การชมซากุระนั้นมีหลักง่ายๆแต่ทำยากคือ
ไปตอนที่ซากุระ Full bloom
ตอนที่ซากุระ Full bloom หรือบานเต็มที่นั้นทั้งต้นจะมีแต่ดอกสะพรั่งไม่มีใบแซม เป็นช่วงที่ต้นซากุระงดงามที่สุด
แต่ละปีซากุระจะอยู่ในช่วง Full bloom แสนสั้นแค่ 2-3 วันเท่านั้น
ช่วงเวลาที่สามารถชมขณะที่ซากุระคงความงามอยู่นั้น
ส่วนตัวผมให้ก่อนหน้า Full bloom 1 วัน + Full bloom 3 วัน + ช่วงเลย Full bloom อีก 1 วัน รวมแค่ 5 วัน
นี่ยังไม่รวมการชดเชยสภาพอากาศ ที่หากมีฝน มีลมแรง ดอกซากุระจะร่วงเร็วขึ้น ช่วงเวลาสั้นลงอีก
ชาวญี่ปุ่นเจ้าถิ่นเองก็รอคอยการบานของซากุระอย่างจริงจังทุกๆปี
ทั้งสำนักข้อมูลการท่องเที่ยวที่รายงานสภาพซากุระ
ทั้งแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจังหวัด ต่างติดตามรายงานภาพต้นซากุระตั้งแต่ดอกเริ่มเป็นตุ่มเตรียมบาน
ผ่านเว็บไซต์หรือ Facebook page ของตนเอง เพื่อให้ข้อมูลแก่นักเดินทางเดินทางมาชมซากุระในช่วงที่ดีที่สุด
การไปชมซากุระที่ดังๆแหล่งมหาชนนั้น เรานักท่องเที่ยวสามารถทราบข้อมูลได้ไม่ยาก
ทั้งข่าวจากสำนักข่าวญี่ปุ่น หรือรีวิวจากเพื่อนๆชาวไทยกันเองครับ
อย่างที่ทริปชมซากุระใน Tokyo นี้ผมไปวันที่ 1 เมษายน
ช่วงก่อนเดินทางจะลุ้นสุดๆว่าพวกโรงแรม ,Pass รถไฟ ที่เตรียมไว้จะใช้งานปรับตามการบานของซากุระได้ไหม
ติดตามข่าวบางสำนักที่ญี่ปุ่นรายงานว่า Full bloom แล้วในวันที่ 29 มีนาคม บางสำนักก็รายงานว่าวันที่ 30 มีนาคม
แปลว่าวันที่ 1 เมษายน ยังสวยอยู่ แต่ที่น่าหนักใจกว่าคือพยากรณ์อากาศที่แจ้งว่ามีฝนบางๆแทบทุกวันในช่วงนั้น
ข้อมูลที่ควรทราบหากจะไปชมซากุระที่ญี่ปุ่น
1.ซากุระที่ญี่ปุ่นนั้นจะบานเริ่มจากที่ที่อุณหภูมิสูงก่อน นั่นคือทางใต้ขึ้นเหนือ (ตรงข้ามกับใบไม้เปลี่ยนสีที่แดงจากเหนือลงใต้)
ประมาณ
สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมีนาคม ซากุระจะเริ่มบานเกาะใต้สุดคือ เกาะ
Kyushu และสิ้นสุดฤดูกาลที่เกาะเหนือสุดคือเกาะ
Hokkaido ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม
2. Full bloom ของซากุระจะต่างกันในแต่ละปีตามสภาพอากาศ ปีไหนร้อนเร็วซากุระก็จะบานเร็ว
3.แม้ว่าแต่ละปีบานไม่ตรงกัน แต่ลำดับการบานนั้นต่อคิวกันเสมอ ใต้ขึ้นเหนือ พื้นที่ราบก่อนบนภูเขา
เช่น ไปไม่ทัน Osaka/Kyoto ก็ไปชมจังหวัดที่อยู่เหนือขึ้นไป เช่น Shiga , Fukui , Ishikawa
ถ้ามา Osaka/Kyoto แล้วปีนี้บานช้ายังไม่บาน ก็ไปจังหวัดที่อยู่ทิศใต้ที่บานเร็วกว่า เช่น Wakayama
3.จะใช้ซากุระพันธุ์มาตรฐาน
Somei Yoshino ที่มีมากในญี่ปุ่นเป็นเกณฑ์
พันธุ์ Somei Yoshino เป็นซากุระที่มีห้ากลีบ สีขาวอมชมพูจางๆ
4.สำนักข้อมูลที่รายงานสภาพซากุระของญี่ปุ่น แนะนำให้ไว้พิจารณาข้อมูลแบบพยากรณ์ล่วงหน้าดีกว่า
หากต้องการทราบข้อมูลแบบสดๆควรดูจากกรุ๊ปใน Facebook หรือเพจท่องเที่ยวที่รายงานสดดีกว่า
เพราะสำนักข้อมูลญี่ปุ่นมีจำนวนจุดต้องรายงานมาก บางครั้งทำให้ข้อมูลจุดที่เราต้องการจะไปไม่ Update
เช่น รายงานว่า Full bloom แล้วแต่เวลาผ่านไปไม่ได้ Update ว่า ที่นี่เลย Full bloom ไปแล้วเท่าไร
หรือเลย Full bloom แล้วแต่ไปเอารูปของต้นที่ดีที่สุดมาลงรายงาน
พอไปจริงๆหน้างานร้อยกว่าต้นมีต้นที่ถ่ายรูปมาสวยนั้นเหลือต้นเดียว เพื่อนๆดอกหล่น ออกใบกันหมดแล้ว
นี่เรื่องจริงครับผมโดนมาแยะแล้ว...
