ประสบการณ์รักข้างเดียวใสๆ จากเด็ก มอ ต้น สู่วัยใกล้ทำงาน

สวัสดีค่ะ ชื่อหนึ่งนะคะ ชื่อนี้เป็นชื่อที่ปู่ตั้งให้ตอนเด็ก แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ชื่อนี้นะคะ (ขออนุญาติไม่บอกชื่อจริงๆค่ะ อายมาก) เราเป็นคนนึงที่ชอบฟังเรื่องความรักใสๆ วัยรุ่นมาก เพราะเป็นเด็กติดนิยาย จนมานั่งนึกเรื่องของตัวเองก็ไม่เคยจะได้แชร์กับใคร วันนี้บังเอิญเปิดเพลงเก่าๆฟังปรากฎว่า เจอกับเพลงที่ทำให้ชีวิตวัยรุ่นเรานอนร้องไห้ได้เกือบทุกวันเลยค่ะ วันนี้เลยจะมาเล่าประสบการณ์รักข้างเดียวแบบเด็กๆที่ไม่คิดว่ามันจะยาวนาน มากกกกก ขนาดนี้ค่ะ  ส่วนผู้ชายประเด็นวันนี้ ชื่อ โอมค่ะ
    ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็ก ม. 2 หลายคนอาจจะบอกว่าเราแก่แดดเกินไปมั้ย แต่สำหรับเราในตอนนั้นมันคือ ความรักแบบใสใสโดยแท้จริงเลยค่ะ >< บางทีตอนนั้นคงยังไม่ได้เรียกว่ารักหรอก อาจจะแค่ชอบเฉยๆ ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็กๆมากสูงแค่ 139 มั้งตอนนั้น นิสัยก็ทะโมน ชอบวิ่งเล่นกับเด็กผู้ชาย เล่นอะไรเหมือนผู้ชาย ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องอะไร จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่เริ่มแอบชอบเพื่อนในห้องค่ะ สาเหตุไม่ต้องเดาให้มาก  เพื่อนล้อ นั้นเองหัวใจ  

     โรงเรียนเราอยู่ที่ต่างจังหวัดนะคะ เเต่เป็นโรงเรียนดังในอำเภอนั่นแหละ มีเด็กต่อปีประมาณเกือบสามพันคน เด็กเยอะขนาดนั้นแต่เรานี่แทบจะไม่รู้จักใครเลยค่ะ เรียนมาหกปี รู้จักไม่ถึงร้อยคน เรากับโอมเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่เข้ามอหนึ่ง ตอนแรกนี่แทบจะไม่คุยกันเลย ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เราจะสนิทกับผู้ชายที่เป็นกลุ่มเพื่อนเค้านะ (เพื่อนมันหล่ออมากก เราชอบบ ^^) จนมาเป็นเรื่องเมื่อตอน มอสองปลายๆใกล้ปิดเทอมค่ะ ตอนนั้นนั่งเรียนวิชาภาษาไทยอยู่ แต่ครูไม่อยู่ เด็กเลยเล่นกันตามประสา เพื่อนเรามันนึกคึกพูดขึ้นมากับเพื่อนโอม
เพื่อน   “ไอ้... ไอ้หนึ่งมันชอบนิ แต่งงานกับมันมั้ย”
เพื่อนโอม “อย่าดีกว่า เป็นเพื่อนกันดีกว่าเนอะหนึ่งเนอะ 5555”
แล้วมันก็หัวเราะค่ะ เราก็แบบโหยยหาคนใหม่ก็ได้ เราหันไปหาโอมทันที
“งั้นชอบโอมดีกว่า แต่งงานกันมั้ยย” พูดพร้อมจ้องตาค่ะ ตอนนั้นสนิทกันขึ้นมากว่าเดิมนิดนึงแล้วเพราะรู้จักกันมาปีกว่าแล้วว แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ล้อเพื่อนเล่นจริงๆ ซึ่งปรากฎว่าเงียบ เงียบมากก
เงียบจนเพื่อนล้อ แล้วเราเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าโอมมันเขิน (เพื่อนมันบอกค่ะ) หลังจากนั้นเพื่อนก็ล้อบ้าง หยอกบ้าง เหมือนเด็กในห้องทั่วไปค่ะ แต่เรานี่แหละเริ่มจะไม่ล้อเล่นแล้ว เริ่มคิดจริงจังค่ะ 55555

