ทิเบตพลาดไม่ได้ "ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย"
เหมือนเช่นทุกวันครับ เราต้องตื่นเช้าเพื่ออกเดินทางต่อไป แต่วันนี้สำหรับผมถือว่าตื่นเต้นพอสมควรครับเพราะผมจะได้เห็นอีก 2 จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้ง
เราออกเดินทางจากโรงแรมที่พักตอน 8 โมงเช้าเพื่อเดินทางไปยังจุดแรกนั้นคือทะเลสาบลาว็อก หรือจะเรียกว่าหลั่นวู่ ตามชาวทิเบตก็ได้ครับ
เส้นทางไม่ต่างจากทุกวันเท่าไหร่นัก ตลอดทางที่เรานั่งรถผ่านยังคงเป็นเขาสลับต้นไม้น้อยใหญ่ หลายช่วงถนนดูแย่กว่าที่เราผ่านมาเพราะคืนก่อนหน้าที่เราเดินทางนั้นฝนตกตลอดทั้งคืน
เส้นทางที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง สองข้างทางยังเห็นจามรีเดินบนถนน
บรรยากาศระหว่างทางที่ยังคงเห็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ
เกือบ 4 ชั่วโมงหลังจากออกเดินทางเรามาแวะที่ร้านอาหารเพื่อกินข้าวเที่ยง จริงแล้วระหว่างทางที่เรามาถึงร้านอาหารเราเพิ่งผ่านทางเข้าไปธารน้ำแข็งมิดุยมา แต่หลังจากอาหารเที่ยงเราจะมุ่งหน้าเพื่อไปดูทะเลสาบลาว็อกก่อนที่จะแวะกลับไปธารน้ำแข็งอีกครั้ง
เราแวะพักระหว่างทางเป็นระยะ
ร้านอาหารเล็กๆข้างทางหลายร้านเปิดรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านมาทางนี้เพื่อเยี่ยมชมทะเลสาบจุดหมายปลายทางของเรา อาหารพื้นเมืองหลายอย่างที่เราสั่งในแต่ละมื้อรสชาติเปลี่ยนไปตามพื้นที่ตลอดเส้นทางที่เราเดินทางมา
หลังจากกินข้าวเสร็จเราใช้เวลาไม่นานนักเดินทางต่อไปยังทะเลสาบลาว็อก ซึ่งถือว่าเป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นหลังการยกตัวของพื้นดินบริเวณดังกล่าวในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
ก่อนถึงทะเลสาบลาว็อก ไกด์แวะพาเรามาพักที่จุดพักรถอีกจุดซึ่งถือว่าเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะพักในจุดนี้ไม่น้อยทีเดียว เบื้องหน้าของผมในตอนนี้ แม่น้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะด้านบนไหลเชียวพอสมควร ขณะที่ฉากด้านหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่านยอดยังถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
เราใช้เวลาพักใหญ่กับการดื่มด่ำบรรยากาศตรงนั้น ไกด์ของเราโชว์การกระโดดไปตามหินก้อนใหญ่ด้านล่างจนสามารถไปยืนกลางแม่น้ำได้
จุดพักรถอีกจุดที่เป็นไฮไลท์บนเส้นทางนี้
บรรยากาศที่เส้นจะลงตัวระหว่างภูเขา น้ำ และท้องฟ้า
ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่นานในการคิดก่อนจะทำตาม ต้องบอกว่าสำหรับผมที่นี่คือที่สุดที่หนึ่งของการเดินทางเลยครับ บรรยากาศธรรมชาติที่ลงตัวอย่างมาก ทั้งสีสันที่ธรรมชาติรังสรรค์แต่งเต้มให้ เสียงของน้ำที่ไหลผ่าน เป็นอีกภาพหนึ่งที่ผมจะจดจำไปอีกนาน
หลากหลายบรรยากาศรอบด้านที่ถือว่าลงตัวที่สุดสำหรับผม
เราออกเดินทางต่อแม้ว่าตลอดเส้นทางที่เราเดินทางในวันนี้ฝนดูเหมือนจะไม่เข้าข้างเราเท่าไหร่นัก เพราะฝนตกตลอดเส้นทาง ทำให้แดดออกน้อยมาก เมฆเยอะจนบดบังวิวที่เราอยากเห็น แต่นั้นไม่ใช่อุปสรรคที่จะขัดขวางการเดินทางของเราได้
ผมแอบนั่งสวดมนต์ตลอดเส้นทางเพื่อขอให้อากาศเป็นใจกับเรามากขึ้น ผมแอบภาวนาว่าถ้าฝนจะตกก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเราไปถึงยังจุดหมายของการเดินทางขอให้ฟ้าเปิดเพื่อให้เราได้ชื่นชมกับสิ่งที่เราดั้นด้นมาหลายวันเพื่อจะได้เห็นซักครั้งในชีวิต
รถตู้ของเราจอดอีกครั้ง เบื้องหน้าผมในขณะที่ฝนยังตกปรอยๆ ทางเดินคล้ายสะพานไม้ทอดยาวลงไปนบริเวณด้านล่าง ปลายสุดของสะพานไม้ลักษณะคล้ายเนินเขาเล็กๆ ด้านบนมีที่ให้ยืนเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ
บริเวณด้านหน้าตามทางลานไม้เพื่อไปด้านบนทะเลสาบลาว็อก
ตอนนี้เราเดินทางมาถึงทะเลสาบลาว็อกแล้วครับ ในช่วงที่ผมเดินทางบริเวณน้ำในทะเลสาบอาจจะไม่มากนักเพราะว่าด้านบนเขาหิมะยังปกคลุมอย่างหนา อากาศค่อนข้างหนาวเย็นมากทีเดียว และลมต้องเรียกว่าใครน้ำหนักน้อยๆอาจจะเซได้เลยครับ
พื้นที่โล่งบริเวณทะเลสาบบนทางเดิน เราทั้งคณะเดินบนสะพานไม้อย่างช้าๆ เนื่องจากลมแรงมาก อุณหภูมิในขณะนั้นอยู่ที่เพียง 2 องศาเท่านั้นเอง เราเดินไปจนถึงทางเดินขึ้นต้องหยุดพักด้านล่างเพื่อปรับสภาพร่างกายนิดหน่อย
บริเวณด้านบนลานไม้ จุดชมวิวทะเลสาบลาว็อก
เราเดินขึ้นตามบันไดไม้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทะเลสาบแห่งนี้ จะว่าโชคดีของเราก็ว่าได้บริเวณนั้นเราเป็นเพียงคณะเดียวที่อยู่ที่นั้นในตอนนั้น จะมีเพียงนักท่องเที่ยวที่ปั่นจักรยานมา 2-3 คันเท่านั้นที่อยู่ด้านบนกับเราด้วย
เราเดินขึ้นไปถึงด้านบนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นลานไม่กว้างมากนักเพื่อชื่มชมกับบรรยากาศโดยรอบของทะเลสาบแห่งนี้ ทะเลสาบที่กลายเป็นแห่งพักน้ำของชาวบ้านในพื้นที่
ทะเลสาบเล็กๆด้านข้างทะเลสาบลาว็อกสวยงามไม่แพ้กัน
โดยรอบของทะเลสาบแห่งนี้ จะมีพื้นที่ที่คล้ายเป็นทะเลสาบเล็กๆอีกหลายแห่ง เราสามารถเดินต่อไปยังทะเลสาบเล็กๆด้านข้างได้ ใช้เวลาด้านบนในสภาวะอากาศที่หนาวมากไม่นาน เราออกเดินทางต่อเพื่อไปยังอีกหนึ่งจุดหมายของเราในทริปนี้ นั้นคือ ธารน้ำแข็งมิดุย
