สำหรับในกระทู้ เราขอแทคห้องการ์ตูนด้วยนะครับ
Fatal Frame Movie (Gekijōban Zero 劇場版 零〜ゼロ〜)
ผู้กำกับ :Mari Asato
เขียนบท:Eiji Ōtsuka (เจ้าของผลงานเรื่อง คุโรซากิ บริษัทขนศพจำกัด)
ตอนที่ได้ยินเรื่อง หนัง Fatal Frame เมื่อปีก่อน ซักปีกว่าๆ ได้ยินข่าวว่าจะมีการสร้างหนัง Fatal Frame ขึ้นมา ตอนแรก เรารู้สึกดีใจมากๆ แต่เวลาผ่านไป 1 ปีกว่าๆ เรามีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ หลังจากดูจบไปแล้ว ก็แอบรู้สึกผิดหวังนิดๆ
Review
สำหรับหนังเรื่องนี้ เท่าที่ดูแล้ว หนังค่อนข้างจะตัดฉากแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ยไปพอสมควร ตัวหนังดำเนินเรื่องค่อนข้างจะช้า(เอามากๆ)กว่าจะเดินเรื่องได้จริงๆ ก็ปาไปเกือบครึ่งเรื่องแล้ว เพราะเน้นโฟกัสไปหลายตัวละครมากเกินไป รวมถึง เหตุผลของการกระทำของตัวละครบางตัวที่ไม่สมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ด้วย ในส่วนของนักแสดงตัวหลัก ถือว่าสอบผ่านกัน ส่วนเรื่อง ความสยองขวัญ สำหรับเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับหนังผี ญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆแล้ว หนังเรื่องนี้แทบไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียว (ฉากตุ้งแช่ ยังไม่มีให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว) สำหรับคอหนัง Fatal Frame ถ้ามาดูเรื่องนี้ล่ะก็ อาจจะผิดหวัง เพราะในเรื่องมันแทบจะไม่มีฉากถ่ายรูปทำร้ายผีเลยแม้แต่นิดเดียว.....
Spoil
ในส่วน Spoil เนิ้อเรื่อง เราจะสรุปสปอย เป็นข้อๆ นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-เนื้อเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนคาโธลิก หญิงล้วนแห่งหนึ่ง ที่มีข่าวลือว่า หากจูบรูปของคนที่ตัวเอกรักในตอนเที่ยงคืน จะทำให้คู่นั้นสมหวัง
-อายะตัวเอกของเรื่อง เป็นคนที่ Popular ในหมู่เด็กนักเรียนหญิง อยู่มาวันหนึ่ง เธอได้ขังตัวเองอยู่ในห้องพักและไม่ออกไปไหนเลย
-คาสุมิ เพื่อนของอายะ อยากให้อายะกลับมาหาตัวเอง ในตอนเที่ยงคืน คาซุมิ จูบรูปของอายะ
-ริสะกับอิทซึกิสองเพื่อนรัก โดดเรียน และคุยเรื่องเกี่ยวกับข่าวลือของโรงเรียน Miss Mary หญิงสาวในชุดกอธิค โลลิต้าได้เข้ามาขัดจังหวะวงสนทนาจนคู่ริเสะกับอิทซึกิชิ่งไปก่อน
-ในคาบเรียน เกษตร คาสุมิได้หายตัวไป ต่อหน้าต่อตาของคาสุมิ
-ในตอนเที่ยงคืน มิจิ (ตัวเอกของเรื่องอีกคน)แอบเข้าไปในห้องของคาสุมิ และเก็บรูปของอายะไว้
-วิญญาณอายะเริ่มเข้ามาหา มิจิและบอกว่า "ให้ปลดปล่อย คำสาปนี้ "
-หลังเลิกคาบเรียน มิจิ เป็นลมไป ริสะกับอิทสึกิแบกร่างของ มิจิเข้ามาให้ห้องของมิจิ และทั้งคู่เห็นรูปอายะในห้องของมิจิ ทั้งคู่เอารูปไปตั้งไว้ที่ห้องสวดมนต์ ระหว่างนั้น ริเสะเห็นภาพนิมิตร ของอายะ เข้ามาบอกว่า "ให้ปลดปล่อยคำสาปนี้"
