กระทู้นี้...เป็นของหลานสาว ของเพื่อน
เธอเพิ่งอายุย่าง 18 ปี
สี่เดือนก่อนเธอขึ้นมากรุงเทพฯ เพราะอาการปวดท้อง และมาหาที่เรียนกวดวิชาเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
เรายังไม่สนิทกัน เลยยังไม่ได้ถามไถ่ ว่าถ้าจบ ม.6 แล้ว เธออยากเรียนอะไร
ได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังว่า เธอมีก้อนเนื้อในช่องท้อง เรายังแซวเธอว่า รีบมีไปไหน อาๆ ป้าๆ แก่จนปูนนี้ละ ยังไม่มีเลย
เรายังไม่สนิทกัน แต่เรารู้ว่าเธอเป็นเด็กจิตใจดี ร่าเริง และขี้อาย
แถมยังเป็นติ่งเกาหลีขนานแท้ ถามได้ตอบได้ทุกเรื่อง เราเปิดรูปนักร้องเกาหลีคนนึงขึ้นมา เธอบอกหนูเขิน...ไม่กล้ามองหน้าเค้า
สามเดือนก่อน เธอขึ้นมากรุงเทพฯ อีกครั้ง แต่คราวนี้มาเพราะหมอนัด เจอกัน 2 - 3 ครั้ง เพราะเราก็ออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า กลับมาก็ดึกแล้ว
สองเดือนก่อน หมอนัดอีกรอบ เธอขึ้นมากรุงเทพฯ อีกครั้ง รอบนี้เธอไม่ได้มาค้างที่บ้าน เธอมาถึงเช้า ตรวจเสร็จก็กลับเลย
อาทิตย์ที่แล้ว เธอขึ้นมากรุงเทพฯ ก่อนเวลาหมอนัด เพราะปวดจนทนไม่ไหว คราวนี้เธอต้องแอดมิท
เราถามเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นคำถามที่เพื่อนเราก็อยากรู้เหมือนกัน
สามวันที่แล้ว เพื่อนไลน์มาบอกว่า หมอพบว่าก้อนเนื้อที่ไตก้อนนั้น เป็นเนื้อร้าย...เธอมีเวลาอีก 5 ปี
เราตกใจ เฮ้ย...เด็กตัวแค่นั้นจะเป็นมะเร็งได้ยังไง เราบอกเพื่อนว่าจะไปเยี่ยม แต่เพื่อนขอไว้ ว่าถ้ามาก็คงเป่าปี่ร้องเพลงกันลั่นโรงบาล
เอาน่ะ เรายังมีเวลาอีกตั้ง 5 ปี อีกตั้ง 5 ปี วิทยาการสมัยนี้รุดหน้าจะตาย เดี๋ยวก็หาย...เราคิดอย่างนั้น
เมื่อวานนี้ เพื่อนเราโทรมาร้องไห้ เพราะหมอบอกอีกครั้งวันนี้ ว่าผลตรวจรอบนี้ยืนยันแล้ว ว่ามะเร็งที่กรวยไตของเธออยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว
และเธอเหลือเวลาอีกไม่ถึงปี
เฮ้ย....มันจะรีบไปไหนวะ ใครมันจะไปรับได้ ไม่ให้เวลาตั้งตัวกันเลยหรือไง หลานมันยังไม่ได้ลิ้มรสการอกหักเลยนะเว้ย ชีวิตในมหาวิทยาลัยแสนสนุกล่ะ ไหนจะต้องมาทุกข์ใจกับการเป็นหนี้บัตรเครดิตตอนทำงาน ไปเที่ยวเมืองนอกอีก...และอะไรอีกตั้งมากมาย
เรายังใจดีสู้เสือ บอกเพื่อนว่า พาหลานกลับไปใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ไปหักอกผู้ชายเล่นให้สาแก่ใจ
เพื่อนบอกว่า...บอกไปแล้ว แต่เธอยิ้มแล้วตอบแค่ว่า
ไม่อยากทำอะไร เพราะทำไปก็ไม่มีประโยชน์
ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร เพื่อนบอกว่าทุกคนที่รับรู้ร้องไห้กันหมด แต่เธอเข้มแข็งมาก เธอไม่ร้อง ไม่ฟูมฟาย และไม่เห็นน้ำตาของเธอเลยสักหยด
เราเจอกันไม่กี่ครั้ง เรายังไม่สนิทกัน แต่เมื่อรับรู้ยังใจหายขนาดนี้ แล้วพ่อแม่พี่น้องเล่า ใจจะสลายขนาดไหน
ทำไมชีวิตคนมีบทอย่างในละคร
ในละครเราเปลี่ยนช่องหนีได้ แต่ในชีวิตจริงของเราจะกดหนีไปช่องไหนได้
อาเป็นกำลังใจให้นะโดนัท
