สปอย Fate Stay Night UBW ตอนที่25 (END) Ver.แก้ตัวให้อาเชอร์ ใครดูแล้วมาคุยกันค่ะ

สปอยของตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/33824914

“นานๆครั้ง การประดาบครั้งนั้นก็จะผุดขึ้นมาในหัว”
“ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชั้นก็ทำคำตอบของตัวเองหายไปและไปตามหามันกลับมาอยู่เรื่อยๆ”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไป”
“ชั้นก็ยังเป็นชั้น หมอนั่นก็เป็นหมอนั่น ในสายตาของชั้นอยู่ดี”
“ก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรพวกเราได้อยู่แล้ว”

เอมิยะ ชิโร่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อ2ปีก่อนกับตัวเองขณะฝึกเวทย์ประจำวัน ภาคเช้า
ชายหนุ่มเลือกที่จะเผชิญหน้ากับอุดมคติของตน และพบว่าหนทางที่จะไปถึง “คำตอบ” นั้นช่างยาวไกลเหลือเกิน
ภาพแพนกล้องขึ้น Bird eye view เมือง London

Fate Stay Night :Epilogue


ฉากตัดมาที่ชิโร่กำลังทำอาหาร ขณะที่รินก็ขอบคุณปนบ่นว่า บอกไปหลายรอบแล้วไม่ต้องทำก็ได้
เพราะปกติตนไม่กินอาหารเช้าซึ่งที่เจ้าขาวทำให้ทุกวันนั้นเป็นเพราะมาอยู่บ้านนี้ในฐานะผู้ติดตามรับใช้
“เธอนิ่งยังเป็นโรคแพ้ตอนเช้าไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“นิสัยแบบนี้มีสักหน่อยก็มีเสน่ห์ดีออก จริงไหม?” จริงงง



หลังจากทานอาหารเสร็จออกจากหอ ทั้งสองคนก็นัดแนะตารางของวันเพื่อเจอกัน
ดูเหมือนว่าชิโร่จะยังเรียนแค่พื้นฐาน ในขณะที่โทซากะมีคลาสพิเศษ ด้านการเจียแร่ซะแล้ว
ชิโร่เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็พูดปัดไป

ขณะที่เดินด้วยกันอยู่นั้น ชิโร่ก็นึกถึงเรื่องที่เข้าที่หอนาฬิกาแห่งนี้มาในฐานะผู้ติดตามของโทซากะ
ทำให้ได้มาเรียนที่นี้ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนของสมาคมเวทย์ การเป็นผู้สืบทอดตระกูลที่มีชื่อเสียงนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกปองร้าย
จึงสามารถนำผู้ติดตามมาเรียนด้วยได้ ซึ่งเคสของชิโร่อยู่ได้เป็นพิเศษ3ปี
ว่าแล้วรินก็พูดเตือนว่าถึงชิโร่จะไม่ได้เป็นนักเรียนเต็มตัวแต่ก็เป็นถึงผู้รอดชีวิตจากสงครามจอก ถ้าไม่ระวังตัวอาจจะ….

เปรี้ยง! เสียงกระแทกฝ่ามือทักทาย(?)ดังขึ้น โดยที่ฝ่ายโดนจู่โจมไม่เปลี่ยนสีหน้าใดๆและเมินรินซะด้วย
“เชโหรว~”
ลูเวียเข้าประชิดตัวเจ้าขาว พร้อมกับทำตัวสนิทสนมด้วยทันที จนรินต้องไปกระชากออกมา



ลูเวีย เอเดลเฟลท์เป็นเพื่อนร่วมชั้นของริน เพื่อนบ้าน(อพาร์ตเม้นเดียวกัน)
นอกจากนี้ยังเป็นคนทำให้พวกรินได้ห้องพักชั้นสามในขณะนี้ซะด้วย เจ้าขาวเลยบอกให้สนิทกันเข้าไว้

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนไม่รู้จัก ลูเวียค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทะเลาะกันได้สักพักรินเลยเปลี่ยนแผนไปเรียน…..
“วิชาป้องกันตัว”



ตามชื่อวิชา รินกับลูเวียใช้เวทย์เสริมพลังผลัดกันรับรุกอย่างดุเดือดโดยมีชิโร่ยืนดูแบบเหงื่อตกเป็นฉากหลัง
เห็นชะตากรรมตัวเองตอนคิดจะเปิดฮาเร็มแล้วล่ะสิ