ค่ายลูกเสือสื่อรัก (จุดเริ่มต้นของการรักข้างเดียว)
    ตอน มอสอง เราไปเข้าค่ายลูกเสือที่ค่ายทหารใกล้ๆ โรงเรียนค่ะ แบบที่รู้กันตอนนั้น เราเริ่มจะเอียงตามเพื่อนล้อแล้ว ตานี่เริ่มจะมองหาผู้ชาย (ขอโทษแม่อย่างแรงง) ตอนจับกลุ่มลูกเสือ เราอยู่คนละกลุ่มกับโอมค่ะ แต่ห่างกันแค่หมู่เดียว เวลาเข้าฐานต่างๆหมู่ของโอมจะเข้าก่อนหมู่เรา ซึ่งมายความว่าเราจะได้เจอกันแค่ตอนเปลี่ยนฐาน เท่านั้น ไม่มีกิจกรรมอะไรร่วมกัน เรื่องรายละเอียดตอนนั้นก็จำไม่ได้มากนะคะ เพราะนานมากแล้ว แต่ที่เราจะได้คือ เราเริ่ม มองหาเค้าตลอดว่า เค้านั่งอยู่ตรงไหน แค่มองเห็นก็ยิ้มปีกฉีกถึงหูแล้วค่ะ
    จนคืนสุดท้าย มีกิจกรรมรอบกองไฟ ซึ่ง การแสดงละครจะแยกตามห้องเรียนค่ะ ซึ่งเราเป็นห้องสุดท้าย แต่แสดงอยู่ในลำดับ ที่8 ทั้งหมดมี 12 ห้องค่ะ เราก็นั่งดูเด็กห้องอื่นไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเพราะยังไม่ถึงคราวตัวเองแสดง เลยตื่นเต้นมาก นั่งคุยกับเพื่อน เล่นไปเรื่อย ซึ่งแถวของห้องเรามีสามแถวนะ ชาวแถว หญิงสอง ซึ่งปรากฎว่าเรานั่งข้างโอม พอดีเป๊ะ จนถึงคิวห้องเราแสดงละคร เราก็ออกไปกับเพื่อน

จนแสดงเสร็จ ก็กลับมานั่งที่เดิมค่ะ แต่ตอนนั้นเริ่มจะไม่ได้นั่งแล้ว ไม่ไหวค่ะ เรานอนตรงนั้นเลย ตรงที่นั่งของพวกเราจะเป็นพื้นคอนกรีต  ซึ่งเราเอาผ้าห่มเล็กๆที่แม่ให้มาไปด้วยผืนนึง (ฉากหลังจากนี้เป็นที่เพื่อนเล่าให้ฟังนะคะ ตัวเองหลับแล้ว) เราหลับคาที่ตรงนั้นเลย เอาผ้าห่มมานอนเป็นหมอน แล้วนอนคู้แบบอากาศเย็น มารู้สึกตัวอีกทีคือตอนร้องเพลงเลิกกิจกรรมแล้ว โอมเป็นคนปลุกเราค่ะ แล้วหัวเราก็หนุนตักเค้าอยู่ด้วย OMG ตอนนั้นแบบเฮ้ย ตกใจมากก อึ้งด้วย หันไปถามเพื่อน เพื่อนเลยบอกว่า เค้ายกหัวเรามาไว้บนตัก แล้วเอาผ้าห่มที่ทำเป็นหมอน มาห่มให้ค่ะ หลังจากวันนั้น เหมือนเราจะเจอรักแรกเข้าแล้ว ตอนนั้น มโนไปด้วยว่าเค้าก็อาจจะชอบเรานิดนึงด้วยนะ 55555
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
นับแต่วันนั้นก็เริ่มรู้ตัวว่าชอบ เค้าเข้าแล้วแหละ หลังจากวันนั้น เราก็เห็นเค้าบ่อยขึ้นมากนอกจากห้องเรียน แต่เราไม่เคยบอกใครเลยนะ เพื่อนสนิทสักคนก็ไม่รู้  เริ่มสังเกตเค้า ว่าเค้าชอบอะไร วันหนึ่งเค้าทำอะไรบ้าง โอมเป็นคนติดเกมมาก ชอบอ่านการ์ตูนมาก จนเรารู้มาว่า ทุกวันหลังเลิกเรียนเค้าจะต้องไปนั่งอ่านหนังสือที่ร้านเช่าหนังสือหน้าโรงเรียน วันนั้นเราเลยถามเพื่อนเค้าค่ะ
เรา “นี่ๆ ร้านเช่านิยายหน้าโรงเรียนนั้น ต้องทำยังไงบ้าง มันอยู่ตรงไหน แล้วถ้าไม่เป็นสาชิกเช่าได้ป่าว”
เพื่อน “เรื่องนี้ต้องถามไอ้โอมเลย มันสนิทกับพี่เจ้าของร้าน”
โอมก็หันมาคุยกับเราค่ะ
“ร้านอยู่ข้างหน้าโรงเรียน ข้ามถนนไปน่ะ ไปมั้ย เดียวพาไปตอนเย็น”
.”ไปๆ แต่ว่าต้องสมัครสมาชิกรึเปล่า ค่าสมัครเท่าไหร่”
“เดี๋ยวหนึ่งเอารหัสเราไว้สมัครก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียค่าสมัครเอง ไปกับเราเดี๋ยวเราบอกพี่เอ็นให้ (N คือพี่เจ้าของร้านเช่าหนังสือค่ะ)
ตอนนั้นลิงโลดมาก ใจเต้นแบบ ยิ้มไม่หุบเลย จนตอนเย็นเลิกเรียนก็ออกไปด้วยกันค่ะ แต่ว่าเราพาเพื่อนเราไปด้วย ไปที่ร้าน เค้าก็บอกพี่เจ้าของร้านให้ว่าต่อไปเราจะใช้รหัสเดียวกับเค้านะ พี่เอ็นก็มองหน้าเรา
“แฟนโอมอ่อ ไม่เคยเห็นหน้า” โอมมันก็ตอบแทน
“เพื่อนห้องเดียวกันพี่”
พี่เอ็น “ดีแล้วแหละ อย่าไปเป็นแฟนกับมัน ไอ้นี่น่ะ วันๆไม่ทำอะไร”
โห พี่เอ็นไม่รู้อะไรเสียแล้ว โอมนี่อยู่ในห้องลำดับต้น ของการเรียนเก่งเลยนะ

