สวัสดีครับ
ผมเพิ่งหัดเขียนกระทู้ครั้งแรกเลย อาจอ่านยากนิดนึงแต่ก็ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ
สมัยตอนผมเรียนมหาลัย ผมมีโอกาสได้เลี้ยงสุนัขหลงทางอยู่ตัวนึง
เค้าหลงทางมาจากไหนไม่มีใครทราบ เค้าเป็นสุนัขแสนรู้ นั่งรถเป็น นั่นเป็นเสน่ห์ของเค้า
ด้วยความผูกพันธ์ทำให้ผมรักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แต่เหมือนวาสนาที่มีทำให้เราได้เจอกันแค่เพียงชั่วเวลา
ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง ที่พัก หรือสภาพแวดล้อม หรืออะไรหลายๆอย่าง ทำให้ผมดูแลเค้าได้ไม่เต็มที่
จึงมีคนมาขอเค้าไปเลี้ยง
นั่นเป็นการอกหักจากสัตว์ครั้งแรกของผม
แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
.
.
.
.
ผมทำงานที่ต้องออกนอกสถานที่ ทำให้ผมได้เจอสถานที่ใหม่ๆ และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
ในครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้ไปที่หาดแห่งหนึ่ง
สิ่งที่ผมเห็นในตอนนั้น คือภาพน้องๆ 'หมาจร' ที่นอนอยู่เต็มหาด เต็มจริงๆครับ เยอะมากๆ
หลังจากวันนั้น ผมได้ปรึกษากับพี่สาวว่าจะนำอาหารไปให้
อาจเป็นเพราะความคิดถึงสุนัขตัวเก่าที่ผมเคยเลี้ยง หรือไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ
แต่ก็เป็นความตั้งใจครั้งแรกที่ผมตั้งใจจะทำให้กับสัตว์ที่ผมไม่รู้จักกับมันมาก่อน
วันหยุดงานในอาทิตย์นั้น
ผมได้ออกไปให้อาหารกับพวกสุนัขเหล่านั้น แต่ผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากพวกเขา
พวกเขามีความขี้กลัวอยู่ในตัว (โรคโฟเบีย) อาจเป็นเพราะเขาเคยถูกทำร้าย ร่างกายของเขาผอมโซ
อาหารที่เสียบไม้ที่ผมเตรียมมาให้พวกเขา ไม่มีเลยสักตัวที่จะมากินจากมือผม
ผมต้องโยนไปให้พวกเขา แล้วพวกเขาก็จะแย่งกัน
ผมนั่งอยู่ที่นั่นได้ทั้งวัน
.
.
.
จนมืดค่ำ
อาหารเสียบไม้ที่ซื้อมาก็หมด แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ตรงที่นั้น
น้องสุนัขบางกลุ่มก็เริ่มนอนหลับ บางกลุ่มก็เล่นกันกลางถนน
ทันใดนั้น
มีรถกระบะคันนึงขับมาแล้วบีบแตรเพื่อหวังจะให้สุนัขหลีกทาง แต่เขาไม่ได้ชะลอรถแต่อย่างใด
กลุ่มสุนัขที่เล่นกันอยู่ พลางกันวิ่งหนีรถกระบะคันนั้นที่ใกล้จะเหยียบพวกมันเต็มที
ผมได้แต่ยืนมองและอึ้งกับการกระทำของคนคนนั้น พลางก็ลุ้นให้สุนัขพวกนั้นหนีรอดปลอดภัย
สุนัขกลุ่มนั้นหนีมาได้ปลอดภัย รถกระบะคันนั้นไม่มีการหยุดดูหรืออะไรทั้งนั้น
วันนั้นผมกลับมาปรึกษากับพี่สาวว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
ด้วยความที่พี่สาวโตกว่าผมมาก เขาบอกว่าถ้าเอามาก็จะต้องมีความรับผิดชอบ
ต้องคอยให้อาหาร จะออกไปไหนก็ต้องรีบกลับ ไหนจะเรื่องของที่พักอาศัย
(เพราะผมได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวซึ่งเขาพักอยู่กับเพื่อน)
และผมก็ไม่ได้คิดว่าสุนัขจะเข้ากับทุกคนในบ้านได้ไหม
เขาเตือนผมแล้ว
แต่ด้วยความเป็นเด็ก และความสงสารสุนัขพวกนั้น และด้วยความคิดถึงสุนัขตัวเก่า
หรือด้วยอะไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยพวกเขา
อย่างน้อยช่วยได้สักตัว ให้มีชีวิตที่ดีกว่าการอยู่หลบๆซ่อนๆ
คอยระแวงคนคอยทำร้าย คอยระวังรถที่จะมาทับเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
นี่คือความคิดแบบเด็กๆ ของผม
.
