ทีแรกว่าจะตอบในกระทู้ คิดไปคิดมาตั้งกระทู้ใหม่เลยดีกว่า เอาเป็นว่าเล่าตามความเห็นส่วนตัวละกันนะครับ เพื่อนมีความเห็นยังไงก็แสดงกันได้นะครับ
แถวบ้านผมที่เป็น จว.ทางเหนือของประเทศไทย เคยคุยกับลุงคนนึง แกอายุได้หกสิบเกือบๆเจ็ดสิบแล้ว เป็นคนพื้นเพตรงบริเวณนั้นแต่กำเนิด แกอยู่ตั้งแต่สมัยยังไม่มีไฟฟ้าในหมู่บ้าน บ้านคนเนี่ยห่างกันโคตรๆ ไปไหนต้องใช้เกวียน ทำนาใช้ควาย พอดีผมมีที่นา ตรงที่เป็นที่นาของผมเนี่ย มีคลองอยู่สายนึง อีกฝั่งก็เป็นนาของแกแต่ตอนนี้ขายไปหมดแล้ว แกบอกว่าตอนสมัยแกเด็กๆ ที่นาฝั่งของทางผมเนี่ยเป็นป่าสัก ต้นสักต้นนึง หนึ่งคนโอบ สองคนโอบ ผมก็บอกแกบ้าไปแล้วลุง ป่าที่ไหนมันจะมาอยู่ตรงนี้ คือต้องบอกว่าที่นาของผมใกล้ตัวเมืองมากๆครับ เป็นนาผืนท้ายๆละที่ติดตัวเมือง ตอนนี้ที่นาเก่าของลุงแกกลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรไปละ พอดีคุยถึงเรื่องคลองหน้าที่นา ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นคลองชลประทาน รับน้ำจากอ่างเก็บน้ำโดยตรง ผมก็เห็นมันมีน้ำทั้งปีทั้งชาติแหละ แต่ช่วงที่อ่างไม่ปล่อยน้ำมันก็เป็นเหมือนแอ่งน้ำนิ่งๆ ผมถามแกว่าไอ้คลองเนี่ย มันมีมานานแล้วยัง แกก็บอกว่ามีตั้งแต่สมัยแกเด็กๆแหละ ผมก็ถามแกว่าแล้วน้ำมันมาจากไหนหรอ แกก็บอกว่ามันมาจากตรงนี้แหละ เมื่อก่อนน้ำมันผุดขึ้นมาจากตรงนี้ย้อนขึ้นไปนิดเดียว ผมก็อึ้งดิครับ
จริงๆผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากหรอกนะครับ เพราะเค้าก็ปล่อยน้ำมาทุกปีแหละ ยิ่งปีที่น้ำท่วน กทม น้ำยิ่งเยอะแค่น้ำฝนก็แทบจะจุกตายแล้ว แต่มาวันนี้ผมเพิ่งไปตั้งเครื่องสูบน้ำ เอาน้ำเข้ามาเก็บในสระ นารอบๆที่ปกติเวลานี้น้ำจะท่วมเพราะอ่างปล่อยน้ำมา นานี่เขียวสุดตา เวลานี้น้ำมาหรอมแหร่มมาก นาที่มีน้ำเพราะเอาเครื่องสูบน้ำมาสูบเข้านา ในขณะนาบางแปลงยังเป็นดินแตกๆเพราะน้ำไม่สูงพอที่จะทดน้ำเข้าเอง ข้าวก็เพิ่งแตกหน่อสูงได้คืบเศษๆ จริงๆผมไม่ได้เดือดร้อนไรเท่าไหร่นะเพราะผมไม่ได้ทำนา ผมปล่อยที่ให้เขาเช่า แล้วแบ่งที่มาเป็นที่ส่วนตัว น้ำในสระแห้งไปเยอะเลยสูบเข้ามาเก็บไว้ก่อนเดี๋ยวสระพัง แล้วเผื่อไว้ใช้รดต้นไม้ด้วย
ผมถามหัวหน้าชุมชนแถวนั้นว่าทำไมน้ำมาน้อยจัง เขาตอบกลับมาว่าอ่างปิดประตูน้ำแล้ว T^T
