าง สายงานที่เกียวกับ Creative/PR/Media รูปต้องสุภาพเหมือนกัน ไม่มีข้อยกเว้นครับ
2. เค้าใช้ CV เป็น ภาษาอังกฤษกันหมดแล้วครับ ถ้าเป็นเอกชนและบริษัทใหญ่ๆ ทำไว้เถอะครับ เพิ่มความเป็น Professional ให้ตัวเองด้วย
3. การตั้งชื่อ File หรือ ชื่อ Email พวกที่ใช้ Iamsuperhot6969@Blahblahblah.com แนะนำให้ใช้ ชื่อ Email ที่เหมาะสมกว่านี้ เอาชื่อจริวตัวเองนั้นแหละดีที่สุด ส่วนชื่อ File CV เอาเป็นว่า เข้าใจตามนี้ ชื่อ MR. ABC DEFG's CV จบ พอ!
4. การ flood email หรือ ส่ง email job application หลายๆครั้งสำหรับตำแหน่งเดิม แนะนำว่าทีเดียวก็พอครับ ถ้าเค้าสนใจ เค้าโทรแน่นอนครับ
5. สมัครงานก็ดูรายละเอียดงานหน่อยครับ ฝากไว้แค่นี้
6. และก็ศึกษาบริษัทเพิ่มเติมครับ ที่ตั้ง ประวัติ หรือ อะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวนี้เกือบทุกบริษัทมี website ครับ อยากได้งานก็ลงทุนหน่อย จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย
7. เรียกเงินเดือน Over สำหรับเด็กจบใหม่ ขอยกไปพูดต่อด้านล่างนะครับ ยาว!!
8. นัด Interview แล้ว NO SHOW ไม่แจ้งล่วงหน้า หรือจะไปสาย หรือ ขอเลื่อน หรือ ยกเลิก ทางที่ดีบอกไปตรงๆดีกว่าครับ ไม่มีใครบังคับ เพราะเราตกลงจะไปแล้ว ต้องรับผิดชอบตรงนั้นด้วย ถึงยังไง สุดท้ายเราไม่อยากไปจริงๆหลังจากนัดแล้ว ก็ไม่มีใครจะไปบังคับคุณหรอกครับ โตๆกันแล้ว
****เรียกเงินเดือน OVER สำหรับเด็กจบใหม่
- ต้องเรียนก่อนครับว่าสิ่งที่ชายจะพูดต่อไปนี้คือ FACT ล้วนๆ ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ ควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ ให้ได้ตามความเหมาะสมกับตัวเองและบริษัท? อันนี้ต้องดูสายที่เราจบมาก่อนครับ ว่าในMarket มันมีความต้องการมากน้อยขนาดไหน ถ้าจบ Marketing ก็เตรียมตัวเลยครับ ไม่ใช่ว่าชายว่าคนจบMarketing ไม่เก่งนะครับ แต่คู่แข่งเยอะ ตัวเลือกของบริษัทก็มากขึ้น เฃ่นกัน เงืนเดือน ก็จะไม่ได้เยอะมากมาย เหมือนสายงานอื่นๆ เช่น Aerospace, Petrochemical, Actuarial อะไรพวกนี้ ด้วยMarket ที่คนจบน้อยกว่า Specialization เห็นได้ชัดเจนกว่า เงินเดือนก็สูงด้วยเป็นธรรมดา นอกจากนี้ ยังต้องมองถึง Hard skills อื่นๆ เช่น language, computer skills (ใช้programอะไรได้บ้าง เขียนไปเรย เช่น SAP, Accounting program), training certificate มีอะไรบ้าง เขียนไป เคยฝึกงานด้านไหน ทำอะไรเขียนไป ครับ
เหตุการณ์สมมติ นาย ก. จบ Marketing ไม่มีภาษาอื่นพูดได้ Program พื้นฐาน อย่าง MS office ยังใช้ไม่คล่อง ไม่เคย training หรือ ผ่านการฝึกงานแต่อย่างใด เรียกเงินเดือน สำหรับ ตำแหน่ง Marketing Executive 30,000 บาท อย่างนี้เรียกว่า เรียกเงินเดือนสูงเกินไปครับ
