จากมติชนออนไลน์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเผย ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเกี่ยวกับปัญหาช่องปากหลายพันคนมีโอกาสเสี่ยงติดโรคเอดส์และไวรัสตับอักเสบ

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าโฆษกหน่วยงานด้านสุขภาพนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย เตือนผู้ที่เข้ารับการรักษาเกี่ยวกับปัญหาด้านช่องปากที่คลินิก 2 แห่งในกรุงซิดนีย์อย่างน้อย 11,000 คน มีโอกาสที่จะติดเชื้อเอชไอวี และเชื้อไวรัสตับอักเสบ(Hepatitis) เนื่องมาจากขาดความสะอาดและเครื่องมือที่ใช้ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญกำลังเร่งติดต่อผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

โดยคลินิกทั้ง 2 แห่งคือ เจนเทิล เดนทอล (Gentle Dental) และ เซอร์รี ฮิลล์ แอนด์ บอนดี จังชั่น (Surry Hills and Bondi Junction) ภายใต้การดูแลของ ดร.โรเบิร์ต สตาร์เกนเบิร์ก

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ดร.สตาร์เกนเบิร์ก วัย 75 ปี ที่ถูกไล่ออกจากทันตแพทยสภาออสเตรเลีย เนื่องจากการรักษาความสะอาดของอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในคลินิกของเขาบางครั้งก็หละหลวม

ขณะที่ ดร.แซมซัน ชาน จากคลินิกเจนเทิล เดนทอล พร้อมด้วยผู้ช่วยแพทย์อีก 4 คน ก็ถูกระงับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวแนะนำเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยคนใดที่เคยมีประวัติการรักษาช่องปากที่คลินิกทั้ง 2 แห่ง ให้ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลอย่างละเอียดเพื่อเป็นการป้องกันและรักษาได้ทันเวลาหากพบว่าติดเชื้อดังกล่าว