ถามว่าอะไรช่วยให้มีน้ำใช้มากกว่ากันระหว่าง ป่า กับ เขื่อน บอกเลยครับ ว่าเขื่อน เพราะน้ำที่เราใช้ส่วนมากนั้นมาจากเขื่อนครับ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขื่อนไม่มีน้ำ ตอบว่า shipหาย ครับ เขื่อนน่ะดีนะครับไม่ใช่ไม่ดี ซึ่งถ้าไม่มีเขื่อนนี่เราลำบากกว่านี้อีกครับเพราะว่าเราจะไม่มีเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ บางเขื่อนใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเสริมด้วย สรุปว่าผมเห็นด้วยนะเรื่องเขื่อน
นอกเรื่องนิดนะครับเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อน ถึงแม้จะเป็นไฟสะอาดแต่ว่าหลายๆคนอาจจะลืมไปนะครับว่า มันมีต้นทุนในการผลิตกระแสไฟด้วย นั่นคือ...น้ำ!!!ไงละครับ ถ้าเขื่อนไม่ปล่อยน้ำ จะเอาน้ำไหนไปปั่นใบพัดล่ะคร้าบ ฉะนั้นจริงๆแล้วเขื่อนไม่ได้ผลิตไฟตลอดเวลานะครับ เพราะว่ามันเกี่ยวเนื่องถึงการจัดการน้ำภาคเกษตรด้วย ไฟฟ้าหลักๆเราก็ยังใช้พลังงานสกปรกอยู่แหละครับ >_<
ขอกลับมาเรื่องป่านะครับ เอาละครับ จริงๆแล้วโลกเราเนี่ยมันก็เจอภัยแล้งกันอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นสมัยโบราณหรือจะปัจจุบัน เอาง่ายๆครับแค่เรื่อง พระพุทธเจ้าเสด็จห้ามพระญาติที่จะทำสงครามแย่งชิงน้ำกันเนื่องจากภัยแล้ง อินเดียสมัยนั้นป่าน่าจะเยอะนะครับ สองพันกว่าปีที่แล้วเลย อย่างทะเลทรายซาฮาร่านั่นก็จริงอีกครับ เป็นทะเลทรายเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ หมื่นปีก่อนยังเป็นป่ายังกะอะเมซอน ตอนนี้แห้งซะปลวกยังไม่รู้จะกินอะไรเลยครับ แต่ผมว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราคิดว่าป่านั้นไม่สำคัญครับ
การที่โลกเรามีการแบ่งเขตเป็นประเทศนั้น ประเทศนี้ จริงๆแล้วโลกมันไม่รับรู้กะเราด้วยหรอกครับ คือผมอยากให้เรามองเป็นสเกลใหญ่ๆครับ เอาเป็นทวีป เอาเป็นโลกไปเเลยครับ การที่ประเทศเรานั้น ฝนส่วนใหญ่ได้มาจากมรสุมประจำปีนั้นไม่ได้หมายความว่าป่าไม่มีความสำคัญเรื่องฝนตก ไงฝนมันก็ต้องตกอยู่ดี ทะเลไม่มีป่า ฝนยังตกเลย บลาๆ ผมว่า กำปั้นทุบดินไปนิดนะครับ ^_^ เพราะว่า ทะเลน่ะ น้ำล้วนๆนะครับ สมมุติยืนอยู่บนผิวทะเลใต้ ใต้เท้าลงไป น้ำทั้งนั้นนะครับ แล้วที่เรายืนๆอยู่ตอนนี้คืออะไร มันคือดินไงครับ ปริมาณน้ำในพื้นที่คิดว่ามันจะเทียบกันได้หรอครับ
