ช่วงนี้เที่ยวกาญจนบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยว "สโลว์ไลฟ์" มีแต่คนแวะไป ด้วยหลายๆเหตุผล เราเลยอยากไปด้วย

ตั้งแต่ได้ไปกาญจนบุรี รู้เลยมีดีมากกว่าที่เรารู้ ไปครั้งเดียวไม่พอด้วย
ใครอยากเที่ยว ธรรมชาติ กาญจนบุรี มีธรรมชาติ สวยๆ บรรยากาศดี โอโซน อ็อกซิเจน ให้สูดได้ฉ่ำปอด
ใครอยากเที่ยว ประวัติศาสตร์ กาญจนบุรี มีประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหามากกกกกกกกกกกอีก จังหวัดนึงของเมืองไทย
ใครอยากเที่ยว ใกล้ๆ กาญจนบุรี ไม่ไกล ไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย ค่ารถไม่แพงจากกรุงเทพ ชม.กว่าๆ เราก็ชิลได้แล้ว

เริ่มทริปนี้จาก อยากไป "ช่องเขาขาด" คือดูคูเลิฟตะลอนทัวร์ แล้วอยากไป ไม่รู้ทำไม สงสัยชาติก่อนเป็นเฉลยศึก หรือกะไร อยากไปชมให้เห็นกับตา
หาข้อมูล แล้วคิดว่าชีวิตอยู่ยาก   เพราะไม่มีรถ ทำไงดี ทำไงดี "เช่ารถ" ตอบโจทย์เราที่สุด
แต่เราไม่อยากเสียเงินเยอะ มอเตอร์ไซค์แล้วกัน สงสัยไม่ไกลมาก

หาข้อมูลจากพันทิปด่วนเลย ที่ไหนหว้า? ให้เช่ามอไซค์ ต้องไปที่ไหน
หากระทู้ต่างๆก็ไม่มี เห็นแค่ว่าแถวๆโค้งประปา

เอาวะ ได้แค่นี้ โค้งประปา แล้วเราก็ค่อยหาทางไป เมืองไทย เราคงไม่ตายง่ายๆหรอก อย่างน้อยก็พูดไทยได้ ชีวิตต้องสู้!!!

เริ่มจากอนุสาวรีย์ ดินแดนศูนย์รวมทุกอย่างที่ทุกคนต้องการ
จากอนุสาวรีย์ - กาญจนบุรี 130 บาท นั่งรถ 6.30 น. ไปถึงกาญจนบุรี 9.00 น.
ไปถึงท่ารถ บขส. ไปไหนต่อดี 555+
เรียกพี่วิน ไปโค้งประปา คนละ 30 บาท ไปไม่ไกลมากคะ เลยสุสานไปหน่อย เดินเลยๆ ไปเกือบจะถึงพิพิทธภัณฑ์
พี่วินแนะนำว่าให้ไปร้านจ่าชา เค้าให้คนไทยเช่าร้านเดียว ถ้าเหมารถ 2 แถว ราคาค่อนข้างแพง แต่ถ้าไปหลายคนก็ต่อรองเอาเนอะ
ชื่อร้านเช่า : ร้านจ่าชา

ต้องแนะนำร้านนี้เพราะร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ให้คนไทยเช่า โดยไม่ต้องวางมัดจำ และ ไม่มีเงื่อนไข
แต่ต้องขอความกรุณาไม่ขโมยรถ ไม่ทำรถเสียหาย เพราะที่ร้านอื่นเค้าไม่ให้คนไทยเช่า
เพราะคนไทยขโมยรถไปเยอะ หรือเกิดอุบัติเหตุเสียหาย แต่ไม่รับผิดชอบทำให้ร้านเค้าเกิดความเสียหาย

ตอนแรก จขกท. ไม่ได้กะจะบอกชื่อร้าน แต่พี่ๆที่ร้านเค้าอยากให้รีวิว แนะนำร้านเค้าให้ก็เลยจัดให้เค้าไป
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั่น ขอความกรุณาในข้อดังกล่าวข้างต้น

สถานที่ที่เราอยาก "กระสัน" ไป มากที่สุดคือ "ช่องเขาขาด" แต่เมือดูแผนที่ ทำให้เราเอาท้อเลย
เพราะไกลจากอำเภอเมือง 77 กิโล นั่นไม่ใช่น้อยๆเลยสำหรับมอเตอร์ไซค์ เพราะเราต้องกลับมาให้ทัน 6 โมงเย็น รถตู้เที่ยวสุดท้าย