เอาล่ะครับไปชมภาพกันดีกว่า รีวิวนี้เน้นภาพให้ดูกันเพลินๆไม่ได้มีข้อมูลหรือตัวเลขมากมายเหมือนรีวิวรถไฟ
เริ่มที่แหล่งชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ Tokyo กันก่อนเลย
สวน Ueno นั่นเอง
วิธีการเดินทาง
สวน Ueno ไปง่ายมากๆครับ มีรถไฟ รถใต้ดินผ่านเพียบ
1.
JR Ueno ใช้ทางออก
Park exit ด้านทิศตะวันตกครับ
(ภาพแผนที่นี้ ทิศเหนืออยู่ด้านขวามือ)
2.
Tokyo metro Ueno รถใต้ดินสาย
Ginza Line และ
Hibiya Line ขึ้นบันไดเลื่อนมาตามป้าย JR Ueno แล้วไปทางทิศตะวันตก
3.
Keisei Ueno สายเอกชนออกมาหันซ้ายเดินนิดนึงก็ถึงครับ
สายเอกชน
Keisei นี้มีรถด่วนไปสนามบิน Narita คือ Limited Express
"Skyliner" คู่แข่งของ Limited Express
"์Narita Express" ของ
JR East ไงล่ะครับ
การเดินชมสวน ผมใช้เส้นทางจากจุด
A ไปหาจุด
B แล้วออกไปนั่งรถไฟกลับ
สวน Ueno สมกับเป็นที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ต้นซากุระขนาดใหญ่จำนวนมากสองข้างทางที่ดอกแทบจะชนกัน
เป็นอุโมงค์ซากุระที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นครับที่นี่
แม้ว่าวันที่ 1 เมษายนนี้ ฟ้าครึ้มมีฝนโปรยๆทั้งวัน
ฟ้าแม้จะไม่สดใส แต่ทำให้แหงนมองดอกซากุระได้อย่างสบายตา เห็นรายละเอียดได้ครบถ้วนจริงๆ
ที่นี่เป็นที่ที่พบนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดครับ พบชาวต่างชาติที่นี่มากที่สุด
หนาแน่นคือจำนวนคนเทียบกับพื้นที่
ทางเดินในสวนก็ไม่ได้แคบมาก แต่ฤดูใบไม้ผลินี้นักท่องเที่ยวต่างมาชมซากุระจนทางเดินเหมือนแคบลงเหลือนิดเดียว
จากจุด
A วนซ้ายไปจุด
B ตามแผนที่หันขวาจะเจอ
Benten Hall ที่อยู่กลางน้ำ
แปลว่าอุโมงค์ซากุระจบบริเวณนี้ครับ
ที่ต่อไปไปกันบริเวณวัด
Asakusa ครับ แถวนี้มีที่เจ๋งๆให้ถ่ายรูปคู่กับซากุระเยอะดี
วิธีการเดินทาง
แนะนำสถานี
Asakusa ของ
Tokyo metro Ginza line (กรอบน้ำเงิน) เพราะเดินไปวัด Asakusa ใกล้มากๆครับ
ใครดูแผนที่จะงงว่าทำไมมีสถานี Asakusa เยอะจัง ผมตีกรอบบอกว่าเป็นของใครในแผนที่แล้วนะครับ
เวลาใช้งานใน
Hyperdia.com หรือ
Google map จะได้ไม่งง
รถใต้ดิน Tokyo metro Ginza line นี่สายแรกของประเทศเลยนะครับ มาจาก Ueno ต่อเดียวได้เลย
เริ่มจากจุด
A บริเวณทางเข้าไปวัด Asakusa เลยซอยที่ขายของเยอะๆ
จุดนี้แม้ซากุระไม่อลังเว่อร์ แต่ได้เข้าเฟรมกับที่เที่ยวสุดฮิตของพวกเรา จึงต้องมาครับ
จากนั้นหันหน้าเข้าวัด เลี้ยวขวาไปจุด