ในพื้นที่ๆมีลักษณะเฉพาะแบบใดแบบหนึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่มากๆ พื้นที่นั้นจะสามารถควบคุมลักษณะสภาพอากาศของพื้นที่ได้ในระดับหนึ่งครับ เช่นแผ่นน้ำแข็งใหญ่ๆ เบิ้มๆ ทั้งหลายทั้งแหล่นั้น จะสามารถควบคุมสภาพอากาศภายในพื้นที่ได้ ยิ่งใหญ่ ยิ่งเย็น ยิ่งไม่ค่อยละลาย กลับกันครับ ถ้าเกิดพื้นที่น้อยลง ความสามารถในการควบคุมสภาพอากาศภายในพื้นที่ก็จะยิ่งลดลง ยิ่งเหลือพื้นที่น้อย ยิ่งเย็นน้อย ความร้อนเข้าได้ง่าย เย็นน้อยก็ละลายเร็ว ป่าอะเมซอนงี้ ส่วนหนึ่งคือการได้รับความชื้นจากลมทะเล ส่วนต่อมาคือพื้นที่ป่าที่มีอยู่อย่างมหาศาลนั้นมีส่วนในการจัดการน้ำได้มาก เพราะพอฝนตกลงมา ต้นไม้ก็ดูดซึมน้ำไว้ ดูดๆๆไปก็มีการคายความชื้นออกมา แล้วปริมาณความชื้นที่ว่านั้นแน่นอนย่อมไม่ใช่น้อยๆ พอความชื้นในอากาศสูงมากๆก็กลายเป็นฝนตกลงมาอีก วนไปเรื่อยๆ
เอาล่ะครับตัวอย่างสภาพอากาศทั้งสองที่ๆว่ามานั่นน่ะ ใหญ่กว่าประเทศไทยไปเยอะนะครับ ที่ผมต้องการจะสื่อคือว่าอย่าคิดถึงแค่ประเทศเราประเทศเดียวครับ สภาพอากาศมันเชื่อมโยงกันหมดไม่มีพรมแดนครับ เอาง่ายๆครับ ฝนที่ตกในไทยเนี่ย คุณรู้ได้ไงว่าไอ้เมฆก้อนเนี้ย มันไม่ได้ลอยข้ามมาจากทางฝั่งพม่า มันเป็นเมฆที่เกิดในไทย โตในไทย และ ตกในไทย ล้านเปอเซนต์
ผมไม่อยากให้คนมองว่า มีเขื่อน = ไม่มีป่า หรือว่า มีป่า = ไม่มีเขื่อน เพราะอะไรนะหรอครับ เพราะว่าไอ้ป่าไม้ในไทยที่มันเหี้ยนๆกันเนี่ย มันไม่ได้มาจากเขื่อนหรอกครับ มันเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า ลักลอบตัดไม้ การให้สัมปทานป่าแบบไม่มีการควบคุม และที่สำคัญนะครับคือไอ้การรุกล้ำพื้นที่ทั้งหลายไงครับ ไม่ว่าจะเกิดจากชาวบ้านที่อยู่ติดชายป่า เวลาทำไร่ทีก็ไถกินพื้นที่ป่าไปเรื่อยๆมั่ง หรือว่าพวกดอดเข้าไปตัดไม้จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมมั่ง หรือว่าพวกนายทุนทั้งหลายทั้งแหล่ เอาไปทำรีสอร์ท ทำสนามกอล์ฟ มั่ง ลองไปยืนตรงอุทยานเขาใหญ่ที่ตรงเขาแผงม้าสิครับ ซ้ายเป็นป่าได้ยินเสียงกระทิงร้องอยู่เลย มองมาทางขวาแล้วใจหายครับ เป็นพื้นที่โล่งๆทั้งนั้นเลยครับ ยิ่งตอนไปยืนอยู่ตรงวังน้ำเขียว มองไปทางไหนแทบไม่เห็นเป็นป่าแล้วครับ นั่นไงครับป่าที่หายไป หายไปไหน หายไปเป็นที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจไงครับ พื้นที่ป่าพวกนี้แหละครับ รวมๆแล้วไปทำได้ไม่รู้ตั้งกี่เขื่อน
