ธันวาคมเดือนแห่งวันหยุด มีวันหยุดยาวแบบนี้ก็ต้องไปเที่ยวน่ะสิ หลังจากไม่ได้ไปไหนกันนาน สำหรับทริปนี้เราและเพื่อนตัดสินใจเลือกไปเที่ยว
”จังหวัดกาญจนบุรี” เพราะมีที่เที่ยวสวยๆ แนวธรรมชาติเยอะ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพอีกด้วย
ในตอนแรกเราแพลนกันว่าจะนั่งรถประจำทางจากกรุงเทพและหาเช่ารถยนต์ที่กาญจนบุรี หาไปหามา หลายที่ราคาค่อนข้างสูงเกินกว่างบที่วางไว้พอสมควร เลยลองเปลี่ยนแพลนมาหารถเช่าขับจากกรุงเทพไปเลย หาข้อมูลและเปรียบเทียบราคากันอยู่นาน สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเลือกเช่ารถกับ Yassemo Car Rent ในราคา 900/วัน และมีค่าประกันรถ 4,000 บาท ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับหลายๆเจ้าที่หามาเลย
เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 20.30 น. ใช้เวลาขับประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงกาญจนบุรี สำหรับคืนนี้เราพักกันที่นัยญาเพลส โดยเราจองห้องพักแบบเตียงคู่ในราคา 620 บาท/คืน ซึ่งเขาไม่มีอาหารเช้าให้นะ แต่ไม่ซีเรียส เน้นที่พักนอนสบาย ราคาไม่แพง เดินทางสะดวก และที่นี่ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ เพราะอยู่ใกล้ในตัวเมืองเลย
DAY 1
เราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่ 09.00 น. แวะกินมื้อเช้ากันที่
ร้านดาวุดชา ร้านเขามีเมนูให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสเต็ก ซุปหางวัว ซุปเสือร้องไห้ กับข้าวต่างๆ ที่สำคัญราคาก็ไม่แพงมาก แต่โดยส่วนตัวคิดว่ารสชาติอาหารค่อนข้างจัดไปนิดนึง
อิ่มท้องแล้วก็ขับรถต่อสักพักก็มาถึง
สะพานข้ามแม่น้ำแคว แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีที่ไม่มาไม่ได้ ถือว่ามาไม่ถึง และวันนี้ที่เรามาก็มีคนมาเที่ยวกันเยอะพอสมควรเลย และเราก็ไม่พลาดกิจกรรมยอดฮิต คือการเดินบนรางรถไฟระยะทาง 300 เมตร ชมวิวแม่น้ำแคว ไปพร้อมกับการทักทายขบวนรถไฟที่ผ่านมา
หลังจากนั้นเราแวะไปกินขนมและถ่ายรูปสวยๆ กันที่ร้าน Kan Machi Cafe คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ร้านนี้เขาจะจำลองสถานที่เหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นเลย มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก บอกได้เลยว่าสวยทุกมุม ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกมาวันธรรมดา เพราะวันหยุดคนจะเยอะมาก ส่วนราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่แพง
ก็เริ่มต้นที่ 60 บาท สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปอย่างเดียวแต่ไม่อยากสั่งอาหาร ในส่วนนี้เขาก็จะเก็บค่าเข้าคนละ 60 บาท
ส่วนอาหารวันนี้ เราสั่งเซตชงชาญี่ปุ่นมาลอง เขาจะมีพนักงานมาสอนว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
และก็มีส่วนของวาราบิโมจิ และไดฟุกู แป้งนุ่มมาก ถือว่าคุ้มค่าในราคาไม่แพงเลย
หลังจากถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว เราก็ขับรถเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปยังสวนสัตว์เปิด ซาฟารี ปาร์ค อ.บ่อพลอย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร
โดยค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่คนละ 200 บาท และเด็กคนละ 100 บาท อันนี้จะเป็นราคาเข้าชมแบบปกติ สำหรับใครที่ต้องการใกล้ชิดสัตว์แบบสุดๆ
เขาจะมีราคาแบบไพรเวทโซนคนละ 1,000 บาท และเขาก็มีขายแครอทสำหรับนำไปให้อาหารสัตว์ด้านใน ในราคา 100 บาท เราก็เลยจัดมาด้วย 1 ชุด
ได้มาทั้งหมด 2 ถาด
หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็ไปรอรถบัสกัน ซึ่งทางสวนสัตว์เขามีบริการรถพาทัวร์ไปให้อาหารสัตว์ในโซนสวนสัตว์เปิด สัตว์ในโซนนี้ก็จะมีกวาง อูฐ ม้าลาย เสือ และก็ไฺฮไลท์เด็ดก็คือ ยีราฟ โดยระหว่างทางเราสามารถให้แครอทน้องๆ ผ่านหน้าต่างรถได้เลย ยกเว้นเสือที่เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เปิดกระจก
ให้อาหารน้องเสร็จ รถก็จะมาปล่อยให้เราเดินเที่ยวในโซนสวนสัตว์ปิด นอกจากให้เดินชมสัตว์ต่างๆแล้ว เขาก็มีให้อาหารสัตว์ด้วย จะเป็นกระต่ายกับเสือ และที่สำคัญในในโซนนี้เขาจะมีรอบจัดแสดงโชว์ความสามารถของสัตว์ด้วย สามารถเช็กรอบได้จากหน้าเคาน์เตอร์ขายบัตรเลย
ตกเย็นเริ่มหิว เราก็มาหาอะไรกินกันที่ตลาดโต้รุ่งกาญจนบุรี เขาจะเริ่มจัดร้านกันช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ซึ่งที่นี่มีของกินให้เลือกเยอะมาก จะคาวจะหวานมีหมด ที่สำคัญแต่ละร้านคือขายกันถูกมาก ราคาแบบนี้หายากมากในกรุงเทพฯ สำหรับมุสลิมที่นี่มีอาหารฮาลาลให้เลือกฝากท้องกันประมาณ 3 ร้าน คือ ร้านข้าวหมก ร้านข้าวเหนียวไก่ และร้านโรตี
DAY 2
วันนี้เราจะออกเดินทางไปเที่ยวและพักโซนอำเภอศรีสวัสดิ์กัน ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แวะทานอาหารเช้าในเวลาเที่ยงที่
ร้านดาดาโรตีโอ่ง ซึ่งร้านนี้ไม่ได้มีขายแค่โรตีเท่านั้น เขาก็มีอาหารจานหลัก กับข้าวต่างๆ แต่วันนี้เราจะมาลองโรตีโอ่งกัน ในส่วนรสชาติเราว่าโอเค อร่อยดี แต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณอาหารที่ได้ และในบริเวณเดียวกันจะมีร้านอาหารติดๆ กันอีก 2 ร้าน ซึ่งเป็นร้านอาหารฮาลาลทั้งหมด คือ ร้านครัวบ้านสวนไผ่ และร้านครัวฮาลาล
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง
น้ำตกเอราวัณ ปกติเขาจะมีค่าเข้าคนละ 100 บาท เนื่องจากวันที่เรามาเป็นวันพ่อแห่งชาติ จึงได้เข้าฟรี สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน เขามีบริการรถกอล์ฟนั่งเข้าไปที่น้ำตกที่อยู่ห่างจากลานจอดรถประมาณ 800 เมตร ค่าบริการประมาณคนละ 30 บาท
ที่นี่เขาจะมีน้ำตกทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะมีจุดไฮไลต์สวยๆ แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่อยากชมความสวยงามของน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการเดิน-ขึ้นลง เส้นทางค่อนข้างเดินลำบาก แต่วิวน้ำตกนั้นสวยคุ้มค่ากับการขึ้นมาชมเลย แต่สำหรับเราที่เคยมาแล้ว ครั้งนี้ขอบายไม่ขอขึ้นไปแล้ว เลยแวะเล่นน้ำตกชั้นล่างๆ แทน
สำหรับใครที่อยากขึ้นไปเล่นน้ำชั้นบน แนะนำให้เช่าเสื้อชูชีพตรงบริเวณน้ำตกชั้น 1 ไว้ก่อน เพราะที่นี่เขามีกฎว่าถ้าจะลงเล่นน้ำต้องใส่เสื้อชูชีพก่อนเท่านั้น และหากหลังเล่นน้ำตกแล้วหิว ที่นี่เขามีร้านอาหารให้เลือกเพียบเลย แต่สำหรับห้องน้ำอาจจะต้องทำใจนิดนึงเรื่องความสะอาดและการรอคิว เพราะคนเยอะมาก
