แม้ในภาพยนตร์สวนไดโนเสาร์ได้กลับมาเปิดอีกครั้งในชื่อ 'จูราสสิค เวิลด์' แต่สำหรับผมแล้วสวนไดโนเสาร์ใหม่นี้มันเหมือนไม่มีชีวิตอยู่เลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผมเลือกที่จะเข้าไปดูเพราะต้องการแค่ความบันเทิงเพียงเท่านั้น เพราะเหลียวซ้ายแลขวาดูแล้วไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่จะอยากดูแบบจริงจังเลยเลือกดูเรื่องนี้ เพราะด้วยที่มันเป็นหนังฟอร์มใหญ่ มีชื่อมานาน ในใจก็คิดว่ามันต้องสนุก และดีในระดับหนึ่งแน่ๆ เพราะด้วยชื่อจูราสสิค คงไม่มีใครกล้าเอามาทำให้เจ็บตัวเป็นแน่แท้ ซึ่งถ้ามองในแง่ของรายได้ก็ถือว่าปลอดภัยหายห่วง แต่ในเรื่องของคุณภาพและความคาดหวังของผมแล้วมันช่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
อย่างที่บอกไว้แต่ต้น ว่าผมต้องการเพียงแค่ความบันเทิงจากหนังเรื่องนี้เท่านั้น แต่นั่นคือสิ่งที่หนังแทบไม่มีให้ผมเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ทั้งความสนุกตื่นเต้น ความตลกขบขัน ความระทึกใจ ไม่มีอยู่เลยจริงๆ จะพอให้ครื้นเครงอยู่บ้างก็เป็นฉากที่นางเอกวิ่งหนีไดโนเสาร์จนแซงพระเอกไปนั่นแหละ ขำที่สุดแล้ว ถ้าตื่นเต้นที่สุดก็ตอนที่พระเอกต้องหนีไดโนเสาร์ในตอนต้นเรื่องเท่านั้น ที่เหลือชีพจรผมเดินคงที่มากๆ จะมีอารมณ์ร่วมหน่อยก็ตรงความน่ารำคาญตัวละครในเรื่องนี่แหละ
ตั้งแต่เปิดเรื่องหนังใส่ดนตรีประกอบพยายามบิ๊วอารมณ์คนดูอย่างมาก แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย เพราะบทหนังไม่ได้ปูอะไรที่จะนำไปสู่การมีอารมณ์ร่วมกับหนังแม้แต่น้อย เริ่มมาเป็นเด็กชายพี่น้องสองคนที่จะไปเที่ยวจูราสสิค เวิลด์ คนน้องนี้ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นไม่มีหยุดหย่อนจนรำคาญว่ามันจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนาไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ส่วนเจ้าคนพี่ก็เอาแต่เหล่สาวอยู่นั่นน่ารำคาญไม่แพ้กัน มาถึงนางเอกที่เป็นน้าของเด็กทั้งสองก็ยุ่งอยู่นั่น โอ๊ยนี่หนังมันจะสื่ออะไรของมันเนี่ย จับใจความอะไรไม่ได้เลยจนปาเข้าไปจะครึ่งเรื่องแล้ว ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวมันคงดีขึ้นนะ เดี๋ยวหนังก็สนุกตื่นเต้น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่โผล่ความบันเทิงออกมาเสียที
ตั้งแต่บทพูดที่น่ารำคาญ ดูยัดเยียดและไร้สาระ จนไปถึงการกระทำสุดง่าวของตัวละครทั้งหลาย ใครที่ทนอ่านมาถึงตอนนี้ทนเอาอีกละกันเพราะผมจะบ่นให้ฟังเป็นฉากๆ ทีละตัวละครไปเลย 555