อาจจะจริงครับ ว่า ป่า ไม่เกี่ยวกับฝนที่ตก แต่ว่า ป่า เกี่ยวกับปริมาณความชื้นสะสมในพื้นที่แน่นอนครับ มันคือแหล่งน้ำสำรองที่เรามองไม่เห็นไงครับ แหล่งน้ำไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหนอง เป็นบึง เป็นแม่น้ำให้เห็นชัดๆเสมอไปครับ เอาง่ายๆครับต้องลองไปพื้นที่ป่าต้นน้ำดูครับ หรือว่าตามพวกน้ำตกจะเห็นได้ชัดครับว่า ที่ตรงไหนมีน้ำตกแถวนั้นมักจะมีป่าอุดมสมบูรณ์เสมอ เอ๊ะ หรือว่าเพราะมีน้ำตกเลยมีป่า หรือว่าเพราะมีป่าเลยมีน้ำตก น่าคิดนะครับ ^_^
เขียนมาซะยาว สรุปคือ ผมเห็นด้วยกับเขื่อนนะ แต่ผมก็ไม่อยากให้คนมองข้ามความสำคัญของป่าไป บางอย่างเรายังไม่รู้หรอกครับจนกว่ามันจะมาถึงตัว เหมือนอย่างเช่นเรื่องโลกร้อน ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเยอะแยะนะครับที่พยายามจะเชื่อว่า โลกมันก็เป็นปกติของมันแหละ น้ำแข็งขั้วโลกละลายเรอะ ไม่เกี่ยวไรกะตูนี่หว่า น้ำมันจะหมดโลกแล้วนะหรอ โฮะๆ ปั้มยังมีอยู่เลย ตังก็มี กลัวไร ยังไงก็พยายามมองอย่าให้เป็นเรื่องไกลตัวเกินไปครับ
ขอแสดงความเห็นเรื่องเขื่อนกับภัยแล้งหน่อยนะครับ
แถวบ้านผมที่เป็น จว.ทางเหนือของประเทศไทย เคยคุยกับลุงคนนึง แกอายุได้หกสิบเกือบๆเจ็ดสิบแล้ว เป็นคนพื้นเพตรงบริเวณนั้นแต่กำเนิด แกอยู่ตั้งแต่สมัยยังไม่มีไฟฟ้าในหมู่บ้าน บ้านคนเนี่ยห่างกันโคตรๆ ไปไหนต้องใช้เกวียน ทำนาใช้ควาย พอดีผมมีที่นา ตรงที่เป็นที่นาของผมเนี่ย มีคลองอยู่สายนึง อีกฝั่งก็เป็นนาของแกแต่ตอนนี้ขายไปหมดแล้ว แกบอกว่าตอนสมัยแกเด็กๆ ที่นาฝั่งของทางผมเนี่ยเป็นป่าสัก ต้นสักต้นนึง หนึ่งคนโอบ สองคนโอบ ผมก็บอกแกบ้าไปแล้วลุง ป่าที่ไหนมันจะมาอยู่ตรงนี้ คือต้องบอกว่าที่นาของผมใกล้ตัวเมืองมากๆครับ เป็นนาผืนท้ายๆละที่ติดตัวเมือง ตอนนี้ที่นาเก่าของลุงแกกลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรไปละ พอดีคุยถึงเรื่องคลองหน้าที่นา ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นคลองชลประทาน รับน้ำจากอ่างเก็บน้ำโดยตรง ผมก็เห็นมันมีน้ำทั้งปีทั้งชาติแหละ แต่ช่วงที่อ่างไม่ปล่อยน้ำมันก็เป็นเหมือนแอ่งน้ำนิ่งๆ ผมถามแกว่าไอ้คลองเนี่ย มันมีมานานแล้วยัง แกก็บอกว่ามีตั้งแต่สมัยแกเด็กๆแหละ ผมก็ถามแกว่าแล้วน้ำมันมาจากไหนหรอ แกก็บอกว่ามันมาจากตรงนี้แหละ เมื่อก่อนน้ำมันผุดขึ้นมาจากตรงนี้ย้อนขึ้นไปนิดเดียว ผมก็อึ้งดิครับ
จริงๆผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากหรอกนะครับ เพราะเค้าก็ปล่อยน้ำมาทุกปีแหละ ยิ่งปีที่น้ำท่วน กทม น้ำยิ่งเยอะแค่น้ำฝนก็แทบจะจุกตายแล้ว แต่มาวันนี้ผมเพิ่งไปตั้งเครื่องสูบน้ำ เอาน้ำเข้ามาเก็บในสระ นารอบๆที่ปกติเวลานี้น้ำจะท่วมเพราะอ่างปล่อยน้ำมา นานี่เขียวสุดตา เวลานี้น้ำมาหรอมแหร่มมาก นาที่มีน้ำเพราะเอาเครื่องสูบน้ำมาสูบเข้านา ในขณะนาบางแปลงยังเป็นดินแตกๆเพราะน้ำไม่สูงพอที่จะทดน้ำเข้าเอง ข้าวก็เพิ่งแตกหน่อสูงได้คืบเศษๆ จริงๆผมไม่ได้เดือดร้อนไรเท่าไหร่นะเพราะผมไม่ได้ทำนา ผมปล่อยที่ให้เขาเช่า แล้วแบ่งที่มาเป็นที่ส่วนตัว น้ำในสระแห้งไปเยอะเลยสูบเข้ามาเก็บไว้ก่อนเดี๋ยวสระพัง แล้วเผื่อไว้ใช้รดต้นไม้ด้วย
ผมถามหัวหน้าชุมชนแถวนั้นว่าทำไมน้ำมาน้อยจัง เขาตอบกลับมาว่าอ่างปิดประตูน้ำแล้ว T^T
ถามว่าอะไรช่วยให้มีน้ำใช้มากกว่ากันระหว่าง ป่า กับ เขื่อน บอกเลยครับ ว่าเขื่อน เพราะน้ำที่เราใช้ส่วนมากนั้นมาจากเขื่อนครับ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขื่อนไม่มีน้ำ ตอบว่า shipหาย ครับ เขื่อนน่ะดีนะครับไม่ใช่ไม่ดี ซึ่งถ้าไม่มีเขื่อนนี่เราลำบากกว่านี้อีกครับเพราะว่าเราจะไม่มีเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ บางเขื่อนใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเสริมด้วย สรุปว่าผมเห็นด้วยนะเรื่องเขื่อน
นอกเรื่องนิดนะครับเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อน ถึงแม้จะเป็นไฟสะอาดแต่ว่าหลายๆคนอาจจะลืมไปนะครับว่า มันมีต้นทุนในการผลิตกระแสไฟด้วย นั่นคือ...น้ำ!!!ไงละครับ ถ้าเขื่อนไม่ปล่อยน้ำ จะเอาน้ำไหนไปปั่นใบพัดล่ะคร้าบ ฉะนั้นจริงๆแล้วเขื่อนไม่ได้ผลิตไฟตลอดเวลานะครับ เพราะว่ามันเกี่ยวเนื่องถึงการจัดการน้ำภาคเกษตรด้วย ไฟฟ้าหลักๆเราก็ยังใช้พลังงานสกปรกอยู่แหละครับ >_<