.
.
วันต่อมาผมได้ไปสถานที่เดิมอีกครั้งกับพี่สาวและอาหารเสียบไม้จำนวนหนึ่ง
แต่สิ่งที่ผมสังเกตได้ชัดก็คือ
จำนวนสุนัขตรงนั้นน้อยลงไปมาก
ผมใช้วิธีการคัดเลือกสุนัขของผมด้วยการนำอาหารที่เตรียมมาวางไว้ในมือ
แล้วให้เขามากินเองจากมือผม
เหตุการณ์เป็นเหมือนเดิม ไม่มีตัวไหนกินอาหารจากมือของผม
และในตอนนั้น
มีผู้โชคดีที่กล้าๆกลัวๆ ค่อยๆย่องมากินอาหารจากมือ
สุนัขตัวนี้เป็นสุนัขที่คนทั่วไปเรียกว่าสุนัขหน้าขน มอมแมม ฯลฯ
รูปร่างตัวเล็ก ผอมโซ และขนด่างๆ ขึ้นบ้างแหว่งบ้าง
ส่วนสุนัขตัวทีเหลือได้แต่ยืนมอง เพียงเพราะไม่กล้าเข้าใกล้ผม
ผมนำอาหารเสียบไม้ที่เหลือ โยนให้สุนัขตัวอื่นได้กินบ้าง
และแล้วผมก็ลองอุ้มเจ้ามอมแมมขึ้นมา
ตัวเขาไม่ได้หนักมาก ตามประสาสุนัขเด็ก
ผมตัดสินใจว่านี่แหละ ตัวนี้แหละ จะดูแลให้ดีเอง
จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป
นี่คือภาพของเค้าที่มาอยู่กับผมวันแรก
ผมตั้งชื่อให้เค้าว่าไฮเตอร์ เป็นชื่อล้อเลียนผิวหนังของเขาที่ด่างๆ มีขนบ้างไม่มีขนบ้างครับ
หลังจากผมทำงานเหนื่อยมา
ทุกครั้งที่เห็นเค้าออกมายืนเกาะรั้วรับผมก็หายเหนื่อยทันที
เป็นแบบนี้ทุกวันๆ
.
.
.
พอเลี้ยงได้สักพัก
ผมก็อยากจะจับเค้าแต่งตัวถ่ายรูปสวยๆ
อาจจะเพราะดูเพจสุนัขในเฟสบุ๊ค ทั้งพี่กลูต้า ทั้งด๊อกแวร์เมน ฯลฯ
ผมเลยเริ่มจากการแต่งตัวง่ายๆก่อน เริ่มจากผ้าพันคอ
หลังจากนั้นกลายเป็นคนเห่อสุนัขไปเลย
คล้ายๆกับการแต่งรถ แต่นี่เป็นการแต่งสุนัข เวลาไปไหนมาไหน
ก็จะดูนู่นดูนี่เพื่อจะมาจับสวมใส่ให้ลูกเรา
แต่พอเลี้ยงไปสักพักก็มีปัญหา
ด้วยความที่เจ้าไฮเตอร์เป็นสุนัขขี้กลัว เขาจะมีระบบป้องการตัวคือการเห่า
ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ
พอรูมเมทของพี่สาวกลับมาที่บ้านพัก เจ้าไฮเตอร์ก็ดันไปเห่าเค้า
ทำให้ผมผู้เป็นผู้อาศัยต้องหาที่พักใหม่ เพราะเกรงใจรูมเมทของพี่สาวครับ
.
.
พอเราได้ที่พักใหม่
ผมก็เห็นถึงความเหงาของไฮเตอร์ ไฮเตอร์ถูกเลี้ยงไว้ในหอพัก
จะได้วิ่งแค่ตอนเช้าก่อนผมไปทำงานและตอนกลางคืนหลังผมกลับมาจากที่ทำงาน
ผมนั่งมองเขาแล้วคิดว่าอยากจะหาเพื่อนให้เขา
.
.
.
