"เรตติ้ง" ไม่มีผลกับการโฆษณาเเล้ว?

BEC แย้มขึ้นค่าโฆษณา ลุยแข่งขันยุคทีวีดิจิตอล

BEC ชี้แผนปรับขึ้นค่าโฆษณาปีนี้ หลังไม่ได้ขึ้นมา 3 ปี แต่ต้องดูการแข่งขันในทีวี “ยุคทีวีดิจิตอล” ก่อน ด้านโบรกฯ มองปรับผังรายการทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องใหม่ มีผลตั้งแต่เดือนเม.ย. 58 เป็นต้นไป หวังเพิ่มเรตติ้งช่อง-รายได้โฆษณา



นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นค่าโฆษณาในปีนี้ หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นค่าโฆษณามาแล้วประมาณ 3 ปี โดยปัจจุบันค่าโฆษณาของบริษัทในช่วงไพร์มไทม์อยู่ที่ประมาณ 480,000 บาทต่อนาที ปรับขึ้นจากรอบที่แล้วประมาณ 30,000 บาทต่อนาทีเท่านั้น ซึ่งคงต้องรอดูสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจทีวีก่อน เพราะมีปัจจัยเรื่องทีวีดิจิตอลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  

“สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 1/58 มีทิศทางที่ดี แม้ว่าช่วงเดือนมกราคมจะค่อนข้างมีปัญหา แต่เดือนกุมภาพันธ์สถานการณ์ทุกอย่างก็ดีขึ้น มีอัตราการใช้พื้นที่โฆษณาอยู่ที่ 100% แต่ยังคงต้องรอประเมินสถานการณ์ช่วงเดือนมีนาคมก่อนว่าจะดีต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ ถึงจะบอกได้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/58 นี้จะดีกว่าไตรมาส 4/57 หรือไม่”

ขณะที่แผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ จะมีการลงทุนตามสถานการณ์และความเหมาะสม ซึ่งคงจะมีการเพิ่มการลงทุนในส่วนของคอนเทนต์ในช่องทีวีดิจิตอลของบริษัทแต่ยังไม่มากนัก เพราะมองว่ายังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการลงทุน ต้องรอสถานการณ์ก่อน แต่คงต้องมีการลงทุนเรื่องคอนเทนต์ใหม่ๆ เข้ามาเสริมบ้าง ประกอบกับมีการเตรียมความพร้อมเพื่อสถานการณ์ที่ไม่ปกติจนต้องมีการลงทุนไว้แล้ว

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่า BEC เตรียมที่จะกลับมาทวงเรตติ้งช่อง รวมถึงส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาของทั้งสองช่องทีวีดิจิตอลคืน จากการปรับผังรายการทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องใหม่ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 เป็นต้นไป แต่ประเมินว่ายังคงต้องจับตาดูว่าช่องทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องของ BEC จะสามารถเพิ่มเรตติ้งช่อง รวมถึงรายได้โฆษณาได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องตามมาด้วยต้นทุนคอนเทนต์ที่จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

โดยตั้งข้อสงสัยว่า BEC จะยังคงสามารถรักษาอัตราค่าโฆษณาของทีวีอนาล็อกภายใต้สถานการณ์ที่ช่องทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นอีก 24 ช่องได้หรือไม่ จึงยังคงคำแนะนำ “ขาย” เนื่องจากคาดการณ์ลดลงของอัตราค่าโฆษณาของช่องทีวีอนาล็อกในอนาคตและความเสี่ยงที่ผลขาดทุนสุทธิของธุรกิจทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2558 ซึ่งประเมินว่าผลประกอบการของ BEC ปี 2558 จะมีรายได้อยู่ที่ 16,324 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 16,167 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,930 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,415 ล้านบาท

ขณะที่ผู้บริหารระบุว่ารายได้โฆษณายังคงอ่อนตัวลงช่วงเดือนมกราคม 2558 แต่ยอดจองเวลาโฆษณาล่วงหน้าสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ปรับตัวดีขึ้นอย่างจากเดือนที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อรายได้โฆษณาในเดือนมีนาคมจนถึงไตรมาส 2/58 จึงยังคงมุมมองเดิมที่ว่าธุรกิจทีวีดิจิตอลจะยังคงผลขาดทุนสุทธิต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากต้นทุนคอนเทนต์ที่อยู่ในระดับสูงในช่วงเริ่มต้น ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/58 ที่ 900 ล้านบาท ลดลง 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 10% จากไตรมาสก่อน