คนแรกเจ้าเด็กน้อยแสนรู้ คือฉลาดมากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับไดโนเสาร์ คือปกติตัวละครแบบนี้มันต้องมีที่เด็ดที่จะได้ใช้ความสามารถในยามคับขันแน่ๆ ผลสรุปสุดท้ายคือไม่มีอะไรเลย แถมฉากน่ารำคาญที่อยู่ดีๆก็นั่งร้องไห้ที่กลัวพ่อกับแม่จะเลิกกันไปอีกหนึ่งฉาก
คนต่อมาพี่ชายของเด็กฉลาด มองสาวทั้งเรื่อง เหมือนไม่ได้จะอยากมาเที่ยวเท่าไหร่ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับไดโนเสาร์แบบน้องมันบ้างเลย(น้องก็ตื่นเต้นเหลือเกิ้นนน) แต่พอจะมีบทเท่านั้นแหละพี่แกก็อยากขับรถเข้าไปในดงไดโนเสาร์เสียดื้อๆ แล้วทั้งเรื่องก็ไม่มีอะไรให้จดจำเลย คือตัวละครสองพี่น้องนี้เหมือนจะปูมาให้ดูมีความสำคัญกับหนัง แต่ท้ายที่สุดก็แค่ตัวประกอบที่ไม่จำเป็นต้องมีบทในหนังเรื่องนี้เลยก็ได้ ถ้าจะให้อินกับความสัมพันธ์ของพี่น้องมันก็ช่างเบาบางจนหาความน่าเชื่อถือแทบไม่เจอ
พ่อแม่ของสองพี่น้อง ก็รู้ว่าเป็นตัวประกอบ แต่ก็ไร้ประโยชน์และเพิ่มความน่ารำคาญให้กับหนังอีกตัวละครหนึ่งเลย กับฉากร้องไห้ที่น้องสาวเธอไม่ได้ดูแลลูกๆที่อยู่สวนสัตว์ คือเจ๊จะอะไรขนาดนั้น แล้วเรื่องที่จะหย่ากับสามีอีก ที่เจ้าเด็กน้อยเปิดประเด็นไว้ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรหลงเหลือเช่นเคย
นางเอก นอกจากวีรกรรมใส่ส้นสูงวิ่งหนีไดโนเสาร์ที่ทุกคนทราบกันดีแล้ว ฉากตอนจบนี่ก็พีคเช่นกัน อยู่ดีๆก็ไปวิ่งล่อที-เร็กซ์มาช่วย ที-เร็กซ์ก็รู้งานดีด้วยว่าต้องสู้กับเจ้านี่ ฉลาดแบบสุดๆทั้งคนทั้งไดโนเสาร์ไปเลย
พระเอก ก็พระเอกสุดๆ เด็กหายไปสองคนก็ยังมีอารมณ์มาเอ็นดูไดโนเสาร์ที่กำลังจะตาย นางเอกก็บ้าจี้อินไปกับเขาด้วยเอาสิ ลืมไปหรือไงว่ากำลังตามหาเด็กอยู่ แต่ตัวพระเอกนี่ถือว่าดีที่สุดในหนังแล้ว เพราะได้ใช้วิชาควบคุมแร็ปเตอร์ในตอนท้ายเรื่อง พอจะมีประโยชน์กับหนังที่สุดแล้ว
ส่วนตัวประกอบอื่นๆที่ตายไป คือจะตายก็ตายไปเถอะ เราไม่ได้สงสาร ไม่ได้อินอะไรเลย ต่อให้พระเอกกับนางเอกตายก็ไม่รู้ว่าหนังจะทำให้อินได้หรือเปล่า ถือเป็นความล่มสลายของหนังเรื่องนี้แบบไร้ที่ชมจริงๆ
สุดท้ายฉากต่างๆที่จะชวนให้นึกถึง 'จูราสสิค ปาร์ค' ก็ไม่มีพลังมากพอให้เรารู้สึกตื่นเต้น แม้จะเอาที-เร็กซ์ มาเป็นตัวเอกในตอนท้าย ก็ยังไม่อินอยู่ดี แล้วอยู่ดีๆเจ้าได้โนเสาร์ใต้น้ำมาช่วยอีก นี่กะตั้งทีม 'อเวนเจอร์ จูราสสิค' กันเลยหรือไง ภาคหน้าได้ออกมากู้โลกช่วยเหลือมนุษยชาติกันแน่ๆ
เพิ่มเติม *อีกอย่างที่ลืมบ่น ฉากต่างๆมันดูหลอกลวงมากๆ ซีจีไม่ผ่านจริงๆกับหนังระดับนี้
#คุยเรื่องหนัง #JurassicWorld
บ่นหนัง 'Jurassic World' การล่มสลายของสวนไดโนเสาร์ (สปอยแหลก)