ระหว่างที่ผมเล่นเฟสบุ๊คอยู่
ผมก็เห็นโพสหาบ้านของสุนัขตัวหนึ่ง
ผมได้ตกลงกับพี่สาวที่จะไปดูสุนัขตัวนั้นด้วยตัวเอง
และนี่ก็คือสุนัขที่ผมกับพี่สาวได้ไปรับมาเลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าไฮเตอร์
ผมตั้งชื่อให้น้องว่าฮิตเลอร์
เพราะน้องลายที่ต่อมาจากจมูกลงมาถึงปาก คล้ายกับหนวดของท่านผู้นำนั้น
และนิสัยการกัดแทะทุกสิ่งทุกอย่าง
ด้วยความน่ารักของเค้า ผมหลงรักเจ้าฮิตเลอร์เข้าอย่างจัง
ผมกลายเป็นคุณพ่อลูกสองอย่างไม่รู้ตัว
แล้ววันหนึ่งที่ผมต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพี่สาว
แต่ผมไม่อยากทิ้งเค้าไว้
ผมจึงขอพี่สาวว่าอยากพาพวกเค้าไปด้วย
นี่คือทริปแรกที่เราพาน้องๆ ไปเที่ยวไกลๆ ครั้งแรกครับ
หลังจากทริปนี้ ผมสนุกกับการได้ถ่ายรูปลูกๆทั้งสองตัวมากครับ
ส่วนเจ้าสองตัวนี้ก็คงจะมีความสุขกับการได้เล่นทรายเล่นน้ำทะเล
ได้ไปเจอที่แปลกใหม่
คนได้เที่ยว สุนัขก็ต้องได้เที่ยวครับ
ผมคิดแบบนี้นะ
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าทั้งไฮเตอร์และฮิตเลอร์จะมีความสุขกว่าอยู่ที่เดิมหรือปล่าว
แต่ผมก็จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด อย่างน้อยพวกเค้าก็ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
และอีกอย่างที่รับรู้ได้จากเจ้าสองตัวนี้
สุนัขไทยสวยหล่อไม่แพ้สุนัขพันธุ์เลยครับ
ลองดูครับ
ถ้าอยากเลี้ยงสุนัขสักตัว เราไม่ต้องลงทุนอะไรเลยครับ
สุนัขไทยที่เราเห็นกันทั่วไป เราเลือกได้มากกว่าไปเดินสวนจตุจักรอีกครับ
ทั้งสี ทั้งหน้าตา นิสัย
แถมเรายังจะได้ช่วยเค้าให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกครับ
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องราวของไฮเตอร์และฮิตเลอร์มากครับ
ติดตามเรื่องราวความวุ่นของเจ้าสองตัวนี้ได้ที่
http://www.facebook.com/hyterfamily
เลี้ยงหมาจรแบบจริงจังครั้งแรก...
ผมเพิ่งหัดเขียนกระทู้ครั้งแรกเลย อาจอ่านยากนิดนึงแต่ก็ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ
สมัยตอนผมเรียนมหาลัย ผมมีโอกาสได้เลี้ยงสุนัขหลงทางอยู่ตัวนึง
เค้าหลงทางมาจากไหนไม่มีใครทราบ เค้าเป็นสุนัขแสนรู้ นั่งรถเป็น นั่นเป็นเสน่ห์ของเค้า
ด้วยความผูกพันธ์ทำให้ผมรักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แต่เหมือนวาสนาที่มีทำให้เราได้เจอกันแค่เพียงชั่วเวลา
ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง ที่พัก หรือสภาพแวดล้อม หรืออะไรหลายๆอย่าง ทำให้ผมดูแลเค้าได้ไม่เต็มที่
จึงมีคนมาขอเค้าไปเลี้ยง
นั่นเป็นการอกหักจากสัตว์ครั้งแรกของผม
แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
.
.
.
.
ผมทำงานที่ต้องออกนอกสถานที่ ทำให้ผมได้เจอสถานที่ใหม่ๆ และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
ในครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้ไปที่หาดแห่งหนึ่ง
สิ่งที่ผมเห็นในตอนนั้น คือภาพน้องๆ 'หมาจร' ที่นอนอยู่เต็มหาด เต็มจริงๆครับ เยอะมากๆ
หลังจากวันนั้น ผมได้ปรึกษากับพี่สาวว่าจะนำอาหารไปให้
อาจเป็นเพราะความคิดถึงสุนัขตัวเก่าที่ผมเคยเลี้ยง หรือไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ
แต่ก็เป็นความตั้งใจครั้งแรกที่ผมตั้งใจจะทำให้กับสัตว์ที่ผมไม่รู้จักกับมันมาก่อน
วันหยุดงานในอาทิตย์นั้น
ผมได้ออกไปให้อาหารกับพวกสุนัขเหล่านั้น แต่ผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากพวกเขา
พวกเขามีความขี้กลัวอยู่ในตัว (โรคโฟเบีย) อาจเป็นเพราะเขาเคยถูกทำร้าย ร่างกายของเขาผอมโซ
อาหารที่เสียบไม้ที่ผมเตรียมมาให้พวกเขา ไม่มีเลยสักตัวที่จะมากินจากมือผม
ผมต้องโยนไปให้พวกเขา แล้วพวกเขาก็จะแย่งกัน
ผมนั่งอยู่ที่นั่นได้ทั้งวัน
.