เราจะใช้ชีวิตอย่างไร ถ้ารู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงปี
เธอเพิ่งอายุย่าง 18 ปี
สี่เดือนก่อนเธอขึ้นมากรุงเทพฯ เพราะอาการปวดท้อง และมาหาที่เรียนกวดวิชาเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
เรายังไม่สนิทกัน เลยยังไม่ได้ถามไถ่ ว่าถ้าจบ ม.6 แล้ว เธออยากเรียนอะไร
ได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังว่า เธอมีก้อนเนื้อในช่องท้อง เรายังแซวเธอว่า รีบมีไปไหน อาๆ ป้าๆ แก่จนปูนนี้ละ ยังไม่มีเลย
เรายังไม่สนิทกัน แต่เรารู้ว่าเธอเป็นเด็กจิตใจดี ร่าเริง และขี้อาย
แถมยังเป็นติ่งเกาหลีขนานแท้ ถามได้ตอบได้ทุกเรื่อง เราเปิดรูปนักร้องเกาหลีคนนึงขึ้นมา เธอบอกหนูเขิน...ไม่กล้ามองหน้าเค้า
สามเดือนก่อน เธอขึ้นมากรุงเทพฯ อีกครั้ง แต่คราวนี้มาเพราะหมอนัด เจอกัน 2 - 3 ครั้ง เพราะเราก็ออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า กลับมาก็ดึกแล้ว
สองเดือนก่อน หมอนัดอีกรอบ เธอขึ้นมากรุงเทพฯ อีกครั้ง รอบนี้เธอไม่ได้มาค้างที่บ้าน เธอมาถึงเช้า ตรวจเสร็จก็กลับเลย
อาทิตย์ที่แล้ว เธอขึ้นมากรุงเทพฯ ก่อนเวลาหมอนัด เพราะปวดจนทนไม่ไหว คราวนี้เธอต้องแอดมิท
เราถามเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นคำถามที่เพื่อนเราก็อยากรู้เหมือนกัน
สามวันที่แล้ว เพื่อนไลน์มาบอกว่า หมอพบว่าก้อนเนื้อที่ไตก้อนนั้น เป็นเนื้อร้าย...เธอมีเวลาอีก 5 ปี
เราตกใจ เฮ้ย...เด็กตัวแค่นั้นจะเป็นมะเร็งได้ยังไง เราบอกเพื่อนว่าจะไปเยี่ยม แต่เพื่อนขอไว้ ว่าถ้ามาก็คงเป่าปี่ร้องเพลงกันลั่นโรงบาล
เอาน่ะ เรายังมีเวลาอีกตั้ง 5 ปี อีกตั้ง 5 ปี วิทยาการสมัยนี้รุดหน้าจะตาย เดี๋ยวก็หาย...เราคิดอย่างนั้น
เมื่อวานนี้ เพื่อนเราโทรมาร้องไห้ เพราะหมอบอกอีกครั้งวันนี้ ว่าผลตรวจรอบนี้ยืนยันแล้ว ว่ามะเร็งที่กรวยไตของเธออยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว
และเธอเหลือเวลาอีกไม่ถึงปี
เฮ้ย....มันจะรีบไปไหนวะ ใครมันจะไปรับได้ ไม่ให้เวลาตั้งตัวกันเลยหรือไง หลานมันยังไม่ได้ลิ้มรสการอกหักเลยนะเว้ย ชีวิตในมหาวิทยาลัยแสนสนุกล่ะ ไหนจะต้องมาทุกข์ใจกับการเป็นหนี้บัตรเครดิตตอนทำงาน ไปเที่ยวเมืองนอกอีก...และอะไรอีกตั้งมากมาย
เรายังใจดีสู้เสือ บอกเพื่อนว่า พาหลานกลับไปใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ไปหักอกผู้ชายเล่นให้สาแก่ใจ
เพื่อนบอกว่า...บอกไปแล้ว แต่เธอยิ้มแล้วตอบแค่ว่า
ไม่อยากทำอะไร เพราะทำไปก็ไม่มีประโยชน์
ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร เพื่อนบอกว่าทุกคนที่รับรู้ร้องไห้กันหมด แต่เธอเข้มแข็งมาก เธอไม่ร้อง ไม่ฟูมฟาย และไม่เห็นน้ำตาของเธอเลยสักหยด
เราเจอกันไม่กี่ครั้ง เรายังไม่สนิทกัน แต่เมื่อรับรู้ยังใจหายขนาดนี้ แล้วพ่อแม่พี่น้องเล่า ใจจะสลายขนาดไหน
ทำไมชีวิตคนมีบทอย่างในละคร
ในละครเราเปลี่ยนช่องหนีได้ แต่ในชีวิตจริงของเราจะกดหนีไปช่องไหนได้
อาเป็นกำลังใจให้นะโดนัท