ไวรัสหรือปรสิตที่อาการรุนแรงมาก ในที่สุดจะสูญพันธุ์ครับ เพราะทำให้ host ตายหมด และในที่สุดก็จะแพร่พันธุ์ไม่ได้ เพราะไม่มีhost ให้ติดเชื้อและแพร่กระจายต่อ
ไวรัสพวกที่ดำรงอยู่ได้ จึงต้องมีการประนีประนอมกับhost

ยกตัวอย่างไวรัสไข้หวัด โดยส่วนมากอาการไม่รุนแรง ส่วนมากแทบไม่ต้องกินยาและหายเอง ส่วนน้อยที่อาการหนักและถึงตาย
ในคนส่วนมากที่อาการไม่รุนแรงนี่แหละ จะเป็นคนแพร่เชื้อและทำให้ไวรัสยังดำรงอยู่ได้
หรือเชื้อบางตัว เช่น วัณโรค หลังจากได้รับเชื้อก็สามารถหลบซ่อนอยู่หลายปีกว่าจะแสดงอาการ และพอเมื่อแสดงอาการก็จะเป็นในลักษณะเจ็บป่วยเรื้อรัง คนไข้ก้อยู่ได้เรื่อยๆหลายเดือน ก็จะแพร่กระจายได้เรื่อยๆ เชื้อแบบนี้ต่างหากครับที่น่ากลัว

และตัวhost เองก็มีกลไกป้องกันเหมือนกัน ในธรรมชาติจะมีลักษณะผันแปรในแต่ละบุคคล(polymorphism) การที่เชื้อรุนแรงมาก จะทำให้คนที่ลักษณะพันธุกรรมที่ไม่สามารถต้านทานเชื้อตายไปหมด คงเหลือแต่คนที่มีความต้านทาน ซึ่งในที่สุดเชื้อก็จะทำอะไรไม่ได้ในรุ่นหลังๆ เรียกกระบวนการนี้ว่าการคัดสรรโดยธรรมชาติ (natural selection)

ตัวอย่างในเรื่องนี้ ก็อย่างเช่น ในธรรมชาติเชื้อโรคก็จะมีหลากหลายสายพันธุ์ทั้งดื้อยาและไม่ดื้อยา แต่หากเราใช้ยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อ ก็จะเป็นการคัดสรรเอาเชื้อธรรมดาออกไป คงเหลือไว้เฉพาะสายพันธุ์ที่ดื้อยา ทำให้ในที่สุดยาฆ่าเชื้อที่เคยใช้ได้ผล ก็จะไม่ได้ผลอีกต่อไป

ไวรัสแบบในหนัง ถ้ามีจริง เราคงทำอะไรไม่ได้มากครับ
แต่ธรรมชาติจะเป็นคนจัดการเอง

เชื้อจะทำลายคนไม่มีภูมิไปหมด เหลือแต่คนมีภูมิต้านทานซึ่งเชื้อทำอะไรไม่ได้ และเชื้อก็จะหายไปในที่สุดเพราะทำให้hostที่สามารถติดต่อได้ ตายไปเสียหมด
และเชื้อที่แบ่งตัวเร็ว โตเร็วแบบนี้ ต้องใช้พลังงานและสารทางพันธุกรรมมาก ซึ่งเชื้อแบบนี้มักจะตอบสนองต่อยาโดยเฉพาะยาที่ไปยับยั้งการแบ่งเซลล์หรือยับยั้งการสร้างสารพันธุกรรม แตกต่างกับพวกเชื้อที่โตช้าๆ นอกจากจะแพร่พันธุ๋ได้เรื่อยๆเพราะhostไม่ตาย ยังไม่ค่อยจะตอบสนองกับยาซักเท่าไร