“เจ็บๆๆๆ”
รินที่ใบหน้าเต็มไปพลาสเตอร์นอนตักชิโร่บ่นครวญคราง
บอกอุตส่าห์อัดเข้าที่เมดัลลา ออฟลองกาต้า (ส่วนหนึ่งของก้านสมอง)เต็มๆขนาดนี้ยังโค่นไม่ได้อีก (เป็นอันว่าตะกี้คงเสมอกัน)
มือเจ้าขาวก็สาวได้สาวเอาลูบหัวปลอบไปเรื่อยๆพลางยิ้นอ่อน
รินก็เลยเค้นถามว่าไปรู้จักกันตอนไหน ได้ความว่าตอนที่มาลอนดอนครั้งแรกแล้วหลงทางกับริน
ว่าแล้วคู่รักก็พ่อแง่แม่ งอนกันต่อ เบาหวานนน รินจะน่ารักเกินไปล้าววว



รินเริ่มเข้าเรื่องเพราะรู้อยู่แล้วว่าชิโร่ได้รับบัตรชวนเข้าเป็นนักเรียน เป็นสมาชิกสมาคมเวทย์มนต์เต็มตัว
ซึ่งทำให้มีสิทธิพิเศษสำหรับจอมเวทย์หลายอย่างแต่ก็แลกกับการติดหนี้บุญคุณต้องถือหางสมาคม

เจ้าขาวกลับไปคิดถึงเรื่องนี้และรู้ว่ามันเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำ แต่สำหรับเขาที่มีความเชื่อแบบนั้น…
การเป็นคนของสมาคมก็ต้องอยู่ใต้อำนาจสมาคม ต้องมีรับคำสั่ง เป็นมิตรแห่งความเที่ยงธรรมไม่ได้เต็มที่แน่ๆ

ชิโร่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็เห็นรินกำลังลูบดาบคันฉะอยู่ หญิงสาวเดาได้ว่าชิโร่คงคิดถึงสงครามจอกเมื่อ2ปีก่อนแน่ๆ
จึงชวนไปเดทแล้วพาชิโร่มายัง Glastonbury สถานที่ฝังร่างของคิงอาเธอร์
เพราะรู้ว่าตอนจบสงคราม เจ้าขาวเสียใจที่ไม่ได้บอกลาเซเบอร์ ก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้เวลากับทั้งสองคน



หลังจากนั้นรินกับชิโร่ก็มานั่งปิกนิคคุยถึงเหตุการณ์และความรู้สึกหลังจากมาลอนดอนได้6เดือน
ทั้งสองคนเห็นด้วยเรื่องที่ยังมีความรู้ที่เราไม่รู้และเรื่องประหลาดใจอีกเยอะ
ฝ่ายชิโร่บอกว่าพึ่งรู้ว่าตัวเองมีความสำคัญน้อยแค่ไหน
สงครามจอกที่เคยคิดว่าใหญ่ก็ถือเป็นหนึ่งในหลายๆอีเว้นท์สำหรับที่นี่
ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกว่ามันเป็นการต่อสู้ที่พิเศษ มีทั้งสิ่งที่ต้องทิ้งไว้เบื้องหลัง และสิ่งที่เปลี่ยนไป

ตรงกันข้ามกับโทซากะที่พอมาอยู่ที่นี่กลับรู้สึกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ได้เป็นที่เรื่องพิเศษ  
เพราะไม่ว่าจะเป็น สงครามจอก หรือสมาคมเวทย์ หรือแม้แต่วันๆที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างตอนนี้
ก็มีพื้นฐานเดิมที่ไม่เปลี่ยนไปนั่นก็คือ ทั้งหมดนี้ล้วนยืมกำลังจากเหล่าผู้คนในอดีตเชื่อมต่อมายังพวกเราในปัจจุบัน
รินคิดว่าคนเราไม่ได้ใช้แต่กำลังของตัวเองเท่านั้น แต่ยังได้จากผู้คนที่อยู่มาก่อนด้วย
ยิ่งหอนาฬิกาที่มีประวัติอยู่มานานนี้ ตอนเรียนรินเลยรู้สึกว่าตัวเองโดนทดสอบอยู่ตลอดเวลา
คำพูดของรินทำให้ชิโร่คิดตามและเข้าใจชีวิตมากขึ้น ขากลับขณะนั่งรถจึงได้พักสายตาย้อนถึงเรื่องวันวานเก่าๆ