เค้าหัวเราะ แล้วก็เดินไปหาหนังสือการ์ตูนอ่านที่มุมของเค้า เราก็ยืนอยู่ข้างโต๊ะพี่เอ็น ทำอะไรไม่ถูก สักพักเค้าก็เดินออกมาบอกว่าได้หนังสือแล้ว แล้วก็พาเราไปเลือกนิยาย จุดเริ่มต้นของเด็กติดนิยายแจ่มใสเลยค่ะ
อ้อ จะบอกว่า โอมไม่หล่อนะ แต่ป็นคนที่ยิ้มน่ารักมาก มีลักยิ้ม มีเขี้ยว ยิ้มทีแบบละสายตาไม่ได้เลย
พอได้ก็เป็นอันเสร็จค่ะ เดินมาจ่ายเงินค่าเช่า แล้วเค้าก็หันมาพูดกับเรา
“ถ้าจะมาวันไหนก็บอกเรานะ พี่เอ็นแกยังจำหน้าไม่ได้ เดี๋ยวไม่ให้เช่า”
แล้วพี่เอ็นก็ขัดค่ะ
“โอ้ย มาเถอะจำได้ รหัสไอ้โอมก็ใช้กันอยู่แค่สองคนเนี่ย แค่บอกก็รู้เรื่องแล้ว”
ตอนนั้นเราจำได้ว่ายิ้มมาก มันเขินทั้งที่ไม่มีเรื่องให้เขินเลย เขินกับเรื่องปกติ สุดท้ายหลังจากวันนั้น เราก็มาร้านเช่าหนังสือกับโอมเกือยทุกเย็นนะ หรือถ้าไม่ได้มาด้วยกันก็จะมาเจอกันที่นี่ สนิทกัน ได้คุยกันเยอะขึ้นด้วยค่ะ

เราเริ่มชอบเค้ามากขึ้นเรื่อยๆค่ะ จะเรียกว่าเริ่มใส่ใจก็ได้ เราจะไปกลับ โรงเรียนด้วยรถรับส่ง ตลอด แล้วเราเพิ่งมารู้ว่า รถรับส่งของโอมจะมีที่ประจำคือจอดรับ เยื้องๆกับรถเรา หลังจากนั้นก็มองเค้าทุกวันค่ะ มองจากในรถเรา เรานั่งด้านหน้า โอมจะนั่งที่กระบะหลัง เราจะเห็นเค้าตลอก แต่เค้าจะไม่เห็นนะว่าเรามองอยู่ แต่หลายครั้งมากที่เราเห็นว่าเค้าจะมองมาในรถเราเหมือนกัน แล้วจะมีบางจังหวะที่เผลอจ้องตากัน แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าค่ะ เป็นเพื่อนกัน คุยกันปกติ มีแต่เราเองที่ชอบคิดไปเอง ตามนิสัยเด็กว่าเค้าคงชอบเราเหมือนกัน สักนิด ไม่งั้นเค้าจะมาทำดีกับเราทำไม