เราใช้เส้นทางเดิมที่เราผ่านมาในช่วงหลังอาหารเที่ยง เพื่อกลับไปยังทางเข้าธารน้ำแข็งมิดุย ด้านหน้าทางเข้าเราจะต้องเสียค่าผ่านทาง และลงบันทึกแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านหน้าเพื่อตรวจสอบการเข้าออกด้วย
เส้นทางที่กำลังมีการปรับปรุงทำให้ตลอดเส้นทางแม้ว่าจะไม่ไกลนักจากปากทางเข้าไปถึงบริเวณที่เราต้องเดินเท้าต่อไปได้ค่อนข้างยากลำบากทีเดียว เราสวนทางรถหลายคันที่ออกมาจากด้านในเพราะนี้เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเส้นทางนี้
บริเวณลานจอดรถด้านหน้า มีร้านขายของให้กับนักท่องเที่ยว
เกือบ 1 ชั่วโมงบนเส้นทางเพียงไม่กี่กิโลเมตร เราเดินทางมาถึงยังลานกว้างที่จอดรถ นักท่องเที่ยวจำนวนมากเริ่มเดินออกมาจากจุดหมายที่เรากำลังจะเดินเข้าไป มี 2 ทางเลือกครับกับการไปถึงยังธารน้ำแข็งมิดุย นั้นคือ เดินเท้าซึ่งระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และทางเลือกที่ 2 คือนั่งม้าซึ่งคิดค่าเดินทางไปกลับคนละ 100 หยวน
ลานด้านในบริเวณให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการหากสนใจจะขึ้นลาไปด้านบน
ม้าตัวไม่ใหญ่ที่เป็นพาหนะให้นักท่องเที่ยวใช้เข้าไปด้านในธารน้ำแข็ง
เราเลือกเดินเท้าครับ ไกด์พาเราลัดเลาะไปตามบ้านของชาวบ้าน บางช่วงจะต้องปีนป่ายพอสมควร เราเดินเลาะไปบนที่นาของชาวบ้านบนธรรมชาติที่เราอยากจะหยุดถ่ายรูปทุกๆ 3 ก้าวเลยก็ว่าได้ ประมาณ 1 กิโลเมตรกับการเดินเท้าในทางราบ
บริเวณทางเข้าสำหรับผู้ที่สนใจจะเลือกเดินเข้าไปด้านใน
เราเดินมาถึงทางเดินที่เป็นบันไดปูนแม้ว่าจะไม่ชันมากแต่ก็ดูสูงทีเดียวครับ ระยะทางที่เหลืออีกประมาณ 1 กิโลเมตรเราใช้เวลามากกว่าช่วงแรก มีการหยุดพักเหนื่อยเป็นระยะๆตลอดเส้นทาง
บรรยากาศ 2 ข้างทางเดินเข้าไปด้านในธารน้ำแข็ง
ปลายทางของบันไดปูน ถือสะพานไม้ที่ถูกสร้างถอดแนวออกไปเป็นลานกว้างทีเดียวครับ เบื้องหน้าผมในตอนนี้คือ จุดหมายปลายทางสำคัญของเราในครั้งนี้ ธารน้ำแข็งมิดุย 1 ใน 3 ธารน้ำแข็งในประเทศจีนครับ
จุดพักระหว่างเส้นทางเดิน
ทางเดินขึ้นเป็นบันไดส่วนสุดท้ายก่อนจะถึงธารน้ำแข็งมิดุย จุดหมายปลายทางของผม
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/33775320 เปิดเส้นทางใหม่ที่คนไทยน้อยคนนักเคยไปถึง “พระราชวังโปตาลา-วัดโจคัง-ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย”......