-หลังจากมิจิ ฟื้นตัว ทั้ง 3 คนได้คุยถึงเรื่องข่าวลือในโรงเรียนและนิมิตรที่เห็นอายะ
- ในคืนนั้น อิทสึกิไปห้องสวดมนต์เพื่อจูบรูปของอายะ แต่เจ้าตัวโดนริสะชิงรูปและจูบรูปอายะตัดหน้าไปก่อน
- วันต่อมา ในที่ประชุมของโรงเรียน ผ.อ ประกาศว่า อิทสึกิหายตัวไป และทันใดนั้น มิจิเห็นภาพนิมิตรของ อายะ ร่างของอายะค่อยลอยเข้ามาหาและนักเรียนหญิงค่อยๆล้มลงไปทีละคน รวมถึงมิจิ
- ครูคนหนึ่งที่มีชื่อว่า มายูมิ อาโซะ หยิบมือถือของนักเรียนคนหนึ่งมาดู พบว่า ในมือถือมีรูปของอายะอยู่
- วันต่อมา นักเรียน 3 คนได้หายไปตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากนั้น ลูกชายของแมรี่ ซุซุมุ คุซานางิ ได้บังเอิญถ่ายรูปที่แม่น้ำแห่งหนึ่งและพบศพของนักเรียนหญิงที่หายตัวไป รวมทั้งหมด 5 คนด้วยกัน
-คุโระ คาราสุและ เคย์โกะ มากิโนะ จากบริษัทขนส่งศพ ได้เข้ามาโรงเรียน เพื่อ
- ริสะกลัวว่าตัวเองจะหายตัวไป เลยขอไปนอนกับมิจิ เช้าวันต่อมา ริสะหายตัวไป
- มิจิเสียใจมาก และเดินเข้าที่หน้าห้องของอายะ เพื่อเรียกอายะให้ออกมา แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
-มิจิเห็นภาพนิมิตรของอายะอีกครั้งหนึ่ง และตัดสินใจที่จะจูบรูปของอายะ แต่อายะตัวจริงมาขัดขวางไว้ได้ทัน
-อายะเล่าให้มิจิฟังว่า ตนเองฝันประหลาด เรื่องที่เด็กผู้หญิงคล้ายตนจมน้ำ และบอกกับเธอ ให้ปลดปล่อยคำสาปนี้
-เพื่อหาวิธีแก้ไข คำสาป ทั้งมิจิและอายะ เดินทางไปหา แมรี่ หญิงสาวในชุดโกธิค โลลิต้า
-แมรี่เล่าว่า ตนนั้นไม่รู้วิธีแก้ไขคำสาป แต่เจ้าตัวรู้ความจริงของคำสาป ซึ่งแท้จริงแล้ว มัน คือ พิธีกรรม อย่างหนึ่งในสมัย ยุคเมจิ ที่หญิงสาวที่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน ไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้ ใช้วิธี จูบรูปของตัวเอง ก่อนที่จะฆ่าตัวตายด้วยกัน ด้วยวิธีทำให้ตัวเองจมน้ำไปด้วยกัน เพื่อที่คู่รัก สามารถอยู่ด้วยกันได้ในโลกหน้า แต่หากใครสักคนลังเลขึ้นมาไม่ตายด้วยกัน คำสาปจะทำงาน คนที่ตายไปจะตามมาหลอกหลอน คู่ของตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่ตลอดไป
- ในคืนหนึ่ง ระหว่างที่ คุโระ คาราสุกับ เคย์โกะ มากิโนะ กำลังขับรถกับตอนกลางคืน ทั้งคู่พบริสะที่หายตัวไป ทั้งคู่พาริสะกลับมาที่โรงเรียน
- คาราสุ เรียกวิญญาณของ ริเสะกลับมา เจ้าตัวเปิดเผยว่า ต้องการจะตามหาคนที่เหมือนกับอายะและแก้ไขคำสาป
-มิจิและอายะ คิดว่า สถานที่ต้นตอของคำสาป น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
- มิจิตัดสินใจที่จะแก้ไขคำสาปด้วยการจูบรูปของคนที่หน้าเหมือนอายะและผูกเชือกสีแดงที่ข้อมือของตนและอายะ เผื่อไว้ว่าถ้าตัวเองหายตัวไป อายะจะตามไปดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