กีฬาสี จุดเริ่มต้นของรักฝังใจ
เรากับโอมก็ปกติ คุยเหมือนเดิม เล่นเหมือนเดิม เพราะเราสนิทกับกลุ่มเพื่นผู้ชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ คงมีแต่ฝ่ายเราที่คิดมากไปเอง คิดไปเกือบทุกเรื่องที่พูด ตอนนั้นโมเม้นในห้องเยอะมาก แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว ที่จำได้ตอนนี้คงเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญแบบลืมไม่ได้จริงๆ เพื่อนในห้องก็ยังแซว อยู่เป็นระยะ เพราะเราเริ่มเข้าหามากขึ้นเริ่มหยอกมากขึ้น แต่ตอนนั้นยอมรับว่าความชอบคงที่ เริ่มรู้สึกว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะพอจบ มอต้นก็ต้องแยกย้าย กันไป จนถึงตอนนั้นเริ่มทำใจแล้วค่ะ จนมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น แล้วก็ทำให้เราลืมไม่ได้จนทุกวันนี้ คือ ตอนกีฬาสี
ตอนกีฬาสีเราเป็นนักกีฬาของสี เลยไม่ต้องขึ้นนั่งเชียร์ พอตอนพักเที่ยงเค้า จนจะเข้าช่วงบ่าย เราเกิดอุบัติเหตุค่ะ งูกัดดด งูจากไหนไม่รู้ กัดกลางสนามฟุตบอลโรงเรียนเลยค่ะ ไอ้เราตอนนั้นก็ร้อง โวยวายใหญ่ ร้องหนักมาก แล้วเหมือนว่า จะบังเอิญที่โอมอยู่แถวนั้นนะ เค้าก็วิ่งเข้ามาหา ครูที่เต้นพยาบาบก็มา แล้วโทรเรียกรถปอเต็กตึ้งที่จอดอยู่ฉุกเฉินหน้าโรงเรียนให้เข้ามารับเราในโรงเรียน ไปส่งโรงพยาบาล
ตอนนั้นเค้าไม่ไปไหนค่ะ ช่วยประคอง ช่วยยกเรา แล้วก็มามองดูจนเราขึ้นไปนั่งบนรถ พี่คนกู้ภัยก็พูดขึ้นมาว่า “เฮ้ย ใครก็ได้ไป เป็นเพื่อนน้องเค้าหน่อย”
เงียบค่ะ เด็กมุงเยอะนะ เราก็จำไม่ได้ว่าตอนนั้นเพื่อนเรามันไปไหนกันหมด แต่มันบอกว่ามันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก  มองออกไปไม่รู้จักใครเลย มีตืโอมคนเดียว เราก็ส่งสายตาเชิญชวน เอ้ยยย ส่งสายตาประมาณว่ามาด้วยกันหน่อยเถอะ เค้าก็เหมือนจะเข้าใจนะ จังหวะที่เค้าจะขยับตัว ปรากฎว่าน้อง มอสองคนนึงที่ยืนอยู่ใกล้สุด ผู้หญิง นางกระโดดขึ้นรถมาเลย โอมก็ชะงักไปแล้วก็หันมายิ้มให้ค่ะ แล้วรถก็ออกไป อารมณ์ตอนนั้นจำได้ดีเลยว่า รู้สึกหงุดหงิดมาก 5555555 ใจนึงก็รู้สึกขอบคุณน้องผู้หญิง อีกใจนึงก็อยากจะถามว่า ขึ้นมาทำไมมมม เราก็มาอยู่โรงพยาบาล ฉีดยา เจาะเลือดเสร็จ ประมาณเกือบๆสี่โมงเย็น ก็กลับมาที่โณงเรียน เจอกลุ่มเพื่อนสนิท
“เป็นไงบ้าง หมอว่าไง”
“เออ ไม่เป็นไร งูมันตัวเล็ก ไม่มีพิษ”
“เออๆ ดีแล้ว กลับบ้านๆไปพัก อ้อๆ เดี๋ยวก่อนกลับไปบอกไอ้โอมด้วยนะ ถามอยู่นั่นแหละสามสี่รอบแล้วว่าแกกลับมายัง ดูจะห่วงกันมากนะ” เพื่อนมันพูดพร้อมกับมองหน้า แต่ไม่สนค่ะตอนนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เค้าเป็นห่วงเราด้วย คิดอยู่แค่นั้น จนเดินไปเจอโอม ค่ะ เขาหันมาเห็น แต่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ถามด้วย ยิ้มให้อย่างเดียว ตอนนั้นแหละที่เรารู้ตัวเลยว่า ตกหลุมรักแล้วแน่นอน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่