โดย BEC จะทำการปรับผังรายการใหม่สำหรับทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ ช่องเอชดีวาไรตี้ (ซึ่งออกอากาศคู่ขนานกับช่องอนาล็อก) ช่องเอสดีวาไรตี้และช่องครอบครัว ในเดือนเมษายน 2558 รายการใหม่ที่จะฉายช่องเอสดีวาไรตี้และช่องครอบครัวจะฉาย 4 ชั่วโมงต่อวัน (18.00-22.00 น.) ซึ่ง BEC จะร่วมมือกับบริษัท เทอร์เนอร์ บรอดแคสติ้ง ซิสเต็ม เอเชีย-แปซิฟิค เพื่อนำเอาคอนเทนต์การ์ตูนและรายการทีวีใหม่สำหรับทั้งสองช่องทีวีดิจิตอลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 2558

ทั้งนี้ ยังคงต้องดูต่อไปว่าทั้งสองช่องทีวีดิจิตอลของ BEC จะสามารถเพิ่มทีวีเรตติ้งของช่องและอัตราค่าโฆษณาได้หรือไม่ ถ้าเพิ่มขึ้นไม่ได้ นั่นหมายถึงผลขาดทุนสุทธิของช่องทีวีดิจิตอลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในปี 2558 ซึ่งผู้บริหารตั้งเป้าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับช่องทีวีดิจิตอลทั้งหมดทุกช่องรวมกันอยู่ที่ 900 ล้านบาทในปี 2558

ในขณะที่...

เข้าสู่ยุคดิจิตอล ช่อง 7 ปรับตัวลดค่าโฆษณา

แม้การโฆษณาบนทีวีดิจิตอล จะยังสามารถโฆษณาได้ 12 นาทีต่อชั่วโมงเหมือนเดิม แต่สนามการแข่งขันรุนแรงมาก เพราะมีคู่แข่งเพิ่มเป็น 36 ช่อง

เมื่อช่อง 7 ได้ประมูลช่องดิจิตอลมาได้แค่ช่องเดียวก็ตาม (ทั้ง ๆ ที่ต้องการ 2 ช่อง) แต่ช่อง 7 ก็ยอมที่จะนำช่อง 7 ออริจินอล ไปออกคู่ขนานบนทีวีดิจิตอลของตัวเองด้วย

โดยช่อง 7 ใช้โปรโมชั่นค่าโฆษณาซื้อ 1 แถม 1 เช่นช่วงเวลาไพร์มไทม์ ยังมีราคานาทีละ 5 แสนบาทเหมือนเดิม แต่ซื้อ 1 แถม 1 คือ ซื้อโฆษณาช่อง 7 อนาล๊อกแต่ได้แถมโฆษณาบนช่อง 7HD พร้อมกันด้วย

หรืออย่างช่อง 9 พอเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล จากค่าโฆษณาช่วงไพรม์ไทม์ 4 - 4.5 แสนบาทต่อนาที ช่อง 9 ก็ลดราคาลงเหลือประมาณ 2.2-3.8 แสนบาทต่อนาทีเท่านั้น

นี่คือการปรับตัวเข้าสู่ทีวีดิจิตอลของทีวีที่มีคนดูอันดับ 1 และอันดับ 3 ของฟรีทีวีไทยอย่างช่อง 7 และ ช่อง 9

----------------

ช่อง 3 ขึ้นค่าโฆษณารายการเรื่องเล่าเช้านี้ อีก 10 %

ช่อง 3 ออริจินอลเป็นฟรีทีวีแต่มีรายได้จากค่าโฆษณามากที่สุดในประเทศ แม้มีจำนวนคนดูน้อยกว่าช่อง 7 อยู่เล็กน้อยก็ตาม เหตุเพราะเอเยนซี่และสินค้าต่าง ๆ สนใจลงโฆษณากับช่อง 3 มาก เพราะคนกรุงเทพฯ และคนในตัวเมืองส่วนใหญ่ชอบดูช่อง 3

เพราะช่อง 3 สนใจว่า จำนวนคนดูทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีที่นำช่อง 3 อนาล็อกไปออกนั้น มีจำนวนผู้ชมมากถึง 70 % แล้วคนดูที่ยังใช้หนวดกุ้งอยู่มีอีก 30 % ส่วนทีวีดิจิตอลนั้นยังมีคนดูน้อยมาก

ถ้าตราบใดช่องดาวเทียมและเคเบิลทีวี ที่มีคนดูจำนวน 70 % ของประเทศยังนำช่อง 3 ออริจินอลไปออกได้เหมือนเดิม ช่อง 3 ก็ไม่สนใจว่าจะต้องไปออกคู่ขนานบนทีวีดิจิตอล

ดังนั้นปี 2557 ในช่วงไพรม์ไทม์ช่อง 3 ออริจินอลยังคงราคาที่ 4.5แสนบาทต่อนาทีเหมือนเดิม

และช่อง 3 ออริจินอลเพิ่มค่าโฆษณาอีก 10 % ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเด่นเย็นนี้ ที่มีการปรับราคาโฆษณาขึ้น 10% จากเดิมนาทีละ2 แสนบาท เป็น 2.2 แสนบาท

ขอบคุณ >.. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่