ในขณะที่ไทยเรากำลังกันคุยกันเรื่อง "จะตั้งบ่อนให้ถูกกฎหมาย หรือปล่อยให้บ่อนตั้งอยู่ในแถบชายแดนแบบไม่ถูกกฎหมายไป เพื่อปกปิดหน้าตาประเทศที่เป็นเมืองพุทธของเรา.." หากมองดูประเทศที่เปิดบ่อนอย่างถูกกฎหมาย เจ้าของประเทศนำเงินภาษีที่เก็บได้มาเลี้ยงคนแก่เพื่อให้คนที่เกษียณจากงาน มีพื้นฐานปลายชีวิตอย่างมีความสุข และแจกจ่ายการรักษาพยาบาลที่ทันสมัยให้ประชาชนอย่างทั่วถึง -- ตรงนี้ผู้เขียนจิตนาการเองน่ะคะ ไม่แน่ใจว่า ประเทศที่เค้าเปิดบ่อนอย่างเสรี จะนำเงินภาษีมาเลี้ยงดูคนในประเทศ,,,?
ในขณะที่ไทยวุ่ยวายกับเรื่องภายใน NASA ได้ทำหน้าที่แจ้งรายงานถึงความจริงของผลกระทบภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้ข้อมูลที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ NASA ระบุไว้นานแล้ว....
ขณะนี้ ระดับปริมาณ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ที่อยู่ในอากาศวัดได้ในเดือนพฤษภาคม 2015 คือ 405.70 ppm (พาร์ท-เพอร์-มิลเลี่ยน) ทำให้อุณหภูมิปกติของโลก ณ ตอนนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 7.8 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิปกติของโลกได้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 แล้ว
เมื่อโลกร้อนขึ้นพื้นที่น้ำแข็งใน Arctic ลดลงไป 13.3 เปอร์เซ็นต์ทุกๆสิบปี ทำให้จำนวนน้ำแข็งที่ละลายต่อปีคิดเป็น 258 พันล้านล้านตัน เมื่อน้ำจากน้ำแข็งละลายและไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ทุกๆปีระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นวัดได้ 3.17 มิลลิเมตร
การที่เรามานั่งอ่านข่าวที่ถูกรายงานนานแล้วของ NASA อาจเป็นเพราะ,, รัฐบาลไทยรู้เรื่องผลกระทบภาวะโลกร้อนเรียบร้อยแล้ว และกำลังหาทางแก้ไขอยู่,,,,เนื่องจาก,,,หากผลกระทบโลกร้อนได้เกิดขึ้นจริง รัฐบาลไทยเกรงว่า ผู้ที่อยู่แถบชายฝั่งหรือใกล้ทะเล กำลังตกที่นั่งลำบาก จึงขอหาทางแก้ไขอย่างลับๆ เงียบๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แตกตื่น จึงใช้เรื่องเปิดบ่อน มาเบนเข็มให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์กันทาง social network ไปก่อน ,,, ? หรือ,,,,! รัฐบาลไทยอาจจะยังไม่ได้รับข่าว,,,,?