ระหว่างทาง อ่านๆมา เห็นมีวัดเสือ หลวงตา มหาบัว ก็ "กระสัน" อยากไปอีก ซึ่งมันเป็นทางผ่านของ ช่องเขาขาดพอดี เราเลยเอาน่าๆ

สักครั้ง มันต้องลองหน่อยเนอะ

อ่านมาจากเน็ต
วัดหลวงตา มหาบัว วัดเสือ มีค่าเข้า 600 บาท คนไทยครึ่งราคา ถ้าโชว์บัตรประชาชน เหลือ 300 บาท
แต่..... ถ้าคุณไปก่อน 12.00 น. จะได้เข้าฟรี บริจาคตามกำลังศรัทธา

การแต่งกาย ไม่ใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด แดง ชมพู เหลือง เพราะสัตว์ป่าเห็นแล้วจะวิ่งเข้าหา
ไม่ใส่กางเกงขาสั้น เหนือเข่า หากบังเอิญลืม ทางวัดมีเสื้อผ้าขาย กางเกง 200 บาท เสือ 300 บาท
เสือจะซื้อเป็นที่ระลึกได้ ถือว่าเป็นการทำบุญไปในตัว เพราะทางวัดต้องนำเงินจำนวนมาก ไปเลี้ยงเสือ

จากกาญจนบุรี ขัดมอไซค์ไป 35 กิโล โดยประมาณ เล่นเอาเหนื่อยเลย ....
ไปถึงวัดประมาณ 11.00 น. ได้รับคำแนะนำว่า เค้าจะปล่อยเสือให้ออกมาเดินเล่น พบปะ ผู้คนตอน 12.00 น.
ใครที่ไป อาจจะเลทนิดหน่อย เพราะเสือที่เค้านำออกมาให้ชมค่อนข้างเยอะ ประมาณ 10+ ตัว
สต็าฟเลยต้องเตรียมความพร้อมให้มากหน่อย

สต๊าฟที่ออกมาอธิบายและแนะนำเป็นอาสาสมัครจากมูลนิธิของต่างประเทศ รัวภาษาอังกฤษมารัวๆ
ไม่ต้องตกใจ มีสต๊าฟคนไทยใกล้ๆ แต่ระหว่างที่เค้านำเสือออกมา อย่างเพิ่งเข้าไปใกล้ หรืออย่าหันหลังให้เสือ
เสืออาจจะตะปบคุณเอาง่ายๆได้ ไม่ว่าสัตว์จำพวก กวาง หมูป่า สต๊าฟจะไล่ต้อนไปจนหมด

วัดค่อนข้างเป็น "ป่า" ในส่วนของอุโบสถ โบสถ์ จะอยู่นอกวัดทั้งหมด
ในวัดมี กวาง เก้ง ควาย วัว ม้า นกยูง สัตว์บางตัวโดนทำร้าย สภาพน่าสงสาร บางตัวถูกตัดเขา บางตัวมีบาดแผล

รอประมาณ 12.30 น. เสือก็ออกมาให้ยลโฉมกัน







มีลับคมเล็บ





เสือค่อนข้างสนิทกับสต๊าฟมากคะ มีการเล่นกันตลอด เหมือนแมวตัวโต มีดื้อ มีดึงตลอดเวลา
อาสาสมัคร ชาวโปแลนด์ บอกกับเราว่า เสือที่นี้มีทั้ง 177 ตัว
แน่นอนว่าการดูแลต้องใช้ค่าใช้จ่ายมาก ไม่ได้นายหน้าแต่อย่างใด แต่รู้สึกว่าวัดรับภาระเยอะจริงๆ
ไม่นับรวมสต๊าฟอีก 30 คนชีวิต ที่ต้องอยู่กับเสือมากกว่า 86 ชั่วโมง เพื่อให้เสือคุ้นชิน ถึงจะจับเสือได้
เสือตัวใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก





แปลกสุดคือกินก๋วยเตียว เสือที่นี้ทุกตัวมีชื่อ และบางตัวก็กินหญ้า อาหารที่แปลกที่สุด






กิจกรรมทัวร์ที่นี้ คือเดินไปกับเสือไปหุบเขาเสือ และป้อนนม ให้อาหาร อันนี้เสียค่าทัวร์ 1,000 บาทนะคะ

ยังไงคนที่สนใจก็แวะไปได้ ช่วยบริจาคให้กับหลวงพ่อด้วย
ขับรถต่อไปที่ช่องเขาขาด อีก 40 กิโล ไกลเอาเรื่อง หัวปลิวกันไปเลย

มาต่อคอมเม้นท์หน้าจ้า