ขากลับจากน้ำตกเอราวัณ เราแวะกันที่เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยมาก แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ ใกล้พระอาทิตย์ตก แสงและบรรยากาศดีมาก เหมาะสำหรับการเดินตากลมบนสันเขื่อนไปพร้อมกับชมวิวและเก็บภาพสวยๆ
คืนนี้เราพักกันที่
Ploenkarn Camping by The River - เพลินกาล ที่พัก & ลานกางเต็นท์ ที่นี่เขาเป็นที่พักสไตล์แคมปิ้ง เน้นความเป็นส่วนตัว มีให้บริการทั้งหมด 2 โซน คือ โซนกางเต็นท์ ราคา 300/คน และอีกโซนจะเป็นเต็นท์ไม้ติดแอร์ มีให้เลือกวิว 2 แบบ คือวิวสวน กับ วิวแม่น้ำ ราคาเริ่มต้นที่ 1,200 บาทค่ะ
ที่เราเลือกจะเป็นเต็นท์ไม้วิวสวน แบบ 2 ห้องนอน ราคาหลังละ 2,000 บาท/คืน 1 ก็จะมีห้องนอนอยู่ตรงชั้นล่าง 1 ห้อง และชั้นบนอีก 1 ห้อง มีห้องน้ำในตัว โต๊ะนั่งหน้าบ้านสำหรับปิ้งย่างปาร์ตี้สังสรรค์อีกด้วย ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้วนะคะ ตอนเช้าเขาจะมีบริการข้าวต้มและเครื่องดื่มร้อนต่างๆ ให้
ที่นี่เขามีบริการขายอาหารตามสั่ง เซตหมูกระทะ น้ำแข็ง เครื่องดื่มๆ ต่าง สามารถจองล่วงหน้าก่อนเข้าพักได้เลย นอกจากนี้สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรม เขาก็มีบริการเรือพายัคกับเรือถีบให้
ส่วนตัวรู้สึกประทับใจที่นี่มาก เพราะบรรยากาศดี วันที่เราไปอากาศหนาวมาก แบบไม่ต้องเปิดแอร์เลย วิวอาจจะไม่สวยมากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ที่พักสบาย คุ้มค่ากับราคามาก เพราะราคานี้หายากมาก ที่สำคัญเจ้าของดูแลดี ขาดเหลืออะไรสามารถสอบถามกับเคาน์เตอร์ได้
[CR] ตะลอนกาญจนบุรีแบบเช่ารถ ทริปเที่ยว 3 วัน 3 คืน
”จังหวัดกาญจนบุรี” เพราะมีที่เที่ยวสวยๆ แนวธรรมชาติเยอะ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพอีกด้วย
DAY 1
เราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่ 09.00 น. แวะกินมื้อเช้ากันที่ร้านดาวุดชา ร้านเขามีเมนูให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสเต็ก ซุปหางวัว ซุปเสือร้องไห้ กับข้าวต่างๆ ที่สำคัญราคาก็ไม่แพงมาก แต่โดยส่วนตัวคิดว่ารสชาติอาหารค่อนข้างจัดไปนิดนึง
อิ่มท้องแล้วก็ขับรถต่อสักพักก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีที่ไม่มาไม่ได้ ถือว่ามาไม่ถึง และวันนี้ที่เรามาก็มีคนมาเที่ยวกันเยอะพอสมควรเลย และเราก็ไม่พลาดกิจกรรมยอดฮิต คือการเดินบนรางรถไฟระยะทาง 300 เมตร ชมวิวแม่น้ำแคว ไปพร้อมกับการทักทายขบวนรถไฟที่ผ่านมา
DAY 2
วันนี้เราจะออกเดินทางไปเที่ยวและพักโซนอำเภอศรีสวัสดิ์กัน ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แวะทานอาหารเช้าในเวลาเที่ยงที่
ร้านดาดาโรตีโอ่ง ซึ่งร้านนี้ไม่ได้มีขายแค่โรตีเท่านั้น เขาก็มีอาหารจานหลัก กับข้าวต่างๆ แต่วันนี้เราจะมาลองโรตีโอ่งกัน ในส่วนรสชาติเราว่าโอเค อร่อยดี แต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณอาหารที่ได้ และในบริเวณเดียวกันจะมีร้านอาหารติดๆ กันอีก 2 ร้าน ซึ่งเป็นร้านอาหารฮาลาลทั้งหมด คือ ร้านครัวบ้านสวนไผ่ และร้านครัวฮาลาล
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้