โลกร้อนเรารู้สึกได้ ผลกระทบของโลกร้อน เราเองก็ประสพและได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสพภัยมาแล้ว พวกเราจะมานั่งแย้งกันเรื่อง ,,,,จะเปิดบ่อนเสรีหรือจะให้ใครมาเป็นผู้นำประเทศไทย,,,,เพื่อให้คนอื่นหาวิธีทางแก้ไขแล้วค่อยเดินตาม ทั้งๆที่ปัญหาของภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่แต่ละประเทศต้องหาวิธีทางแก้ไขกันเอง เนื่องจากแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันทั้งทางที่ตั้งและสภาพภูมิอากาศ
สาเหตุที่สิงคโปร์ได้ดำเนินการหาพลังงานที่จะมาแทนพลังงานเชื้อเพลิง และกำลังจะเปิดใช้ในเร็วๆนี้ คงมองเห็นความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อน เพราะหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เมตร สิงคโปร์คงจะเป็นประเทศที่อยู่ใต้บาดาล ไปพร้อมๆกับ Bangladesh และประเทศอื่นๆ รวมทั้งเกือบครึ่งประเทศของไทย
การที่เรารอให้เห็นผลกระทบภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นจริงๆก่อน แล้วค่อยตัดสินใจคง,,ไม่ผิดหรอกคะ,, แต่การที่ลืมว่า คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ( CO2 ) ทำให้โลกเราร้อนขึ้นทุกวัน จนทำให้อุณหภูมิปกติของโลกย่างเข้าสู่ จุด Tipping point นั้นคือ อุณหภูมิปกติของโลกสูงขึ้นถึง 6 องศาเซลเซียส และจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และเป็นสัญญาณว่า จากนี้ไป ต้นไม้ น้ำทะเล ผิวดิน ที่เคยทำหน้าที่กักเก็บ CO2 หรือมลพิษต่างๆออกจากอากาศ ต่อไปนี้จะไม่ทำหน้าที่ดูดกักเก็บมลพิษพวกนี้อีกแล้ว เนื่องจาก CO2 หรือมลพิษ มีมากจนเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว ต้นไม้ น้ำทะเล และผิวดิน จึงขอปลดปล่อยสิ่งที่จัดการไม่ได้ เข้าสู่อากาศแทน และปล่อยให้ CO2 และมลพิษต่างๆ เพิ่มความร้อนให้กับโลกเร็วเป็นเท่าตัว เมื่อโลกร้อนเป็นทวีคูณ น้ำแข็งจากขั้วโลกทั้งสอง จะละลายเร็วขึ้น ความแปรปรวนทางอากาศจะเกิดความรุนแรงขึ้นและเร็วขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
***นอกจาก โลกเราจะได้รับ CO2 จากต้นไม้น้ำทะเลและผิวดินเพราะดูดเก็บไม่ได้แล้ว คนก็ไม่เคยลดหย่อนการปล่อย CO2 เลย ปริมาณ CO2 ในอากาศจึงมีมากเป็นเท่าตัว ภัยพิบัติทุกอย่างก็จะเกิดเร็วขึ้นตามไปด้วย***
สิงคโปร์กำลังเดินทางไปสู่การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน เพื่อวางแผนอนาคตให้กับเด็กๆสิงคโปร์ แต่ไทยเรากำลังนั่งวิเคราะห์ถึงผลกระทบเรื่องหน้าตาของประเทศว่าจะเปิดบ่อนดีไหม ,,,?
พวกเราจะปิดหูทวนลม เพื่อหวังให้โลกเกิดปฏิหาริย์ ดิฉันคิดว่า พวกเราเหล่าชาวโลกกำลังเห็นแก่ตัวอย่างไม่หยุดหย่อน การที่พวกเรากำลังให้ทิฐิมาทำลายอนาคตของเด็กๆเพียงเพื่ออยากรู้ว่าใครจะถูกกว่าหรือผิดกว่า อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาของภัยโลกร้อนได้อย่างถูกต้อง เพราะโลกหมุนไปตามกฎธรรมชาติของโลก และหากถึงเวลาที่โลกจะถึงจุด Tipping Point โลกคงไม่รอให้พวกเราหาคำตอบที่จะแก้ไขได้ก่อน ถึงจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน ทำไมโลกจะรอเพื่อให้เผ่าพันธ์ชาติมนุษย์ หาวิธีแก้เพื่อที่จะกลับมากอบโกยจนทำให้โลกต้องปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อหาความสมดุลย์ให้กับตัวเองอีกรอบ
การค้นหาพลังงานที่จะมาทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน ( FOSSIL FUEL) ไม่ได้เป็นการแข่งขันเพื่อจะได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการหาวิธีแก้เพื่อช่วยให้พวกเราสานต่อให้เด็กๆที่เกิดปีนี้หรือปีที่แล้ว หรือเด็กที่จะเกิดในวันข้างหน้า มีโลกได้ใช้กันเหมือนกับพวกเรา ที่ขณะนี้หลายท่านกำลังนั่งอ่านข่าว จิบกาแฟ เลือกอาหารทาน ดื่มน้ำสะอาด อย่างปลอดภัย ทำไมพวกเราไม่หันหน้ามาคุยกันถึงเหตุผล ผลกระทบ และวิธีการแก้ไข ของภาวะโลกร้อน ,,,,?