.
.
จนมืดค่ำ
อาหารเสียบไม้ที่ซื้อมาก็หมด แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ตรงที่นั้น
น้องสุนัขบางกลุ่มก็เริ่มนอนหลับ บางกลุ่มก็เล่นกันกลางถนน
ทันใดนั้น
มีรถกระบะคันนึงขับมาแล้วบีบแตรเพื่อหวังจะให้สุนัขหลีกทาง แต่เขาไม่ได้ชะลอรถแต่อย่างใด
กลุ่มสุนัขที่เล่นกันอยู่ พลางกันวิ่งหนีรถกระบะคันนั้นที่ใกล้จะเหยียบพวกมันเต็มที
ผมได้แต่ยืนมองและอึ้งกับการกระทำของคนคนนั้น พลางก็ลุ้นให้สุนัขพวกนั้นหนีรอดปลอดภัย
สุนัขกลุ่มนั้นหนีมาได้ปลอดภัย รถกระบะคันนั้นไม่มีการหยุดดูหรืออะไรทั้งนั้น
วันนั้นผมกลับมาปรึกษากับพี่สาวว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
ด้วยความที่พี่สาวโตกว่าผมมาก เขาบอกว่าถ้าเอามาก็จะต้องมีความรับผิดชอบ
ต้องคอยให้อาหาร จะออกไปไหนก็ต้องรีบกลับ ไหนจะเรื่องของที่พักอาศัย
(เพราะผมได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวซึ่งเขาพักอยู่กับเพื่อน)
และผมก็ไม่ได้คิดว่าสุนัขจะเข้ากับทุกคนในบ้านได้ไหม
เขาเตือนผมแล้ว
แต่ด้วยความเป็นเด็ก และความสงสารสุนัขพวกนั้น และด้วยความคิดถึงสุนัขตัวเก่า
หรือด้วยอะไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยพวกเขา
อย่างน้อยช่วยได้สักตัว ให้มีชีวิตที่ดีกว่าการอยู่หลบๆซ่อนๆ
คอยระแวงคนคอยทำร้าย คอยระวังรถที่จะมาทับเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
นี่คือความคิดแบบเด็กๆ ของผม
.
.
.
วันต่อมาผมได้ไปสถานที่เดิมอีกครั้งกับพี่สาวและอาหารเสียบไม้จำนวนหนึ่ง
แต่สิ่งที่ผมสังเกตได้ชัดก็คือ
จำนวนสุนัขตรงนั้นน้อยลงไปมาก
ผมใช้วิธีการคัดเลือกสุนัขของผมด้วยการนำอาหารที่เตรียมมาวางไว้ในมือ
แล้วให้เขามากินเองจากมือผม
เหตุการณ์เป็นเหมือนเดิม ไม่มีตัวไหนกินอาหารจากมือของผม
และในตอนนั้น
มีผู้โชคดีที่กล้าๆกลัวๆ ค่อยๆย่องมากินอาหารจากมือ
สุนัขตัวนี้เป็นสุนัขที่คนทั่วไปเรียกว่าสุนัขหน้าขน มอมแมม ฯลฯ
รูปร่างตัวเล็ก ผอมโซ และขนด่างๆ ขึ้นบ้างแหว่งบ้าง
ส่วนสุนัขตัวทีเหลือได้แต่ยืนมอง เพียงเพราะไม่กล้าเข้าใกล้ผม
ผมนำอาหารเสียบไม้ที่เหลือ โยนให้สุนัขตัวอื่นได้กินบ้าง
และแล้วผมก็ลองอุ้มเจ้ามอมแมมขึ้นมา
ตัวเขาไม่ได้หนักมาก ตามประสาสุนัขเด็ก
ผมตัดสินใจว่านี่แหละ ตัวนี้แหละ จะดูแลให้ดีเอง
จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป
นี่คือภาพของเค้าที่มาอยู่กับผมวันแรก
ผมตั้งชื่อให้เค้าว่าไฮเตอร์ เป็นชื่อล้อเลียนผิวหนังของเขาที่ด่างๆ มีขนบ้างไม่มีขนบ้างครับ
หลังจากผมทำงานเหนื่อยมา
ทุกครั้งที่เห็นเค้าออกมายืนเกาะรั้วรับผมก็หายเหนื่อยทันที
เป็นแบบนี้ทุกวันๆ
.