แม้ในภาพยนตร์สวนไดโนเสาร์ได้กลับมาเปิดอีกครั้งในชื่อ 'จูราสสิค เวิลด์' แต่สำหรับผมแล้วสวนไดโนเสาร์ใหม่นี้มันเหมือนไม่มีชีวิตอยู่เลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผมเลือกที่จะเข้าไปดูเพราะต้องการแค่ความบันเทิงเพียงเท่านั้น เพราะเหลียวซ้ายแลขวาดูแล้วไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่จะอยากดูแบบจริงจังเลยเลือกดูเรื่องนี้ เพราะด้วยที่มันเป็นหนังฟอร์มใหญ่ มีชื่อมานาน ในใจก็คิดว่ามันต้องสนุก และดีในระดับหนึ่งแน่ๆ เพราะด้วยชื่อจูราสสิค คงไม่มีใครกล้าเอามาทำให้เจ็บตัวเป็นแน่แท้ ซึ่งถ้ามองในแง่ของรายได้ก็ถือว่าปลอดภัยหายห่วง แต่ในเรื่องของคุณภาพและความคาดหวังของผมแล้วมันช่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
อย่างที่บอกไว้แต่ต้น ว่าผมต้องการเพียงแค่ความบันเทิงจากหนังเรื่องนี้เท่านั้น แต่นั่นคือสิ่งที่หนังแทบไม่มีให้ผมเลยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ทั้งความสนุกตื่นเต้น ความตลกขบขัน ความระทึกใจ ไม่มีอยู่เลยจริงๆ จะพอให้ครื้นเครงอยู่บ้างก็เป็นฉากที่นางเอกวิ่งหนีไดโนเสาร์จนแซงพระเอกไปนั่นแหละ ขำที่สุดแล้ว ถ้าตื่นเต้นที่สุดก็ตอนที่พระเอกต้องหนีไดโนเสาร์ในตอนต้นเรื่องเท่านั้น ที่เหลือชีพจรผมเดินคงที่มากๆ จะมีอารมณ์ร่วมหน่อยก็ตรงความน่ารำคาญตัวละครในเรื่องนี่แหละ
ตั้งแต่เปิดเรื่องหนังใส่ดนตรีประกอบพยายามบิ๊วอารมณ์คนดูอย่างมาก แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย เพราะบทหนังไม่ได้ปูอะไรที่จะนำไปสู่การมีอารมณ์ร่วมกับหนังแม้แต่น้อย เริ่มมาเป็นเด็กชายพี่น้องสองคนที่จะไปเที่ยวจูราสสิค เวิลด์ คนน้องนี้ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นไม่มีหยุดหย่อนจนรำคาญว่ามันจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนาไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ส่วนเจ้าคนพี่ก็เอาแต่เหล่สาวอยู่นั่นน่ารำคาญไม่แพ้กัน มาถึงนางเอกที่เป็นน้าของเด็กทั้งสองก็ยุ่งอยู่นั่น โอ๊ยนี่หนังมันจะสื่ออะไรของมันเนี่ย จับใจความอะไรไม่ได้เลยจนปาเข้าไปจะครึ่งเรื่องแล้ว ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวมันคงดีขึ้นนะ เดี๋ยวหนังก็สนุกตื่นเต้น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่โผล่ความบันเทิงออกมาเสียที
ตั้งแต่บทพูดที่น่ารำคาญ ดูยัดเยียดและไร้สาระ จนไปถึงการกระทำสุดง่าวของตัวละครทั้งหลาย ใครที่ทนอ่านมาถึงตอนนี้ทนเอาอีกละกันเพราะผมจะบ่นให้ฟังเป็นฉากๆ ทีละตัวละครไปเลย 555