“เฮ้ย ตื่นได้แล้ว ไอ้นี่!”
เสียงคนดูนอกจออิซเซย์เพื่อนสนิท ปลุกเรียกชิโร่ให้ไปเข้าพิธีปิดปีการศึกษาชั้นม.5
จบงานเจ้าก็ยังต้องมานั่งซ่อมของให้แต่ละชมรมอยู่ แต่ก็ได้ความจากอิซเซย์ว่าวัดเรียวโดกำลังซ่อมบำรุงอยู่
ส่วนชินจิที่หยุดเรียนไปยาวก็ใกล้หายเต็มที แถมมีซากุระไปเยี่ยมทุกวันไม่น่าเป็นห่วงอะไรนั่นเอง



คุยจบไทกะก็เข้ามาขอให้ทั้งคู่ไปจัดการของของ อ.คุสึกิซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
สองคนทำหน้าราวกับคิดถึงในขณะที่ ชิโร่แสดงสีหน้ารู้สึกผิดให้เห็นเล็กน้อย

ขณะที่เดินเอาของไปเก็บกันอยู่นั่นเอง
“อ้าวตายจริง ท่านประธานนักเรียนมาเดินตรวจตราอะไรเวลาป่านนี้”
รินส่งเสียงทักพร้อมกับคาดเดาว่าคงเดินซ่อมของให้แต่ละชมรมกับเจ้าขาวอยู่
เสียงหลุดไม่ต้อนรับของเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าดังขึ้นอัตโนมัติ
อิซเซย์ที่เคยทำงานด้วยกันรู้ไต๋หญิงสาวตรงหน้าดี ไม่หลงกลไปกับคำชมของเธอแถมยังพูดจาไม่ต้อนรับ
รินเลยถือโอกาสแกล้งจู๋จี๋กับชิโร่ตรงหน้าซะเลย ริวโดคุงคับโอเวอร์จนน่าสงสัยเลยนะ
สร้างความร้าวฉานให้เพื่อนสนิทเสร็จก็นัดเจอชิโร่
ก่อนที่มิทซึสึริจะเข้ามาโวยวายเรื่องชมรมยิงธนูโดนตัดงบพอดีด้วยอิซเซย์จึงซักชิโร่ต่อไม่ได้

“นี่ เอมิยะคุง เคยอยู่ชมรมกรีฑารึเปล่า”
รินที่มองเห็นแสงพระอาทิตย์ตกดินพร้อมๆกับสมาชิกชมรมกรีฑาถามขึ้น
ครึ่งหนึ่งของเวลาที่รินเรียกชิโร่ว่า”เอมิยะคุง”คือเวลาที่จะแกล้ง
อีกครึ่งหนึ่งคือเวลาที่ต้องการถามเรื่องจริงจัง หนนี้ชิโร่เดาว่าอย่างหลังและตอบอย่างจริงจังว่าเคยแต่เข้าชมรมธนู

ถึงตรงนี้เราได้รู้ว่าช่วงเวลาที่ชิโร่นึกย้อนกลับมาคือ1เดือนหลังจากจบสงครามจอก
และรินรับชิโร่เป็นศิษย์ รินถามถึงแผนการหลังเรียนจบของชิโร่
ก่อนจะบอกว่าตัวเองจะไปเรียนที่ลอนดอนตามจดหมายเชิญ
พร้อมกับถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าจะไปที่นั่นในฐานะผู้ติดตามของตนไหม ทำเอาชิโร่เป็นฝ่ายซึนบ้าง



“จะตามฉันไปด้วยกันไหม?”
“อย่าถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วสิ”
“อื้อ จากนี้ไปก็ฝากด้วยนะ เอมิยะคุง”
ว่าแล้วรินก็ว่าจะปั้นเจ้าขาวเป็นจอมเวทย์ ให้เจ้าขาวเตรียมใจซะ
“ก็การทำให้นายเปลี่ยนนายใหม่ให้คนที่มีความสุขมากๆเป็นกับคนอื่นเขาบ้างเป็นเป้าหมายชีวิตของฉันนี่นะ”

“ขอบคุณที่พาชั้นมาด้วยนะ”
ชิโร่ที่นึกย้อนอดีตเมื่อครู่ทั้งหมดพูดกับรินที่กำลังหลับซบบ่าของเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม

ฉากไทม์สคิปไปที่ชิโร่กำลังนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียวหลังเลิกเรียน
ขณะกลับก็ได้เดินสวน อ.ลอร์ดเอเมลอยด์ที่2(เวเวอร์)ซึ่งถามกึ่งแสดงทัศนะของตัวเองว่า