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/33779378 เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯสู่หลังคาโลก
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/33782794 ตะลุยสุสานจิ๋นซี ฮ่องเต้
ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/33784827 นั่งรถไฟไป "หลังคาโลก" ทิเบต
ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/33788603 ขอต้อนรับสู่ดินแดน ”หลังคาโลก”
ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/33799398 พระราชวังโปตาลา - วัดโจคัง ศูนย์รวมใจของชาวทิเบต
ตอนที่ 7
http://ppantip.com/topic/33805284 จากลาซา สู่หนิงซิ ด้านหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
ตอนที่ 8
http://ppantip.com/topic/33812287 จากหนิงซิ (บายี) - สู่เมืองโพมิ เส้นทางเส้นทรหด
ตอนที่ 10
http://ppantip.com/topic/33834611 ผมเรียกที่นี่ว่า “ซัมบาลา”
ตอนที่ 11
http://ppantip.com/topic/33851383 “ฉงชิ่ง” วัฒนธรรมร่วมสมัยของจีนยุคใหม่
ตอนที่ 12
http://ppantip.com/topic/33864605 บทสรุปการเดินทาง จีน - ทิเบต บนเส้นทางของผม
แบกเป้จากศูนย์สู่”หลังคาโลก” ทิเบต (9)
เหมือนเช่นทุกวันครับ เราต้องตื่นเช้าเพื่ออกเดินทางต่อไป แต่วันนี้สำหรับผมถือว่าตื่นเต้นพอสมควรครับเพราะผมจะได้เห็นอีก 2 จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้ง
เราออกเดินทางจากโรงแรมที่พักตอน 8 โมงเช้าเพื่อเดินทางไปยังจุดแรกนั้นคือทะเลสาบลาว็อก หรือจะเรียกว่าหลั่นวู่ ตามชาวทิเบตก็ได้ครับ
เส้นทางไม่ต่างจากทุกวันเท่าไหร่นัก ตลอดทางที่เรานั่งรถผ่านยังคงเป็นเขาสลับต้นไม้น้อยใหญ่ หลายช่วงถนนดูแย่กว่าที่เราผ่านมาเพราะคืนก่อนหน้าที่เราเดินทางนั้นฝนตกตลอดทั้งคืน
เส้นทางที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง สองข้างทางยังเห็นจามรีเดินบนถนน
บรรยากาศระหว่างทางที่ยังคงเห็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ
เกือบ 4 ชั่วโมงหลังจากออกเดินทางเรามาแวะที่ร้านอาหารเพื่อกินข้าวเที่ยง จริงแล้วระหว่างทางที่เรามาถึงร้านอาหารเราเพิ่งผ่านทางเข้าไปธารน้ำแข็งมิดุยมา แต่หลังจากอาหารเที่ยงเราจะมุ่งหน้าเพื่อไปดูทะเลสาบลาว็อกก่อนที่จะแวะกลับไปธารน้ำแข็งอีกครั้ง
เราแวะพักระหว่างทางเป็นระยะ
ร้านอาหารเล็กๆข้างทางหลายร้านเปิดรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านมาทางนี้เพื่อเยี่ยมชมทะเลสาบจุดหมายปลายทางของเรา อาหารพื้นเมืองหลายอย่างที่เราสั่งในแต่ละมื้อรสชาติเปลี่ยนไปตามพื้นที่ตลอดเส้นทางที่เราเดินทางมา
หลังจากกินข้าวเสร็จเราใช้เวลาไม่นานนักเดินทางต่อไปยังทะเลสาบลาว็อก ซึ่งถือว่าเป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นหลังการยกตัวของพื้นดินบริเวณดังกล่าวในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