-มิจิในสภาพไม่ได้สติ เดินเข้าไปในป่าพร้อมกับอายะที่เดินตาม แต่เกิดแผ่นดินไหวจนเชือกที่ทั้งสองคนผูกเอาไว้ขาดออกจากกัน มิจิที่ไร้สติเดินหายไปในป่า
-ตอนเช้า อายะฟื้นขึ้นมาและตามหามิจิ แต่ระหว่างทาง ได้เจอกับ ทาคาชิ ที่เป็นคนสวนและเป็นน้องชายของครูมายูมิ
-ทาคาชิ เอาไม้ตีใส่อายะจนสลบและพาเธอไปยังบ้านหลังหนึ่งที่มีแท็งค์น้ำขนาดใหญ่ ทาคาชิ โยนอายะลงไปในแท็งค์น้ำ
-ในขณะเดียวกัน มิจิที่ไร้สติเดินมาถึงบ้านที่มีแท็งค์น้ำ แต่ก็โดนครู มายูมิตีจนสลบก่อนจะพาร่างของมิจิที่ไม่ได้สติมาที่แม่น้ำเพื่อฆ่าปิดปาก
-ในขณะที่มายูมิกำลังจะฆ่ามิจิ น้องชายของเธอก็เข้ามาซะก่อน มายูมิรู้ว่า ทาคาชิ โยนเด็กผู้หญิงลงไปในน้ำอีกแล้ว ทั้งคู้รีบกลับไปที่บ้านที่มีแท็งค์น้ำ แต่ระหว่างทาง ทาคาชิ พลัดตกลงไปในแม่น้ำ มายูมิพยายามเข้าไปช่วย แต่ชาวบ้านแถวๆนั้น กำลังเดินเข้ามาพอดี มายูมิตัดสินใจที่จะปล่อยให้ตัวเองจมน้ำตายไปพร้อมกับทาคาชิ
-ที่แท็งค์น้ำ อายะที่กำลังจมน้ำได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคนที่เหมือนกับอายะ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว คนนั้น คือ มายะ พี่สาวฝาแฝดของอายะ ที่อายะไม่สามระช่วยเธอได้ตอนที่มายะจมน้ำ
-อายะเสียใจ และบอกกับมายะว่า ตัวเองไม่จากมายะไปอีกแล้ว แต่มายะบอกว่าตัวเองนั้นตายไปนานแล้ว และบอกให้อายะมีชีวิตอยู่ต่อไปในส่วนของเธอ -ร่างของมายะค่อยกลับมาเป็นโครงกระดูกและจมน้ำไป คำสาปได้คลายลงแล้ว
-ในเวลาต่อมา มิจิได้สติ รีบเข้าไปในบ้านที่มีแท็งค์น้ำและช่วยอายะออกมาได้สำเร็จ
-ในเวลาต่อมา มีรายงานของตำรวจบอกว่า พบศพของ ทาคาชิ กับมายูมิ รวมถึงศพของมายูมิที่อยู่ในแท็งค์น้ำด้วย
-รายงานยังระบุด้วยว่า ทาคาชิฆ่า มายะ และมายูมิพี่สาว ได้ปกปิดความผิดของน้องชายไว้ และทั้งคู่ฆ่าตัวตาย เพื่อหนีความผิด
-ในงานวันจบการศึกษาของโรงเรียน แมรี่ได้มาหา ผ.อ ของโรงเรียน และพบว่า ผ.อ ในอดีตนั้น เป็นผู้เริ่มต้นคำสาปนี้
-ในอดีต ผ.อ กับคนรัก ของ ผ.อ ตัดสินใจมาฆ่าตัวตายที่แท็งค์น้ำ แต่ ผ.อ ดันลังเลขึ้นมาซะก่อน เลยไม่ฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นเป็นต้นมา วิญญาณคนรักของ ผ.อ ได้ตามมาหลอกหลอน ผ.อ
-ผ.อ คิดว่า วิธีที่จะหยุดคำสาปนี้ได้ คือ ต้องมีเครื่องสังเวย แกเลยจัดการด้วยการใช้มายะซึ่งเป็นคู่แฝดอายะ มาเป็นเครื่องสังเวยด้วยการทำให้จมน้ำ อายะพยายามจะช่วย แต่ ผ.อ เข้ามาขวางเอาไว้ แต่วิธีนี้ไม่ได้ผล วิญญาณของคนรัก ผ.อ ยังตามหลอน ผ.อ ต่อไป
-ผ.อ คือ คนร้ายตัวจริงที่ฆ่ามายะ ไม่ใช่ ทาคาชิ
-หลังงานจบการศึกษา มิจิตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อในโตเกียว ส่วนอายะยังคงอาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อไป