ขอกลับมาเรื่องป่านะครับ เอาละครับ จริงๆแล้วโลกเราเนี่ยมันก็เจอภัยแล้งกันอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นสมัยโบราณหรือจะปัจจุบัน เอาง่ายๆครับแค่เรื่อง พระพุทธเจ้าเสด็จห้ามพระญาติที่จะทำสงครามแย่งชิงน้ำกันเนื่องจากภัยแล้ง อินเดียสมัยนั้นป่าน่าจะเยอะนะครับ สองพันกว่าปีที่แล้วเลย อย่างทะเลทรายซาฮาร่านั่นก็จริงอีกครับ เป็นทะเลทรายเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ หมื่นปีก่อนยังเป็นป่ายังกะอะเมซอน ตอนนี้แห้งซะปลวกยังไม่รู้จะกินอะไรเลยครับ แต่ผมว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราคิดว่าป่านั้นไม่สำคัญครับ
การที่โลกเรามีการแบ่งเขตเป็นประเทศนั้น ประเทศนี้ จริงๆแล้วโลกมันไม่รับรู้กะเราด้วยหรอกครับ คือผมอยากให้เรามองเป็นสเกลใหญ่ๆครับ เอาเป็นทวีป เอาเป็นโลกไปเเลยครับ การที่ประเทศเรานั้น ฝนส่วนใหญ่ได้มาจากมรสุมประจำปีนั้นไม่ได้หมายความว่าป่าไม่มีความสำคัญเรื่องฝนตก ไงฝนมันก็ต้องตกอยู่ดี ทะเลไม่มีป่า ฝนยังตกเลย บลาๆ ผมว่า กำปั้นทุบดินไปนิดนะครับ ^_^ เพราะว่า ทะเลน่ะ น้ำล้วนๆนะครับ สมมุติยืนอยู่บนผิวทะเลใต้ ใต้เท้าลงไป น้ำทั้งนั้นนะครับ แล้วที่เรายืนๆอยู่ตอนนี้คืออะไร มันคือดินไงครับ ปริมาณน้ำในพื้นที่คิดว่ามันจะเทียบกันได้หรอครับ
ในพื้นที่ๆมีลักษณะเฉพาะแบบใดแบบหนึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่มากๆ พื้นที่นั้นจะสามารถควบคุมลักษณะสภาพอากาศของพื้นที่ได้ในระดับหนึ่งครับ เช่นแผ่นน้ำแข็งใหญ่ๆ เบิ้มๆ ทั้งหลายทั้งแหล่นั้น จะสามารถควบคุมสภาพอากาศภายในพื้นที่ได้ ยิ่งใหญ่ ยิ่งเย็น ยิ่งไม่ค่อยละลาย กลับกันครับ ถ้าเกิดพื้นที่น้อยลง ความสามารถในการควบคุมสภาพอากาศภายในพื้นที่ก็จะยิ่งลดลง ยิ่งเหลือพื้นที่น้อย ยิ่งเย็นน้อย ความร้อนเข้าได้ง่าย เย็นน้อยก็ละลายเร็ว ป่าอะเมซอนงี้ ส่วนหนึ่งคือการได้รับความชื้นจากลมทะเล ส่วนต่อมาคือพื้นที่ป่าที่มีอยู่อย่างมหาศาลนั้นมีส่วนในการจัดการน้ำได้มาก เพราะพอฝนตกลงมา ต้นไม้ก็ดูดซึมน้ำไว้ ดูดๆๆไปก็มีการคายความชื้นออกมา แล้วปริมาณความชื้นที่ว่านั้นแน่นอนย่อมไม่ใช่น้อยๆ พอความชื้นในอากาศสูงมากๆก็กลายเป็นฝนตกลงมาอีก วนไปเรื่อยๆ
เอาล่ะครับตัวอย่างสภาพอากาศทั้งสองที่ๆว่ามานั่นน่ะ ใหญ่กว่าประเทศไทยไปเยอะนะครับ ที่ผมต้องการจะสื่อคือว่าอย่าคิดถึงแค่ประเทศเราประเทศเดียวครับ สภาพอากาศมันเชื่อมโยงกันหมดไม่มีพรมแดนครับ เอาง่ายๆครับ ฝนที่ตกในไทยเนี่ย คุณรู้ได้ไงว่าไอ้เมฆก้อนเนี้ย มันไม่ได้ลอยข้ามมาจากทางฝั่งพม่า มันเป็นเมฆที่เกิดในไทย โตในไทย และ ตกในไทย ล้านเปอเซนต์