ก่อนถึงทะเลสาบลาว็อก ไกด์แวะพาเรามาพักที่จุดพักรถอีกจุดซึ่งถือว่าเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะพักในจุดนี้ไม่น้อยทีเดียว เบื้องหน้าของผมในตอนนี้ แม่น้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะด้านบนไหลเชียวพอสมควร ขณะที่ฉากด้านหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่านยอดยังถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
เราใช้เวลาพักใหญ่กับการดื่มด่ำบรรยากาศตรงนั้น ไกด์ของเราโชว์การกระโดดไปตามหินก้อนใหญ่ด้านล่างจนสามารถไปยืนกลางแม่น้ำได้
จุดพักรถอีกจุดที่เป็นไฮไลท์บนเส้นทางนี้
บรรยากาศที่เส้นจะลงตัวระหว่างภูเขา น้ำ และท้องฟ้า
ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่นานในการคิดก่อนจะทำตาม ต้องบอกว่าสำหรับผมที่นี่คือที่สุดที่หนึ่งของการเดินทางเลยครับ บรรยากาศธรรมชาติที่ลงตัวอย่างมาก ทั้งสีสันที่ธรรมชาติรังสรรค์แต่งเต้มให้ เสียงของน้ำที่ไหลผ่าน เป็นอีกภาพหนึ่งที่ผมจะจดจำไปอีกนาน
หลากหลายบรรยากาศรอบด้านที่ถือว่าลงตัวที่สุดสำหรับผม
เราออกเดินทางต่อแม้ว่าตลอดเส้นทางที่เราเดินทางในวันนี้ฝนดูเหมือนจะไม่เข้าข้างเราเท่าไหร่นัก เพราะฝนตกตลอดเส้นทาง ทำให้แดดออกน้อยมาก เมฆเยอะจนบดบังวิวที่เราอยากเห็น แต่นั้นไม่ใช่อุปสรรคที่จะขัดขวางการเดินทางของเราได้
ผมแอบนั่งสวดมนต์ตลอดเส้นทางเพื่อขอให้อากาศเป็นใจกับเรามากขึ้น ผมแอบภาวนาว่าถ้าฝนจะตกก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเราไปถึงยังจุดหมายของการเดินทางขอให้ฟ้าเปิดเพื่อให้เราได้ชื่นชมกับสิ่งที่เราดั้นด้นมาหลายวันเพื่อจะได้เห็นซักครั้งในชีวิต
รถตู้ของเราจอดอีกครั้ง เบื้องหน้าผมในขณะที่ฝนยังตกปรอยๆ ทางเดินคล้ายสะพานไม้ทอดยาวลงไปนบริเวณด้านล่าง ปลายสุดของสะพานไม้ลักษณะคล้ายเนินเขาเล็กๆ ด้านบนมีที่ให้ยืนเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ
บริเวณด้านหน้าตามทางลานไม้เพื่อไปด้านบนทะเลสาบลาว็อก
ตอนนี้เราเดินทางมาถึงทะเลสาบลาว็อกแล้วครับ ในช่วงที่ผมเดินทางบริเวณน้ำในทะเลสาบอาจจะไม่มากนักเพราะว่าด้านบนเขาหิมะยังปกคลุมอย่างหนา อากาศค่อนข้างหนาวเย็นมากทีเดียว และลมต้องเรียกว่าใครน้ำหนักน้อยๆอาจจะเซได้เลยครับ
พื้นที่โล่งบริเวณทะเลสาบบนทางเดิน เราทั้งคณะเดินบนสะพานไม้อย่างช้าๆ เนื่องจากลมแรงมาก อุณหภูมิในขณะนั้นอยู่ที่เพียง 2 องศาเท่านั้นเอง เราเดินไปจนถึงทางเดินขึ้นต้องหยุดพักด้านล่างเพื่อปรับสภาพร่างกายนิดหน่อย
บริเวณด้านบนลานไม้ จุดชมวิวทะเลสาบลาว็อก
เราเดินขึ้นตามบันไดไม้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทะเลสาบแห่งนี้ จะว่าโชคดีของเราก็ว่าได้บริเวณนั้นเราเป็นเพียงคณะเดียวที่อยู่ที่นั้นในตอนนั้น จะมีเพียงนักท่องเที่ยวที่ปั่นจักรยานมา 2-3 คันเท่านั้นที่อยู่ด้านบนกับเราด้วย