Ocean Thermal Energy Conversion ( OTEC ) เป็นอีกเทคโนโลยีอีกชนิดหนึ่งที่ใช้คลื่นทะเลเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ผลิตในปัจจุบัน บางประเทศได้ใช้ถ่านหินเป็นตัวให้ความร้อนเพื่อส่งความร้อนจากถ่านหินมาผลิตกระแสไฟฟ้า และขั้นตอนการเผ่าถ่านหิน เป็นขั้นตอนการปล่อย CO2 เข้าสู่อากาศทำให้โลกร้อนขึ้นอย่างทุกวันนี้
Ocean Thermal Energy Conversion จึงอาจเป็นคำตอบ เพราะ OTEC ใช้ความแตกต่างของอุณหภูมิของน้ำทะเลที่อุ่นจากผิวน้ำทะเลและน้ำทะเลที่เย็นจากน้ำใต้ทะเลเป็นตัวหมุนส่งต่อพลังงานกระแสไฟฟ้าให้ได้ใช้กัน เทคโนโลยีตัวนี้ได้ถูกใช้กับบ่อขุดเจาะน้ำมัน ต่างๆ และ Makai ได้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาว่า ขั้นตอนการผลิตกกระแสไฟฟ้าขั้นตอนนี้จะเพียงพอกับความต้องการ ในการใช้ไฟฟ้าของประชาชนทั่วไปหรือไม่ ,,,,
,,,,, ในความคิดน่ะคะ การใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ในอาคารพาณิชย์ต่างๆ น่าจะมีแผงโซล่าติดอยู่บนหลังคาของใครของมัน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในครัวเรือนของใครของมัน แต่หากบ้านไหนอาคารไหนใช้ไฟมาก ก็ต้องชื้อไฟฟ้าจากองค์กรไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ทำลายโลกมาผลิตไฟฟ้า ในเมื่อเรามีแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทุกๆวัน การผลิตไฟฟ้าตามความต้องการของแต่ล่ะบ้าน ย่อมเป็นวิธีการแก้ไขที่มีเหตึกว่า การที่จะไปลงทุนหุ้นสร้าง แล้วให้ประชาชนตาดำๆ จ่ายจนชั่วชีวิต ส่วนตัวคิดว่า เราแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุ ส่วนการปรับตัวโดยใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่กินไฟมาก และหัดตนเองมาปลูกต้นไม้ ปลูกผักกินเอง ฝึกสร้างนั้นผลิตนี้ เพื่อชีวิตที่เพียงพอช่วยเหลือแบ่งปัน ทำไมเราจะไม่สามารถช่วยลดอุณหภูมิปกติของโลกลงได้ ,,,,
OTEC อาจเป็นคำตอบของการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งนั้นก้อแค่ ,,, อาจเป็นคำตอบ,,,,
ในขณะที่ไทยวุ่ยวายกับเรื่องภายใน NASA ได้ทำหน้าที่แจ้งรายงานถึงความจริงของผลกระทบภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้ข้อมูลที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ NASA ระบุไว้นานแล้ว....
ขณะนี้ ระดับปริมาณ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ที่อยู่ในอากาศวัดได้ในเดือนพฤษภาคม 2015 คือ 405.70 ppm (พาร์ท-เพอร์-มิลเลี่ยน) ทำให้อุณหภูมิปกติของโลก ณ ตอนนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 7.8 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิปกติของโลกได้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 แล้ว
เมื่อโลกร้อนขึ้นพื้นที่น้ำแข็งใน Arctic ลดลงไป 13.3 เปอร์เซ็นต์ทุกๆสิบปี ทำให้จำนวนน้ำแข็งที่ละลายต่อปีคิดเป็น 258 พันล้านล้านตัน เมื่อน้ำจากน้ำแข็งละลายและไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ทุกๆปีระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นวัดได้ 3.17 มิลลิเมตร
การที่เรามานั่งอ่านข่าวที่ถูกรายงานนานแล้วของ NASA อาจเป็นเพราะ,, รัฐบาลไทยรู้เรื่องผลกระทบภาวะโลกร้อนเรียบร้อยแล้ว และกำลังหาทางแก้ไขอยู่,,,,เนื่องจาก,,,หากผลกระทบโลกร้อนได้เกิดขึ้นจริง รัฐบาลไทยเกรงว่า ผู้ที่อยู่แถบชายฝั่งหรือใกล้ทะเล กำลังตกที่นั่งลำบาก จึงขอหาทางแก้ไขอย่างลับๆ เงียบๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แตกตื่น จึงใช้เรื่องเปิดบ่อน มาเบนเข็มให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์กันทาง social network ไปก่อน ,,, ? หรือ,,,,! รัฐบาลไทยอาจจะยังไม่ได้รับข่าว,,,,?