สำหรับคนที่ไม่ได้เก่งเวทย์อะไรแถมยังจับพลัดจับพลูให้มาร่วมสงครามจอกอย่างเจ้าขาว
อุตส่าห์รอดตายแล้วก็ไม่น่าจะอยากมาทำอะไรที่หอนาฬิกานี่ จะอยากเรียนเวทมนต์ไปทำไมกัน

เจ้าขาวตอบชายที่จนไม่รู้จักว่าเพราะอยากใช้มันเพื่อเดินตามในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นทั้งชีวิตนั่นก็คือ”การเป็นมิตรแห่งความเที่ยงธรรม”
“อย่างนี้นี่เองถึงจะเป็นความคิดที่บ้าแต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่น่าหัวเราะ”
“มิตรเห็นความเที่ยงธรรม..เช่นนั้นที่นี่ก็คงเล็กไปด้วยนั่นล่ะ”

เจ้าขาวเดินกลับอพาร์ตเม้นก่อนจะเปิดประตูไปเจอกับรินซึ่งมารออยู่ก่อนเพราะจะคุยเรื่องการตัดสินใจของชิโร่นั่นเอง
ชิโร่ตอบปฏิเสธคำชวน ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของริน
เมื่อชิโร่ต้องออกตามกำหนดครบ 3ปี เธอจึงเตรียมออกในอีก 3ปีข้างหน้าเช่นกัน

“ไม่เห็นโทซากะจะต้อง…”



คำพูดเจ้าขาวหยุดตามสั่งนิ้วทันที เคารพการตัดสินใจของริน แต่ก็ไม่วายถามย้ำ
เพราะรู้ว่าตัวเองคงไม่มีทางเปลี่ยนการใช้ชีวิตได้ ชีวิตที่เลือกทำในสิ่งที่แม้จะรู้ว่าไม่ใช่หนทางที่ถูก
ที่นั่งคิดมาทั้งวันชิโร่ก็ข้อสรุปว่าลงท้ายตนก็คงมีจุดจบแบบเดียวกับอาเชอร์
รินเห็นด้วยกับอาเชอร์ แต่ถึงแม้ชิโร่กำลังจะเดินไปทิศทางเดียวกับที่อาเชอร์เคยเดิน
สิ่งที่ต่างออกไปก็อาจจะเป็น”ระยะทาง”ที่ชิโร่เดินได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดจึงเป็นชิโร่เดินไปถึงจุดไหน มาได้ไกลแค่ไหน
แม้จะต้องเจอผลลัพธ์เจอเรื่องซ้ำรอยอาเชอร์(เดินทางเดียวกับอาเชอร์เป๊ะๆ)
แต่ถ้าเดินไปได้ไกลขึ้นอีกนิดล่ะก็  ชิโร่ต้องได้พบกับจุดจบที่เหมาะสมสำหรับตัวเองแน่

“นั่นสินะ…เป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิ ไม่สิ”
“ชั้นต้องทำให้มั่นใจว่ามันจะออกมาเป็นแบบนั้นสินะ”
“วางใจเถอะ นายน่ะมีคำตอบอยู่ในใจมาตลอดเลยไม่ใช่รึไง”

ชิโร่หันกลับมาเป็นห่วงรินบ้างเพราะรู้ว่าที่นี่สำคัญกับรินมาก
ฝ่ายรินก็วางแผนไว้แล้วว่าสุดท้ายก็คงกลับมาอยู่หอนาฬิกาแน่ๆ
แต่ตอนนี้ต้องการออกไปเห็นโลกมากกว่านี้ก่อน หนนี้เป็นชิโร่บ้างที่ลากรินไปไหนต่อไหน

“อาจจะเป็นเรื่องหลังจากนี้ไปซักหน่อย”
“แต่เราจะสนุกไปด้วยกัน ทุกข์ไปด้วยกัน มองเห็นสิ่งต่างๆไปด้วยกัน ทุกเรื่อง…แล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขใช่ไหม” นี่มันขอแต่งงานชัดๆ
มือของหญิงสาวยื่นขึ้นมารอคอยคำตอบจากชายหนุ่มตรงหน้า
เพียงวินาทีมือของเจ้าขาวที่แม้จะเชื่องช้าแต่ก็เอื้อมมาจับรับสัญญานั้น และนั่นคืออนาคตของพวกเขา



กล้องแพนออกไปดูวิวลอนดอนยามเย็นค่อยๆเปลี่ยนไปมืดค่ำก่อนที่ฉากจะหายไป
Credit song: Ost. Fate/SN PC: Deep Slumber
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่