.
.
พอเลี้ยงได้สักพัก
ผมก็อยากจะจับเค้าแต่งตัวถ่ายรูปสวยๆ
อาจจะเพราะดูเพจสุนัขในเฟสบุ๊ค ทั้งพี่กลูต้า ทั้งด๊อกแวร์เมน ฯลฯ
ผมเลยเริ่มจากการแต่งตัวง่ายๆก่อน เริ่มจากผ้าพันคอ
หลังจากนั้นกลายเป็นคนเห่อสุนัขไปเลย
คล้ายๆกับการแต่งรถ แต่นี่เป็นการแต่งสุนัข เวลาไปไหนมาไหน
ก็จะดูนู่นดูนี่เพื่อจะมาจับสวมใส่ให้ลูกเรา
แต่พอเลี้ยงไปสักพักก็มีปัญหา
ด้วยความที่เจ้าไฮเตอร์เป็นสุนัขขี้กลัว เขาจะมีระบบป้องการตัวคือการเห่า
ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ
พอรูมเมทของพี่สาวกลับมาที่บ้านพัก เจ้าไฮเตอร์ก็ดันไปเห่าเค้า
ทำให้ผมผู้เป็นผู้อาศัยต้องหาที่พักใหม่ เพราะเกรงใจรูมเมทของพี่สาวครับ
.
.
พอเราได้ที่พักใหม่
ผมก็เห็นถึงความเหงาของไฮเตอร์ ไฮเตอร์ถูกเลี้ยงไว้ในหอพัก
จะได้วิ่งแค่ตอนเช้าก่อนผมไปทำงานและตอนกลางคืนหลังผมกลับมาจากที่ทำงาน
ผมนั่งมองเขาแล้วคิดว่าอยากจะหาเพื่อนให้เขา
.
.
.
ระหว่างที่ผมเล่นเฟสบุ๊คอยู่
ผมก็เห็นโพสหาบ้านของสุนัขตัวหนึ่ง
ผมได้ตกลงกับพี่สาวที่จะไปดูสุนัขตัวนั้นด้วยตัวเอง
และนี่ก็คือสุนัขที่ผมกับพี่สาวได้ไปรับมาเลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าไฮเตอร์
ผมตั้งชื่อให้น้องว่าฮิตเลอร์
เพราะน้องลายที่ต่อมาจากจมูกลงมาถึงปาก คล้ายกับหนวดของท่านผู้นำนั้น
และนิสัยการกัดแทะทุกสิ่งทุกอย่าง
ด้วยความน่ารักของเค้า ผมหลงรักเจ้าฮิตเลอร์เข้าอย่างจัง
ผมกลายเป็นคุณพ่อลูกสองอย่างไม่รู้ตัว
แล้ววันหนึ่งที่ผมต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพี่สาว
แต่ผมไม่อยากทิ้งเค้าไว้
ผมจึงขอพี่สาวว่าอยากพาพวกเค้าไปด้วย
นี่คือทริปแรกที่เราพาน้องๆ ไปเที่ยวไกลๆ ครั้งแรกครับ
หลังจากทริปนี้ ผมสนุกกับการได้ถ่ายรูปลูกๆทั้งสองตัวมากครับ
ส่วนเจ้าสองตัวนี้ก็คงจะมีความสุขกับการได้เล่นทรายเล่นน้ำทะเล
ได้ไปเจอที่แปลกใหม่
คนได้เที่ยว สุนัขก็ต้องได้เที่ยวครับ
ผมคิดแบบนี้นะ
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าทั้งไฮเตอร์และฮิตเลอร์จะมีความสุขกว่าอยู่ที่เดิมหรือปล่าว
แต่ผมก็จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด อย่างน้อยพวกเค้าก็ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
และอีกอย่างที่รับรู้ได้จากเจ้าสองตัวนี้
สุนัขไทยสวยหล่อไม่แพ้สุนัขพันธุ์เลยครับ
ลองดูครับ
ถ้าอยากเลี้ยงสุนัขสักตัว เราไม่ต้องลงทุนอะไรเลยครับ
สุนัขไทยที่เราเห็นกันทั่วไป เราเลือกได้มากกว่าไปเดินสวนจตุจักรอีกครับ
ทั้งสี ทั้งหน้าตา นิสัย
แถมเรายังจะได้ช่วยเค้าให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกครับ
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องราวของไฮเตอร์และฮิตเลอร์มากครับ
ติดตามเรื่องราวความวุ่นของเจ้าสองตัวนี้ได้ที่
http://www.facebook.com/hyterfamily