เปิดธรรมที่ถูกปิด พระศาสดาตรัสถึงวิธีละเวทนา

    ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋            พระศาสดาตรัสถึงวิธีละเวทนา            ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋



พุทธวจนะ



เวทนาสามอย่างนี้ คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อทุกขม   สุขเวทนา ๑.

อัคคิเวสสนะ    !   สมัยใดได้เสวยสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่
ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น.


                     ในสมัยใด ได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้น.

             ในสมัยใด ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ได้เสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น.



อัคคิเวสสนะ  ! สุขเวทนาไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป ดับไปเป็นธรรมดา.


แม้ทุกขเวทนาก็ไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป ดับไปเป็นธรรมดา.

แม้อทุกขมสุขเวทนาก็ไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป ดับไปเป็นธรรมดา


✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋





  
    ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋           เวทนาอาศัยเนกขัมมะ             ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋


บุคคลเมื่อทราบความไม่เที่ยง ความแปรปรวน ความคลาย และความดับ

โสมนัสอาศัยเนกขัมมะ  พึงเกิดขึ้นก็ดี
อุเบกขาอาศัยเนกขัมมะ  พึงเกิดขึ้นก็ดี
โทมนัสอาศัยเนกขัมมะเพราะความปรารถนาเป็นปัจจัยขึ้น พึงเกิดขึ้นก็ดี




✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋


    
    ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋            พระศาสดาตรัสแสดงเหตุสำเร็จความปรารถนา            ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋



พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย    !   เราจักแสดงเหตุสำเร็จความปรารถนา แก่เธอทั้งหลาย
พวกเธอจงฟังเหตุสำเร็จความปรารถนานั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้วพระพุทธเจ้าข้า ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย  !     ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึง
เข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้


เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่
เธอจึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย   !     ภิกษุนี้ย่อมไม่เกิดในที่ไหนๆ ฯ


✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋            พระศาสดาตรัสถึง การเสวยเวทนาของพระอริยะ           ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋

พุทธวจนะ


                    
อริยสาวกผู้ได้สดับนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออก
จากทุกขเวทนา นอกจากกามสุข


เมื่อเธอไม่เพลิดเพลินกามสุข ราคานุสัยเพราะสุขเวทนาย่อมไม่นอนเนื่อง
เธอย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง

เมื่อเธอรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้นตามความเป็นจริง

อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนาย่อมไม่นอนเนื่อง

ถ้าเธอเสวยสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยสุขเวทนานั้น ถ้าเสวยทุกขเวทนา
ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยทุกขเวทนานั้น ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ย่อม
เป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น


          
    ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋            พระศาสดาตรัสถึงวิธีละเวทนา            ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋


บุคคลทราบความไม่เที่ยง ความแปรปรวน ความคลาย และความดับของรูป
ทั้งหลายนั่นแล แล้วเห็นด้วยปัญญาชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า รูปในก่อน
และในบัดนี้ ทั้งหมดนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาแล้ว


ย่อมเข้าไปตั้งความปรารถนาในอนุตตรวิโมกข์ เมื่อเข้าไปตั้งความปรารถนาใน
อนุตตรวิโมกข์ดังนี้ว่า เมื่อไร ตัวเราจึงจักบรรลุอายตนะที่พระอริยะทั้งหลาย
ได้บรรลุอยู่ในบัดนี้เล่าย่อมเกิดโทมนัสเพราะความปรารถนาเป็นปัจจัยขึ้น โทมนัส
เช่นนี้นี่เราเรียกว่า โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ


พวกเธอจงอาศัย คืออิงโทมนัสอาศัยเนกขัมมะ  นั้นๆ
แล้วละ คือล่วงเสียซึ่งโทมนัสอาศัยเรือน  นั้นๆ อย่างนี้ ย่อมเป็นอันละ
โทมนัสนั้นๆ ได้ เป็นอันล่วงโทมนัสนั้นๆ ได้


               ดูกรภิกษุทั้งหลาย   !    

พวกเธอจงอาศัย คืออิงโสมนัสอาศัยเนกขัมมะ  นั้นๆ แล้วละ คือล่วงเสียซึ่งโทมนัสอาศัยเนกขัมมะ  

นั้นๆ อย่างนี้ ย่อมเป็นอันละโทมนัสนั้นๆ ได้ เป็นอันล่วงโทมนัสนั้นๆ ได้

               ดูกรภิกษุทั้งหลาย !       

พวกเธอจงอาศัยคืออิงอุเบกขาอาศัยเนกขัมมะ  นั้นๆ แล้วละ คือล่วงเสียซึ่งโสมนัสอาศัยเนกขัมมะ  

นั้นๆ อย่างนี้ ย่อมเป็นอันละโสมนัสนั้นๆ ได้ เป็นอันล่วงโสมนัสนั้นๆ ได้ ฯ



ก็อุเบกขาที่มีความเป็นหนึ่ง อาศัยอารมณ์เป็นหนึ่ง เป็นไฉน คือ อุเบกขา
ที่อาศัยอากาสานัญจายตนะ อาศัยวิญญาณัญจายตนะ อาศัยอากิญจัญญายตนะ
อาศัยเนวสัญญานาสัญญายตนะ นี้อุเบกขาที่มีความเป็นหนึ่ง อาศัยอารมณ์เป็นหนึ่ง


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย   !   ในอุเบกขา ๒ อย่าง พวกเธอจงอาศัย คืออิงอุเบกขา
ที่มีความเป็นหนึ่ง อาศัยอารมณ์เป็นหนึ่งนั้น แล้วละ คือล่วงเสียซึ่งอุเบกขาที่มี
ความเป็นต่างๆ อาศัยอารมณ์ต่างๆ นั้น อย่างนี้ ย่อมเป็นอันละอุเบกขานี้ได้
เป็นอันล่วงอุเบกขานี้ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย


  พวกเธอจงอาศัย คืออิงความเป็นผู้ไม่มีตัณหาแล้วละ คือล่วงเสียซึ่งอุเบกขาที่มีความเป็นหนึ่ง
อาศัยอารมณ์เป็นหนึ่งนั้น อย่างนี้ ย่อมเป็นอันละอุเบกขานี้ได้ เป็นอันล่วงอุเบกขานี้ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่