B ชมต้นซากุระที่อยู่ริมแม่น้ำ
Sumida
แถวนี้สามารถถ่ายรูปซากุระคู่กับ
Tokyo Sky Tree ได้ครับ
ไปที่จุด
C กัน บนสะพานนี้เป็นมุมไกลที่จะเห็นซากุระจำนวนมากเป็นแนวยาว
มีแถวขึ้นเรือ
Tokyo Cruise หากรอสักพักจะมีขบวนรถไฟ Limited Express สวยๆของบริษัท
Tobu มาร่วมเฟรมด้วย
ขบวนที่เห็นนี้คือ Limited Express
"Ryomo" รุ่น
200 Series ที่เริ่มวิ่งมาตั้งแต่ปี
1991 ครับ

ตอนแรกกะจะข้ามฝั่งไปชมซากุระที่สวน Sumida
(กรอบแดงขวามือ) แต่ฝนเริ่มหนักขึ้นเลยย้ายที่ครับ
ผมปิดท้ายวันแรก 1 เมษายน ด้วยที่ที่ดังมากๆอีกแห่งคือ
สวน Inokashira
ที่ในฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเต็มไปด้วยความหวานของคู่รักที่นั่งเรือชมบึงด้วยกันและความหวานของสีดอกซากุระต้นใหญ่รอบๆบึงครับ
วิธีการเดินทาง
แนะนำรถไฟสถานี
JR Kichijoji ใช้ทางออกทิศใต้
Park exit เดินประมาณ 5 นาทีครับ
ส่วนรถใต้ดินสถานี
Inokashirakoen นี่ก็ใกล้ครับ
(Koen แปลว่าสวน)
แต่ที่ผมเลือก JR Kichijoji เพราะกะว่าขากลับจะแวะ
Rilakkuma store ที่อยู่ทิศเหนือของสถานี แต่ก็ไม่ได้ไปครับไปดูซากุระก่อนฤดูนี้
ซูมๆแผนที่สวนครับ จุดถ่ายรูปมุมดีมากๆคือบนสะพานครับ
ซากุระที่รอบบึงในสวน Inokashira แห่งนี้ต้นทั้งสูงใหญ่และมีกิ่งยื่นไปในบึงยาวมากๆครับ
ชมซากุระวันแรกของทริปฟ้าครึ้มทั้งวันเลย นี่เป็นแดดแรกของวันเลยครับ
คนที่นั่งเรือนี่สามารถใกล้ชิด ต้นซากุระได้ไม่แพ้ที่คนที่มาปิคนิคริมทางเดินรอบสวนเลยครับ
มาที่สะพานแล้วครับ
ตำแหน่งยอดฮิตที่ถ่ายรูปกันบนสะพานครับ ช่วงบ่ายแก่ๆจุดนี้ถ่ายได้ตามแสงครับสบายๆ
ตอนนี้แสงเริ่มจะหมดแล้วครับ
ข้ามไปอีกฝั่ง คล้ายกับอีกฝั่งคือมีลานกว้างให้นั่งเฮฮากัน และทางเดินริมบึง
ฝั่งนี้เป็นทางเดินที่ไม่มีเก้าอี้ให้คนนั่ง จึงสามารถถ่ายรูปในบึงได้ง่ายกว่าครับ
กิ่งซากุระยื่นไปในบึงยาวเลย ต้องมีที่รองรับกิ่งไว้ในน้ำด้วยครับ
ใบนี้ข้ามสะพานกลับไปฝั่งเดิม
ปิดท้าย
สวน Inokashiraด้วยใบนี้ครับ แม้สวนไม่ใหญ่มาก
แต่ซากุระกับเรือในบึงทำให้มีมุมสวยๆมากมายเลยครับ เดินชมซากุระ เดินถ่ายรูปได้ไม่เบื่อ
[CR] [The March of Sakura 2015 : Tokyo] ไปเที่ยวชมซากุระในที่สุดฮิตของ Tokyo กันครับ
ตอนที่ซากุระ Full bloom หรือบานเต็มที่นั้นทั้งต้นจะมีแต่ดอกสะพรั่งไม่มีใบแซม เป็นช่วงที่ต้นซากุระงดงามที่สุด
แต่ละปีซากุระจะอยู่ในช่วง Full bloom แสนสั้นแค่ 2-3 วันเท่านั้น