คนแรกเจ้าเด็กน้อยแสนรู้ คือฉลาดมากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับไดโนเสาร์ คือปกติตัวละครแบบนี้มันต้องมีที่เด็ดที่จะได้ใช้ความสามารถในยามคับขันแน่ๆ ผลสรุปสุดท้ายคือไม่มีอะไรเลย แถมฉากน่ารำคาญที่อยู่ดีๆก็นั่งร้องไห้ที่กลัวพ่อกับแม่จะเลิกกันไปอีกหนึ่งฉาก
คนต่อมาพี่ชายของเด็กฉลาด มองสาวทั้งเรื่อง เหมือนไม่ได้จะอยากมาเที่ยวเท่าไหร่ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับไดโนเสาร์แบบน้องมันบ้างเลย(น้องก็ตื่นเต้นเหลือเกิ้นนน) แต่พอจะมีบทเท่านั้นแหละพี่แกก็อยากขับรถเข้าไปในดงไดโนเสาร์เสียดื้อๆ แล้วทั้งเรื่องก็ไม่มีอะไรให้จดจำเลย คือตัวละครสองพี่น้องนี้เหมือนจะปูมาให้ดูมีความสำคัญกับหนัง แต่ท้ายที่สุดก็แค่ตัวประกอบที่ไม่จำเป็นต้องมีบทในหนังเรื่องนี้เลยก็ได้ ถ้าจะให้อินกับความสัมพันธ์ของพี่น้องมันก็ช่างเบาบางจนหาความน่าเชื่อถือแทบไม่เจอ
พ่อแม่ของสองพี่น้อง ก็รู้ว่าเป็นตัวประกอบ แต่ก็ไร้ประโยชน์และเพิ่มความน่ารำคาญให้กับหนังอีกตัวละครหนึ่งเลย กับฉากร้องไห้ที่น้องสาวเธอไม่ได้ดูแลลูกๆที่อยู่สวนสัตว์ คือเจ๊จะอะไรขนาดนั้น แล้วเรื่องที่จะหย่ากับสามีอีก ที่เจ้าเด็กน้อยเปิดประเด็นไว้ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรหลงเหลือเช่นเคย
นางเอก นอกจากวีรกรรมใส่ส้นสูงวิ่งหนีไดโนเสาร์ที่ทุกคนทราบกันดีแล้ว ฉากตอนจบนี่ก็พีคเช่นกัน อยู่ดีๆก็ไปวิ่งล่อที-เร็กซ์มาช่วย ที-เร็กซ์ก็รู้งานดีด้วยว่าต้องสู้กับเจ้านี่ ฉลาดแบบสุดๆทั้งคนทั้งไดโนเสาร์ไปเลย
พระเอก ก็พระเอกสุดๆ เด็กหายไปสองคนก็ยังมีอารมณ์มาเอ็นดูไดโนเสาร์ที่กำลังจะตาย นางเอกก็บ้าจี้อินไปกับเขาด้วยเอาสิ ลืมไปหรือไงว่ากำลังตามหาเด็กอยู่ แต่ตัวพระเอกนี่ถือว่าดีที่สุดในหนังแล้ว เพราะได้ใช้วิชาควบคุมแร็ปเตอร์ในตอนท้ายเรื่อง พอจะมีประโยชน์กับหนังที่สุดแล้ว
ส่วนตัวประกอบอื่นๆที่ตายไป คือจะตายก็ตายไปเถอะ เราไม่ได้สงสาร ไม่ได้อินอะไรเลย ต่อให้พระเอกกับนางเอกตายก็ไม่รู้ว่าหนังจะทำให้อินได้หรือเปล่า ถือเป็นความล่มสลายของหนังเรื่องนี้แบบไร้ที่ชมจริงๆ
สุดท้ายฉากต่างๆที่จะชวนให้นึกถึง 'จูราสสิค ปาร์ค' ก็ไม่มีพลังมากพอให้เรารู้สึกตื่นเต้น แม้จะเอาที-เร็กซ์ มาเป็นตัวเอกในตอนท้าย ก็ยังไม่อินอยู่ดี แล้วอยู่ดีๆเจ้าได้โนเสาร์ใต้น้ำมาช่วยอีก นี่กะตั้งทีม 'อเวนเจอร์ จูราสสิค' กันเลยหรือไง ภาคหน้าได้ออกมากู้โลกช่วยเหลือมนุษยชาติกันแน่ๆ
เพิ่มเติม *อีกอย่างที่ลืมบ่น ฉากต่างๆมันดูหลอกลวงมากๆ ซีจีไม่ผ่านจริงๆกับหนังระดับนี้
#คุยเรื่องหนัง #JurassicWorld