โลกร้อนเรารู้สึกได้ ผลกระทบของโลกร้อน เราเองก็ประสพและได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสพภัยมาแล้ว พวกเราจะมานั่งแย้งกันเรื่อง ,,,,จะเปิดบ่อนเสรีหรือจะให้ใครมาเป็นผู้นำประเทศไทย,,,,เพื่อให้คนอื่นหาวิธีทางแก้ไขแล้วค่อยเดินตาม ทั้งๆที่ปัญหาของภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่แต่ละประเทศต้องหาวิธีทางแก้ไขกันเอง เนื่องจากแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันทั้งทางที่ตั้งและสภาพภูมิอากาศ
สาเหตุที่สิงคโปร์ได้ดำเนินการหาพลังงานที่จะมาแทนพลังงานเชื้อเพลิง และกำลังจะเปิดใช้ในเร็วๆนี้ คงมองเห็นความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อน เพราะหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เมตร สิงคโปร์คงจะเป็นประเทศที่อยู่ใต้บาดาล ไปพร้อมๆกับ Bangladesh และประเทศอื่นๆ รวมทั้งเกือบครึ่งประเทศของไทย
การที่เรารอให้เห็นผลกระทบภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นจริงๆก่อน แล้วค่อยตัดสินใจคง,,ไม่ผิดหรอกคะ,, แต่การที่ลืมว่า คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ( CO2 ) ทำให้โลกเราร้อนขึ้นทุกวัน จนทำให้อุณหภูมิปกติของโลกย่างเข้าสู่ จุด Tipping point นั้นคือ อุณหภูมิปกติของโลกสูงขึ้นถึง 6 องศาเซลเซียส และจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และเป็นสัญญาณว่า จากนี้ไป ต้นไม้ น้ำทะเล ผิวดิน ที่เคยทำหน้าที่กักเก็บ CO2 หรือมลพิษต่างๆออกจากอากาศ ต่อไปนี้จะไม่ทำหน้าที่ดูดกักเก็บมลพิษพวกนี้อีกแล้ว เนื่องจาก CO2 หรือมลพิษ มีมากจนเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว ต้นไม้ น้ำทะเล และผิวดิน จึงขอปลดปล่อยสิ่งที่จัดการไม่ได้ เข้าสู่อากาศแทน และปล่อยให้ CO2 และมลพิษต่างๆ เพิ่มความร้อนให้กับโลกเร็วเป็นเท่าตัว เมื่อโลกร้อนเป็นทวีคูณ น้ำแข็งจากขั้วโลกทั้งสอง จะละลายเร็วขึ้น ความแปรปรวนทางอากาศจะเกิดความรุนแรงขึ้นและเร็วขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
***นอกจาก โลกเราจะได้รับ CO2 จากต้นไม้น้ำทะเลและผิวดินเพราะดูดเก็บไม่ได้แล้ว คนก็ไม่เคยลดหย่อนการปล่อย CO2 เลย ปริมาณ CO2 ในอากาศจึงมีมากเป็นเท่าตัว ภัยพิบัติทุกอย่างก็จะเกิดเร็วขึ้นตามไปด้วย***
สิงคโปร์กำลังเดินทางไปสู่การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน เพื่อวางแผนอนาคตให้กับเด็กๆสิงคโปร์ แต่ไทยเรากำลังนั่งวิเคราะห์ถึงผลกระทบเรื่องหน้าตาของประเทศว่าจะเปิดบ่อนดีไหม ,,,?