ช่วงเวลาที่สามารถชมขณะที่ซากุระคงความงามอยู่นั้น
ส่วนตัวผมให้ก่อนหน้า Full bloom 1 วัน + Full bloom 3 วัน + ช่วงเลย Full bloom อีก 1 วัน รวมแค่ 5 วัน
นี่ยังไม่รวมการชดเชยสภาพอากาศ ที่หากมีฝน มีลมแรง ดอกซากุระจะร่วงเร็วขึ้น ช่วงเวลาสั้นลงอีก
ชาวญี่ปุ่นเจ้าถิ่นเองก็รอคอยการบานของซากุระอย่างจริงจังทุกๆปี
ทั้งสำนักข้อมูลการท่องเที่ยวที่รายงานสภาพซากุระ
ทั้งแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจังหวัด ต่างติดตามรายงานภาพต้นซากุระตั้งแต่ดอกเริ่มเป็นตุ่มเตรียมบาน
ผ่านเว็บไซต์หรือ Facebook page ของตนเอง เพื่อให้ข้อมูลแก่นักเดินทางเดินทางมาชมซากุระในช่วงที่ดีที่สุด
การไปชมซากุระที่ดังๆแหล่งมหาชนนั้น เรานักท่องเที่ยวสามารถทราบข้อมูลได้ไม่ยาก
ทั้งข่าวจากสำนักข่าวญี่ปุ่น หรือรีวิวจากเพื่อนๆชาวไทยกันเองครับ
อย่างที่ทริปชมซากุระใน Tokyo นี้ผมไปวันที่ 1 เมษายน
ช่วงก่อนเดินทางจะลุ้นสุดๆว่าพวกโรงแรม ,Pass รถไฟ ที่เตรียมไว้จะใช้งานปรับตามการบานของซากุระได้ไหม
ติดตามข่าวบางสำนักที่ญี่ปุ่นรายงานว่า Full bloom แล้วในวันที่ 29 มีนาคม บางสำนักก็รายงานว่าวันที่ 30 มีนาคม
แปลว่าวันที่ 1 เมษายน ยังสวยอยู่ แต่ที่น่าหนักใจกว่าคือพยากรณ์อากาศที่แจ้งว่ามีฝนบางๆแทบทุกวันในช่วงนั้น
ข้อมูลที่ควรทราบหากจะไปชมซากุระที่ญี่ปุ่น
1.ซากุระที่ญี่ปุ่นนั้นจะบานเริ่มจากที่ที่อุณหภูมิสูงก่อน นั่นคือทางใต้ขึ้นเหนือ (ตรงข้ามกับใบไม้เปลี่ยนสีที่แดงจากเหนือลงใต้)
ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมีนาคม ซากุระจะเริ่มบานเกาะใต้สุดคือ เกาะ Kyushu และสิ้นสุดฤดูกาลที่เกาะเหนือสุดคือเกาะ Hokkaido ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม
2. Full bloom ของซากุระจะต่างกันในแต่ละปีตามสภาพอากาศ ปีไหนร้อนเร็วซากุระก็จะบานเร็ว
3.แม้ว่าแต่ละปีบานไม่ตรงกัน แต่ลำดับการบานนั้นต่อคิวกันเสมอ ใต้ขึ้นเหนือ พื้นที่ราบก่อนบนภูเขา
เช่น ไปไม่ทัน Osaka/Kyoto ก็ไปชมจังหวัดที่อยู่เหนือขึ้นไป เช่น Shiga , Fukui , Ishikawa
ถ้ามา Osaka/Kyoto แล้วปีนี้บานช้ายังไม่บาน ก็ไปจังหวัดที่อยู่ทิศใต้ที่บานเร็วกว่า เช่น Wakayama
3.จะใช้ซากุระพันธุ์มาตรฐาน Somei Yoshino ที่มีมากในญี่ปุ่นเป็นเกณฑ์
พันธุ์ Somei Yoshino เป็นซากุระที่มีห้ากลีบ สีขาวอมชมพูจางๆ
4.สำนักข้อมูลที่รายงานสภาพซากุระของญี่ปุ่น แนะนำให้ไว้พิจารณาข้อมูลแบบพยากรณ์ล่วงหน้าดีกว่า
