มีการวิเคราะห์กันว่า นับจากที่มีการสร้างเขื่อนภูมิพล จนเริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา ได้สร้างความภาคภูมิใจแก่คนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากลักษณะของเขื่อนเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ และยังถือว่าเป็นเขื่อนอันดับ 8 ของโลกอีกด้วย โดยทุกคนรับรู้กันดีจากการประชาสัมพันธ์ของรัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั่นคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.รวมทั้งสื่อมวลชนทั่วไปว่า เขื่อนภูมิพลได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศอย่างมากมายมหาศาล โดยทาง กฟผ.ได้ติดตั้งกระแสไฟฟ้า ทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนภูมิพลมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 779.2 เมกกะวัตต์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2545 นอกจากนั้นยังสามารถให้ประโยชน์ในด้านชลประทานแก่พื้นที่ถึง 10 ล้านไร่ต่อปี ฯลฯ ฯลฯ
แต่จากข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่า ในแต่ละปีการอาศัยผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำของเขื่อนมีเพียงน้อยนิด (ในปี 2558 จะใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพียง 6.1 % เท่านั่น) ตามตารางด้านล่าง ดังนั้นถ้าจะมีการยัดเยียดสร้างเขื่อนใหม่ๆขึ้นอีก ตงจะไม่มีใครมาอ้างได้อีกว่า สร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้า ประการสำคัญในเมื่อเขื่อนจะมีประโยชน์ด้านการเกษตรมากกว่า ทำไมจึงต้องให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับผิดชอบบริหารงานเขื่อน มันควรจะเป็นเรื่องของกรมชลประทานในการบริหารจัดการปิดปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรเป็นหลัก
http://www.docdroid.net/15i4c/-2015-07-03-20.pdf.html
ครั้นจะอ้างว่าสร้างเขื่อนเพื่อประโยขน์ด้านการเกษตรเป็นหลัก ขนาดมีการกล่าวอ้างว่า ‘เขื่อน’ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ทางการพัฒนา ถึงขนาดมีกล่าวกันไว้ว่าเขื่อน คือยาวิเศษขนานเดียวสำหรับการแก้ปัญหา น้ำท่วม ภัยแล้ง และการขาดแคลนพลังงาน
แต่ก็เพราะพอถึงหน้าน้ำ เขื่อนต้องปล่อยน้ำออกมามากเพราะเขื่อนจะพัง พอหน้าแล้งน้ำก็ไม่พอจะปล่อยออกมาช่วยการเกษตรอีก ตามตารางด้านล่างจะเห็นว่า แม้แต่เขื่อนภูมิพลก็มีน้ำ ณ วันที่ 3 กระกฎาคม 2558 เพียง 2 %
แสดงว่าแม้แต่การเกษตร เขื่อนก็มีส่วนช่วยได้เพียงน้อยนิด ซึ่งข้อมูลพวกนี้มันควรจะเป็นที่รับรุ้ และหาทางแก้ปัญหามานานแล้ว แต่ทำไมทั้ง กฟผ. และ กรมชลประทาน และกระทรวงที่เกี่ยวข้องไม่ทำอะไรเลย มันง่ายไปไหมที่อ้างซ้ำๆซากๆแต่ว่าการเมืองแทรกแซง
http://www.docdroid.net/15i5v/-2015-07-03-20.pdf.html
เรื่องเขื่อน ต้องการให้ใครก็ได้มาตอบคำถาม
แต่จากข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่า ในแต่ละปีการอาศัยผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำของเขื่อนมีเพียงน้อยนิด (ในปี 2558 จะใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพียง 6.1 % เท่านั่น) ตามตารางด้านล่าง ดังนั้นถ้าจะมีการยัดเยียดสร้างเขื่อนใหม่ๆขึ้นอีก ตงจะไม่มีใครมาอ้างได้อีกว่า สร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้า ประการสำคัญในเมื่อเขื่อนจะมีประโยชน์ด้านการเกษตรมากกว่า ทำไมจึงต้องให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับผิดชอบบริหารงานเขื่อน มันควรจะเป็นเรื่องของกรมชลประทานในการบริหารจัดการปิดปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรเป็นหลัก
http://www.docdroid.net/15i4c/-2015-07-03-20.pdf.html
ครั้นจะอ้างว่าสร้างเขื่อนเพื่อประโยขน์ด้านการเกษตรเป็นหลัก ขนาดมีการกล่าวอ้างว่า ‘เขื่อน’ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ทางการพัฒนา ถึงขนาดมีกล่าวกันไว้ว่าเขื่อน คือยาวิเศษขนานเดียวสำหรับการแก้ปัญหา น้ำท่วม ภัยแล้ง และการขาดแคลนพลังงาน
แต่ก็เพราะพอถึงหน้าน้ำ เขื่อนต้องปล่อยน้ำออกมามากเพราะเขื่อนจะพัง พอหน้าแล้งน้ำก็ไม่พอจะปล่อยออกมาช่วยการเกษตรอีก ตามตารางด้านล่างจะเห็นว่า แม้แต่เขื่อนภูมิพลก็มีน้ำ ณ วันที่ 3 กระกฎาคม 2558 เพียง 2 %
แสดงว่าแม้แต่การเกษตร เขื่อนก็มีส่วนช่วยได้เพียงน้อยนิด ซึ่งข้อมูลพวกนี้มันควรจะเป็นที่รับรุ้ และหาทางแก้ปัญหามานานแล้ว แต่ทำไมทั้ง กฟผ. และ กรมชลประทาน และกระทรวงที่เกี่ยวข้องไม่ทำอะไรเลย มันง่ายไปไหมที่อ้างซ้ำๆซากๆแต่ว่าการเมืองแทรกแซง
http://www.docdroid.net/15i5v/-2015-07-03-20.pdf.html