ในหนังมันเล่าถึงสงครามภายในกรมได้แบบถึงแก่นมาก แต่ละคนก็มีกลเม็ด มีนอกมีใน ล็อบบี้กันได้ตลอด ไม่ว่าจะฝ่ายบริหาร ฝ่ายปฎิบัติการ
แถมกล้าเล่นประเด็นใช้อำนาจโดยมิชอบ การคานอำนาจกัน รู้สึกว่าทีมบททำการบ้านมาดี ลึกจริง เลยสงสัยว่าทำไมวงการหนังฮ่องกงถึงกล้าให้เล่นประเด็นแบบนี้ได้โดยไม่มีการแบน เรื่องตำรวจ เรื่องคอรัปชั่น มีแม้แต่เรื่องทำกับผู้ต้องหาแบบรุนแรง (ในฉากมีการจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาติพันธุ์แขก มาจับกรอกน้ำผ่านผ้าขนหนู โดยตำรวจเป็นคนทำ)
แม้แต่การต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย ก็ยังมีเรื่องกฎหมาย การอ้างเรื่องหน้าที่รับผิดชอบ ที่คนอำนาจสูงกว่าสามารถปลดใครก็ได้ โดยอีกฝ่ายก็ยกความปลอดภัย สิทธิของประชาชนในการที่จะรับรู้ว่าตนเองต้องอยู่ภายใต้กฏอัยการศึก ขณะที่ประเทศไทย เรื่อง political awareness สำหรับประชาชนหรือผู้ใช้อำนาจยังง่อยเปลี้ยมาก ยิ่งดูข่าวเมื่อคืนที่แม่ค้า ถูกนักเลงวัยรุ่น 5 คน รุมทำร้าย แล้วตัวเองป้องกันตัว ขณะที่ศาลกลับตัดสินให้แม่ค้าผิด ถูกจับอะไรทำนองนี้ เลยรู้สึกว่าประเทศไทย ยังห่างไกลจากฮ่องกงมาก (ขณะที่ในหนังขี้โม้ว่าฮ่องกงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย)
กลับมาเรื่องหนังอีกครั้ง ส่วนตัวเรานอกจาก cold war แล้ว หนังที่ดูมาของฮ่องกง ที่วิพากษ์การทำงานของตำรวจ ล้วนแต่กล้าแตะประเด็นละเอียดอ่อนทั้งนั้น เช่น Infernal Affairs ที่สุดท้ายตำรวจวิสามัญตำรวจด้วยกันเอง แล้วอ้างสถานะตนว่าเป็นตำรวจ ทั้งที่ตลอดเรื่องทำชั่วมาตลอด หรือ Legendary couple ที่เล่าเรื่องคู่ชายหญิงที่ทำตัวเหมือนบอนนี่และไคลด์ ตัวเอกถูกตำรวจซ้อมโดยเอาค้อนทุบ แล้วเอาสมุดหน้าเหลืองรอง (เพื่อไม่ให้เห็นร่องรอย) หรือการที่ตำรวจในเวลานั้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอังกฤษ ตำรวจยิงถูกผู้บริสุทธิ์ แล้วไปออกสื่อว่าเป็นคนร้ายยิง
ทั้งหมดนี้ทำให้เรารู้สึกว่า ฮ่องกง เสรีภาพในการแสดงออก ก้าวไปไกลกว่าไทย หรือประเทศแม่อย่างจีนมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นอยู่ภายใต้อาณานิคมอังกฤษด้วยหรือเปล่าไม่ทราบได้ แต่เท่าที่ดูมาจากหนัง รู้สึกเขากล้าแตะ วิพากษ์ประเด็นพวกนี้ได้ถึงจริงๆ
เพิ่งดู Cold War จบ คิดว่าหนังฮ่องกงนี่ก้าวหน้าจัง ทำไมกล้าเล่นประเด็นตำรวจแบบไม่กลัวถูกแบนเลย
ในหนังมันเล่าถึงสงครามภายในกรมได้แบบถึงแก่นมาก แต่ละคนก็มีกลเม็ด มีนอกมีใน ล็อบบี้กันได้ตลอด ไม่ว่าจะฝ่ายบริหาร ฝ่ายปฎิบัติการ
แถมกล้าเล่นประเด็นใช้อำนาจโดยมิชอบ การคานอำนาจกัน รู้สึกว่าทีมบททำการบ้านมาดี ลึกจริง เลยสงสัยว่าทำไมวงการหนังฮ่องกงถึงกล้าให้เล่นประเด็นแบบนี้ได้โดยไม่มีการแบน เรื่องตำรวจ เรื่องคอรัปชั่น มีแม้แต่เรื่องทำกับผู้ต้องหาแบบรุนแรง (ในฉากมีการจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาติพันธุ์แขก มาจับกรอกน้ำผ่านผ้าขนหนู โดยตำรวจเป็นคนทำ)
แม้แต่การต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย ก็ยังมีเรื่องกฎหมาย การอ้างเรื่องหน้าที่รับผิดชอบ ที่คนอำนาจสูงกว่าสามารถปลดใครก็ได้ โดยอีกฝ่ายก็ยกความปลอดภัย สิทธิของประชาชนในการที่จะรับรู้ว่าตนเองต้องอยู่ภายใต้กฏอัยการศึก ขณะที่ประเทศไทย เรื่อง political awareness สำหรับประชาชนหรือผู้ใช้อำนาจยังง่อยเปลี้ยมาก ยิ่งดูข่าวเมื่อคืนที่แม่ค้า ถูกนักเลงวัยรุ่น 5 คน รุมทำร้าย แล้วตัวเองป้องกันตัว ขณะที่ศาลกลับตัดสินให้แม่ค้าผิด ถูกจับอะไรทำนองนี้ เลยรู้สึกว่าประเทศไทย ยังห่างไกลจากฮ่องกงมาก (ขณะที่ในหนังขี้โม้ว่าฮ่องกงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย)
กลับมาเรื่องหนังอีกครั้ง ส่วนตัวเรานอกจาก cold war แล้ว หนังที่ดูมาของฮ่องกง ที่วิพากษ์การทำงานของตำรวจ ล้วนแต่กล้าแตะประเด็นละเอียดอ่อนทั้งนั้น เช่น Infernal Affairs ที่สุดท้ายตำรวจวิสามัญตำรวจด้วยกันเอง แล้วอ้างสถานะตนว่าเป็นตำรวจ ทั้งที่ตลอดเรื่องทำชั่วมาตลอด หรือ Legendary couple ที่เล่าเรื่องคู่ชายหญิงที่ทำตัวเหมือนบอนนี่และไคลด์ ตัวเอกถูกตำรวจซ้อมโดยเอาค้อนทุบ แล้วเอาสมุดหน้าเหลืองรอง (เพื่อไม่ให้เห็นร่องรอย) หรือการที่ตำรวจในเวลานั้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอังกฤษ ตำรวจยิงถูกผู้บริสุทธิ์ แล้วไปออกสื่อว่าเป็นคนร้ายยิง
ทั้งหมดนี้ทำให้เรารู้สึกว่า ฮ่องกง เสรีภาพในการแสดงออก ก้าวไปไกลกว่าไทย หรือประเทศแม่อย่างจีนมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นอยู่ภายใต้อาณานิคมอังกฤษด้วยหรือเปล่าไม่ทราบได้ แต่เท่าที่ดูมาจากหนัง รู้สึกเขากล้าแตะ วิพากษ์ประเด็นพวกนี้ได้ถึงจริงๆ