ผมไม่อยากให้คนมองว่า มีเขื่อน = ไม่มีป่า หรือว่า มีป่า = ไม่มีเขื่อน เพราะอะไรนะหรอครับ เพราะว่าไอ้ป่าไม้ในไทยที่มันเหี้ยนๆกันเนี่ย มันไม่ได้มาจากเขื่อนหรอกครับ มันเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า ลักลอบตัดไม้ การให้สัมปทานป่าแบบไม่มีการควบคุม และที่สำคัญนะครับคือไอ้การรุกล้ำพื้นที่ทั้งหลายไงครับ ไม่ว่าจะเกิดจากชาวบ้านที่อยู่ติดชายป่า เวลาทำไร่ทีก็ไถกินพื้นที่ป่าไปเรื่อยๆมั่ง หรือว่าพวกดอดเข้าไปตัดไม้จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมมั่ง หรือว่าพวกนายทุนทั้งหลายทั้งแหล่ เอาไปทำรีสอร์ท ทำสนามกอล์ฟ มั่ง ลองไปยืนตรงอุทยานเขาใหญ่ที่ตรงเขาแผงม้าสิครับ ซ้ายเป็นป่าได้ยินเสียงกระทิงร้องอยู่เลย มองมาทางขวาแล้วใจหายครับ เป็นพื้นที่โล่งๆทั้งนั้นเลยครับ ยิ่งตอนไปยืนอยู่ตรงวังน้ำเขียว มองไปทางไหนแทบไม่เห็นเป็นป่าแล้วครับ นั่นไงครับป่าที่หายไป หายไปไหน หายไปเป็นที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจไงครับ พื้นที่ป่าพวกนี้แหละครับ รวมๆแล้วไปทำได้ไม่รู้ตั้งกี่เขื่อน
อาจจะจริงครับ ว่า ป่า ไม่เกี่ยวกับฝนที่ตก แต่ว่า ป่า เกี่ยวกับปริมาณความชื้นสะสมในพื้นที่แน่นอนครับ มันคือแหล่งน้ำสำรองที่เรามองไม่เห็นไงครับ แหล่งน้ำไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหนอง เป็นบึง เป็นแม่น้ำให้เห็นชัดๆเสมอไปครับ เอาง่ายๆครับต้องลองไปพื้นที่ป่าต้นน้ำดูครับ หรือว่าตามพวกน้ำตกจะเห็นได้ชัดครับว่า ที่ตรงไหนมีน้ำตกแถวนั้นมักจะมีป่าอุดมสมบูรณ์เสมอ เอ๊ะ หรือว่าเพราะมีน้ำตกเลยมีป่า หรือว่าเพราะมีป่าเลยมีน้ำตก น่าคิดนะครับ ^_^
เขียนมาซะยาว สรุปคือ ผมเห็นด้วยกับเขื่อนนะ แต่ผมก็ไม่อยากให้คนมองข้ามความสำคัญของป่าไป บางอย่างเรายังไม่รู้หรอกครับจนกว่ามันจะมาถึงตัว เหมือนอย่างเช่นเรื่องโลกร้อน ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเยอะแยะนะครับที่พยายามจะเชื่อว่า โลกมันก็เป็นปกติของมันแหละ น้ำแข็งขั้วโลกละลายเรอะ ไม่เกี่ยวไรกะตูนี่หว่า น้ำมันจะหมดโลกแล้วนะหรอ โฮะๆ ปั้มยังมีอยู่เลย ตังก็มี กลัวไร ยังไงก็พยายามมองอย่าให้เป็นเรื่องไกลตัวเกินไปครับ