พวกเราจะปิดหูทวนลม เพื่อหวังให้โลกเกิดปฏิหาริย์ ดิฉันคิดว่า พวกเราเหล่าชาวโลกกำลังเห็นแก่ตัวอย่างไม่หยุดหย่อน การที่พวกเรากำลังให้ทิฐิมาทำลายอนาคตของเด็กๆเพียงเพื่ออยากรู้ว่าใครจะถูกกว่าหรือผิดกว่า อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาของภัยโลกร้อนได้อย่างถูกต้อง เพราะโลกหมุนไปตามกฎธรรมชาติของโลก และหากถึงเวลาที่โลกจะถึงจุด Tipping Point โลกคงไม่รอให้พวกเราหาคำตอบที่จะแก้ไขได้ก่อน ถึงจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน ทำไมโลกจะรอเพื่อให้เผ่าพันธ์ชาติมนุษย์ หาวิธีแก้เพื่อที่จะกลับมากอบโกยจนทำให้โลกต้องปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อหาความสมดุลย์ให้กับตัวเองอีกรอบ
การค้นหาพลังงานที่จะมาทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน ( FOSSIL FUEL) ไม่ได้เป็นการแข่งขันเพื่อจะได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการหาวิธีแก้เพื่อช่วยให้พวกเราสานต่อให้เด็กๆที่เกิดปีนี้หรือปีที่แล้ว หรือเด็กที่จะเกิดในวันข้างหน้า มีโลกได้ใช้กันเหมือนกับพวกเรา ที่ขณะนี้หลายท่านกำลังนั่งอ่านข่าว จิบกาแฟ เลือกอาหารทาน ดื่มน้ำสะอาด อย่างปลอดภัย ทำไมพวกเราไม่หันหน้ามาคุยกันถึงเหตุผล ผลกระทบ และวิธีการแก้ไข ของภาวะโลกร้อน ,,,,?
Ocean Thermal Energy Conversion ( OTEC ) เป็นอีกเทคโนโลยีอีกชนิดหนึ่งที่ใช้คลื่นทะเลเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ผลิตในปัจจุบัน บางประเทศได้ใช้ถ่านหินเป็นตัวให้ความร้อนเพื่อส่งความร้อนจากถ่านหินมาผลิตกระแสไฟฟ้า และขั้นตอนการเผ่าถ่านหิน เป็นขั้นตอนการปล่อย CO2 เข้าสู่อากาศทำให้โลกร้อนขึ้นอย่างทุกวันนี้
Ocean Thermal Energy Conversion จึงอาจเป็นคำตอบ เพราะ OTEC ใช้ความแตกต่างของอุณหภูมิของน้ำทะเลที่อุ่นจากผิวน้ำทะเลและน้ำทะเลที่เย็นจากน้ำใต้ทะเลเป็นตัวหมุนส่งต่อพลังงานกระแสไฟฟ้าให้ได้ใช้กัน เทคโนโลยีตัวนี้ได้ถูกใช้กับบ่อขุดเจาะน้ำมัน ต่างๆ และ Makai ได้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาว่า ขั้นตอนการผลิตกกระแสไฟฟ้าขั้นตอนนี้จะเพียงพอกับความต้องการ ในการใช้ไฟฟ้าของประชาชนทั่วไปหรือไม่ ,,,,
,,,,, ในความคิดน่ะคะ การใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ในอาคารพาณิชย์ต่างๆ น่าจะมีแผงโซล่าติดอยู่บนหลังคาของใครของมัน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในครัวเรือนของใครของมัน แต่หากบ้านไหนอาคารไหนใช้ไฟมาก ก็ต้องชื้อไฟฟ้าจากองค์กรไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ทำลายโลกมาผลิตไฟฟ้า ในเมื่อเรามีแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทุกๆวัน การผลิตไฟฟ้าตามความต้องการของแต่ล่ะบ้าน ย่อมเป็นวิธีการแก้ไขที่มีเหตึกว่า การที่จะไปลงทุนหุ้นสร้าง แล้วให้ประชาชนตาดำๆ จ่ายจนชั่วชีวิต ส่วนตัวคิดว่า เราแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุ ส่วนการปรับตัวโดยใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่กินไฟมาก และหัดตนเองมาปลูกต้นไม้ ปลูกผักกินเอง ฝึกสร้างนั้นผลิตนี้ เพื่อชีวิตที่เพียงพอช่วยเหลือแบ่งปัน ทำไมเราจะไม่สามารถช่วยลดอุณหภูมิปกติของโลกลงได้ ,,,,