-ของขวัญส่งลา มิจิของยืมกล้องถ่ายรูปมา ถ่ายอายะ แต่เมื่อมิจิมองผ่านกล้องก็พบ วิญญาณเด็กผู้หญิงที่ตายไปอยู่ในโฟกัสรูปเดียวกันกับอายะด้วย
-มิจิตัดสินใจไม่ถ่ายรูป แต่สัญญากับอายะว่า จะกลับมาถ่ายรูปอายะเมื่อเธอเรียนถ่ายรูปที่โตเกียวจบแล้ว
-อายะสัญญากับมิจิ จะรอมิจิกลับมา
สรุปแล้ว
-เราชอบหนังเรื่องนี้นะ ถึงว่าครึ่งแรกของเรื่องมันจะชวนง่วงก็เถอะ
- โมริคาว่า อาโอย นักแสดงที่แสดงเป็นมิจิ เคยแสดงในเรื่อง The World of Kanako ด้วย (แต่มีบทนิดเดียว)
-หนังเรื่องนี้ สำหรับคอ Fatal Frame อาจจะไม่ถูกใจมากนัก เพราะในเรื่อง แทบจะไม่ได้กล่าวถึง กล้องถ่ายวิญญาณเลยแม้แต่นิดเดียว
[CR] Fatal Frame Movie Review +(Spoil)
Fatal Frame Movie (Gekijōban Zero 劇場版 零〜ゼロ〜)
ผู้กำกับ :Mari Asato
เขียนบท:Eiji Ōtsuka (เจ้าของผลงานเรื่อง คุโรซากิ บริษัทขนศพจำกัด)
ตอนที่ได้ยินเรื่อง หนัง Fatal Frame เมื่อปีก่อน ซักปีกว่าๆ ได้ยินข่าวว่าจะมีการสร้างหนัง Fatal Frame ขึ้นมา ตอนแรก เรารู้สึกดีใจมากๆ แต่เวลาผ่านไป 1 ปีกว่าๆ เรามีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ หลังจากดูจบไปแล้ว ก็แอบรู้สึกผิดหวังนิดๆ
Review
สำหรับหนังเรื่องนี้ เท่าที่ดูแล้ว หนังค่อนข้างจะตัดฉากแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ยไปพอสมควร ตัวหนังดำเนินเรื่องค่อนข้างจะช้า(เอามากๆ)กว่าจะเดินเรื่องได้จริงๆ ก็ปาไปเกือบครึ่งเรื่องแล้ว เพราะเน้นโฟกัสไปหลายตัวละครมากเกินไป รวมถึง เหตุผลของการกระทำของตัวละครบางตัวที่ไม่สมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ด้วย ในส่วนของนักแสดงตัวหลัก ถือว่าสอบผ่านกัน ส่วนเรื่อง ความสยองขวัญ สำหรับเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับหนังผี ญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆแล้ว หนังเรื่องนี้แทบไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียว (ฉากตุ้งแช่ ยังไม่มีให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว) สำหรับคอหนัง Fatal Frame ถ้ามาดูเรื่องนี้ล่ะก็ อาจจะผิดหวัง เพราะในเรื่องมันแทบจะไม่มีฉากถ่ายรูปทำร้ายผีเลยแม้แต่นิดเดียว.....
Spoil
ในส่วน Spoil เนิ้อเรื่อง เราจะสรุปสปอย เป็นข้อๆ นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปแล้ว
-เราชอบหนังเรื่องนี้นะ ถึงว่าครึ่งแรกของเรื่องมันจะชวนง่วงก็เถอะ
- โมริคาว่า อาโอย นักแสดงที่แสดงเป็นมิจิ เคยแสดงในเรื่อง The World of Kanako ด้วย (แต่มีบทนิดเดียว)
-หนังเรื่องนี้ สำหรับคอ Fatal Frame อาจจะไม่ถูกใจมากนัก เพราะในเรื่อง แทบจะไม่ได้กล่าวถึง กล้องถ่ายวิญญาณเลยแม้แต่นิดเดียว