หากต้องการทราบข้อมูลแบบสดๆควรดูจากกรุ๊ปใน Facebook หรือเพจท่องเที่ยวที่รายงานสดดีกว่า
เพราะสำนักข้อมูลญี่ปุ่นมีจำนวนจุดต้องรายงานมาก บางครั้งทำให้ข้อมูลจุดที่เราต้องการจะไปไม่ Update
เช่น รายงานว่า Full bloom แล้วแต่เวลาผ่านไปไม่ได้ Update ว่า ที่นี่เลย Full bloom ไปแล้วเท่าไร
หรือเลย Full bloom แล้วแต่ไปเอารูปของต้นที่ดีที่สุดมาลงรายงาน
พอไปจริงๆหน้างานร้อยกว่าต้นมีต้นที่ถ่ายรูปมาสวยนั้นเหลือต้นเดียว เพื่อนๆดอกหล่น ออกใบกันหมดแล้ว
นี่เรื่องจริงครับผมโดนมาแยะแล้ว...
เอาล่ะครับไปชมภาพกันดีกว่า รีวิวนี้เน้นภาพให้ดูกันเพลินๆไม่ได้มีข้อมูลหรือตัวเลขมากมายเหมือนรีวิวรถไฟ
เริ่มที่แหล่งชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ Tokyo กันก่อนเลย
สวน Ueno นั่นเอง
วิธีการเดินทาง
สวน Ueno ไปง่ายมากๆครับ มีรถไฟ รถใต้ดินผ่านเพียบ
1. JR Ueno ใช้ทางออก Park exit ด้านทิศตะวันตกครับ (ภาพแผนที่นี้ ทิศเหนืออยู่ด้านขวามือ)
2. Tokyo metro Ueno รถใต้ดินสาย Ginza Line และ Hibiya Line ขึ้นบันไดเลื่อนมาตามป้าย JR Ueno แล้วไปทางทิศตะวันตก
3. Keisei Ueno สายเอกชนออกมาหันซ้ายเดินนิดนึงก็ถึงครับ
สายเอกชน Keisei นี้มีรถด่วนไปสนามบิน Narita คือ Limited Express "Skyliner" คู่แข่งของ Limited Express "์Narita Express" ของ JR East ไงล่ะครับ
การเดินชมสวน ผมใช้เส้นทางจากจุด A ไปหาจุด B แล้วออกไปนั่งรถไฟกลับ
เป็นอุโมงค์ซากุระที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นครับที่นี่
แม้ว่าวันที่ 1 เมษายนนี้ ฟ้าครึ้มมีฝนโปรยๆทั้งวัน
ฟ้าแม้จะไม่สดใส แต่ทำให้แหงนมองดอกซากุระได้อย่างสบายตา เห็นรายละเอียดได้ครบถ้วนจริงๆ
ที่นี่เป็นที่ที่พบนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดครับ พบชาวต่างชาติที่นี่มากที่สุด
หนาแน่นคือจำนวนคนเทียบกับพื้นที่
ทางเดินในสวนก็ไม่ได้แคบมาก แต่ฤดูใบไม้ผลินี้นักท่องเที่ยวต่างมาชมซากุระจนทางเดินเหมือนแคบลงเหลือนิดเดียว
จากจุด A วนซ้ายไปจุด B ตามแผนที่หันขวาจะเจอ Benten Hall ที่อยู่กลางน้ำ
แปลว่าอุโมงค์ซากุระจบบริเวณนี้ครับ
ที่ต่อไปไปกันบริเวณวัด Asakusa ครับ แถวนี้มีที่เจ๋งๆให้ถ่ายรูปคู่กับซากุระเยอะดี
วิธีการเดินทาง
แนะนำสถานี Asakusa ของ Tokyo metro Ginza line (กรอบน้ำเงิน) เพราะเดินไปวัด Asakusa ใกล้มากๆครับ
ใครดูแผนที่จะงงว่าทำไมมีสถานี Asakusa เยอะจัง ผมตีกรอบบอกว่าเป็นของใครในแผนที่แล้วนะครับ