แต่นาย ข. จบด้าน Actuarial Insurance พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก มี Licence นู้นนี่ สมัครงานตำแหน่ง Underwriting officer เงินเดือน 30,000 อันนี้เป็นไปได้ครับ
สุดท้าย นาย ค.จบด้าน Business Administration ภาษาพูดอังกฤษได้ดีมาก สมัครงานตำแหน่ง HR Manager หรือ Underwriting officer หรือ Marketing Executive ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ถามว่าสมัครได้ไหม คำตอบคือ ได้ แต่เรียกเงินเดือน 30,000 ได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้ สูงเกินไป ต้องย้อนกลับไปภามตัวเองอีกทีครับ ถ้าเป็นกรณีนี้
จริงๆจะเห็นอีกว่า ชายจะไม่ได้ลงลึกเรื่อง จบจากที่ไหน เกรดเท่าไหร่ (ถ้าไม่ตำกว่า 2.00 ผมถือว่ายังมีโอกาส) มันจะยาวครับ เอาสั้นๆว่า จบจากที่ไหน เมืองนอกหรือไม่ ไม่ค่อยสำคัญเท่า เราสมัครตรงสาขาที่เราเรียนหรือไม่ มีบริษัทน้อยมากๆที่ จะขอคนจบจาก TOP มหาลัย ซึ่งมันมีจริงครับ
สรุปครับ การส่ง RESUME/CV มันเหมือนกับการขายสินค้า ชายครีมนั้นแหละครับ เพียงแต่ Product คือตัวเราเท่านั้นเอง ดังนั้น การทำ Branding ให้ตัวเองดีที่สุด จากพื้นฐานความเป็นจริง มันก็คือการ Present ตัวเองว่าเรามีอะไรดี ทำไมต้องเลือกเรา ซึ่งมันคือขั้นตอนแรกๆ ในการ Impress HR หรือ Recruiter ในเบื้องต้น จาก Techniques 8 ข้อที่แชร์ไปเบื้องต้น จริงๆ ซึ่งอาจจะมีมากกว่านี้ ซึ่งจะได้งานหรือไม่ได้ Like it or not คือการใช้ tool หรือ การส่ง Resume ให้เค้าได้รู้จักเราก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกๆ ที่สำคัญมากๆครับ ถ้าถามว่า จะได้งานเลยไหมถ้าทำขั้นตอนนี้ ไปแบบ Perfect คำตอบคือ ไม่สามารถบอกได้ เพราะ การรับคนเข้าทำงาน ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ผมแค่บอกว่า เราต้องเริ่มขั้นตอนแรกให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุดเท่านั้นเอง
จริงๆอยากพูดอีกหลายเรื่อง เช่น ทำไมไม่โทรมาบอกว่าไม่รับเข้าทำงาน, วิธีการInterview ที่ถูกต้อง, ทำไมไม่บอก Range เงินเดือน (xxxxx -xxxxx), การสมัครงานผ่าน recruiter กับ Hunter ต่างอย่างไร กับการสมัครตรง, เกลียด HR ตำแหน่งไม่มีความสำคัญ มีทำไม ไม่ได้ใช้ skill อะไร?, และขอสงสัยอื่นๆอีกมากมาย เข้าใจแล้วว่าทำไม ต้องมีกระทู้ ต่อๆ เป็นตอนๆ เพราะเวลาพิมพ์นี่ใช้พลังงานและเวลาเยอะมาก 555 ไว้ว่างๆจะมาตอบนะครับ
หวังว่าคงเข้าใจความหวังดีของชายนะครับ และจะมีประโยชน์ต่อน้องๆที่เริ่มหางานนะครับ มีอะไรสงสัยถามได้ครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