เวลาใช้งานใน Hyperdia.com หรือ Google map จะได้ไม่งง
รถใต้ดิน Tokyo metro Ginza line นี่สายแรกของประเทศเลยนะครับ มาจาก Ueno ต่อเดียวได้เลย
จุดนี้แม้ซากุระไม่อลังเว่อร์ แต่ได้เข้าเฟรมกับที่เที่ยวสุดฮิตของพวกเรา จึงต้องมาครับ
จากนั้นหันหน้าเข้าวัด เลี้ยวขวาไปจุด B ชมต้นซากุระที่อยู่ริมแม่น้ำ Sumida
แถวนี้สามารถถ่ายรูปซากุระคู่กับ Tokyo Sky Tree ได้ครับ
ไปที่จุด C กัน บนสะพานนี้เป็นมุมไกลที่จะเห็นซากุระจำนวนมากเป็นแนวยาว
มีแถวขึ้นเรือ Tokyo Cruise หากรอสักพักจะมีขบวนรถไฟ Limited Express สวยๆของบริษัท Tobu มาร่วมเฟรมด้วย
ขบวนที่เห็นนี้คือ Limited Express "Ryomo" รุ่น 200 Series ที่เริ่มวิ่งมาตั้งแต่ปี 1991 ครับ
ตอนแรกกะจะข้ามฝั่งไปชมซากุระที่สวน Sumida (กรอบแดงขวามือ) แต่ฝนเริ่มหนักขึ้นเลยย้ายที่ครับ
ผมปิดท้ายวันแรก 1 เมษายน ด้วยที่ที่ดังมากๆอีกแห่งคือ สวน Inokashira
ที่ในฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเต็มไปด้วยความหวานของคู่รักที่นั่งเรือชมบึงด้วยกันและความหวานของสีดอกซากุระต้นใหญ่รอบๆบึงครับ
วิธีการเดินทาง
แนะนำรถไฟสถานี JR Kichijoji ใช้ทางออกทิศใต้ Park exit เดินประมาณ 5 นาทีครับ
ส่วนรถใต้ดินสถานี Inokashirakoen นี่ก็ใกล้ครับ (Koen แปลว่าสวน)
แต่ที่ผมเลือก JR Kichijoji เพราะกะว่าขากลับจะแวะ Rilakkuma store ที่อยู่ทิศเหนือของสถานี แต่ก็ไม่ได้ไปครับไปดูซากุระก่อนฤดูนี้
ซูมๆแผนที่สวนครับ จุดถ่ายรูปมุมดีมากๆคือบนสะพานครับ
ซากุระที่รอบบึงในสวน Inokashira แห่งนี้ต้นทั้งสูงใหญ่และมีกิ่งยื่นไปในบึงยาวมากๆครับ
ชมซากุระวันแรกของทริปฟ้าครึ้มทั้งวันเลย นี่เป็นแดดแรกของวันเลยครับ
คนที่นั่งเรือนี่สามารถใกล้ชิด ต้นซากุระได้ไม่แพ้ที่คนที่มาปิคนิคริมทางเดินรอบสวนเลยครับ
มาที่สะพานแล้วครับ
ตำแหน่งยอดฮิตที่ถ่ายรูปกันบนสะพานครับ ช่วงบ่ายแก่ๆจุดนี้ถ่ายได้ตามแสงครับสบายๆ
ตอนนี้แสงเริ่มจะหมดแล้วครับ
ข้ามไปอีกฝั่ง คล้ายกับอีกฝั่งคือมีลานกว้างให้นั่งเฮฮากัน และทางเดินริมบึง
ฝั่งนี้เป็นทางเดินที่ไม่มีเก้าอี้ให้คนนั่ง จึงสามารถถ่ายรูปในบึงได้ง่ายกว่าครับ
กิ่งซากุระยื่นไปในบึงยาวเลย ต้องมีที่รองรับกิ่งไว้ในน้ำด้วยครับ
ใบนี้ข้ามสะพานกลับไปฝั่งเดิม
ปิดท้ายสวน Inokashiraด้วยใบนี้ครับ แม้สวนไม่ใหญ่มาก
แต่ซากุระกับเรือในบึงทำให้มีมุมสวยๆมากมายเลยครับ เดินชมซากุระ เดินถ่ายรูปได้ไม่เบื่อ