เราเดินขึ้นไปถึงด้านบนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นลานไม่กว้างมากนักเพื่อชื่มชมกับบรรยากาศโดยรอบของทะเลสาบแห่งนี้ ทะเลสาบที่กลายเป็นแห่งพักน้ำของชาวบ้านในพื้นที่
ทะเลสาบเล็กๆด้านข้างทะเลสาบลาว็อกสวยงามไม่แพ้กัน
โดยรอบของทะเลสาบแห่งนี้ จะมีพื้นที่ที่คล้ายเป็นทะเลสาบเล็กๆอีกหลายแห่ง เราสามารถเดินต่อไปยังทะเลสาบเล็กๆด้านข้างได้ ใช้เวลาด้านบนในสภาวะอากาศที่หนาวมากไม่นาน เราออกเดินทางต่อเพื่อไปยังอีกหนึ่งจุดหมายของเราในทริปนี้ นั้นคือ ธารน้ำแข็งมิดุย
เราใช้เส้นทางเดิมที่เราผ่านมาในช่วงหลังอาหารเที่ยง เพื่อกลับไปยังทางเข้าธารน้ำแข็งมิดุย ด้านหน้าทางเข้าเราจะต้องเสียค่าผ่านทาง และลงบันทึกแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านหน้าเพื่อตรวจสอบการเข้าออกด้วย
เส้นทางที่กำลังมีการปรับปรุงทำให้ตลอดเส้นทางแม้ว่าจะไม่ไกลนักจากปากทางเข้าไปถึงบริเวณที่เราต้องเดินเท้าต่อไปได้ค่อนข้างยากลำบากทีเดียว เราสวนทางรถหลายคันที่ออกมาจากด้านในเพราะนี้เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเส้นทางนี้
บริเวณลานจอดรถด้านหน้า มีร้านขายของให้กับนักท่องเที่ยว
เกือบ 1 ชั่วโมงบนเส้นทางเพียงไม่กี่กิโลเมตร เราเดินทางมาถึงยังลานกว้างที่จอดรถ นักท่องเที่ยวจำนวนมากเริ่มเดินออกมาจากจุดหมายที่เรากำลังจะเดินเข้าไป มี 2 ทางเลือกครับกับการไปถึงยังธารน้ำแข็งมิดุย นั้นคือ เดินเท้าซึ่งระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และทางเลือกที่ 2 คือนั่งม้าซึ่งคิดค่าเดินทางไปกลับคนละ 100 หยวน
ลานด้านในบริเวณให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการหากสนใจจะขึ้นลาไปด้านบน
ม้าตัวไม่ใหญ่ที่เป็นพาหนะให้นักท่องเที่ยวใช้เข้าไปด้านในธารน้ำแข็ง
เราเลือกเดินเท้าครับ ไกด์พาเราลัดเลาะไปตามบ้านของชาวบ้าน บางช่วงจะต้องปีนป่ายพอสมควร เราเดินเลาะไปบนที่นาของชาวบ้านบนธรรมชาติที่เราอยากจะหยุดถ่ายรูปทุกๆ 3 ก้าวเลยก็ว่าได้ ประมาณ 1 กิโลเมตรกับการเดินเท้าในทางราบ
บริเวณทางเข้าสำหรับผู้ที่สนใจจะเลือกเดินเข้าไปด้านใน
เราเดินมาถึงทางเดินที่เป็นบันไดปูนแม้ว่าจะไม่ชันมากแต่ก็ดูสูงทีเดียวครับ ระยะทางที่เหลืออีกประมาณ 1 กิโลเมตรเราใช้เวลามากกว่าช่วงแรก มีการหยุดพักเหนื่อยเป็นระยะๆตลอดเส้นทาง
บรรยากาศ 2 ข้างทางเดินเข้าไปด้านในธารน้ำแข็ง
ปลายทางของบันไดปูน ถือสะพานไม้ที่ถูกสร้างถอดแนวออกไปเป็นลานกว้างทีเดียวครับ เบื้องหน้าผมในตอนนี้คือ จุดหมายปลายทางสำคัญของเราในครั้งนี้ ธารน้ำแข็งมิดุย 1 ใน 3 ธารน้ำแข็งในประเทศจีนครับ
จุดพักระหว่างเส้นทางเดิน
ทางเดินขึ้นเป็นบันไดส่วนสุดท้ายก่อนจะถึงธารน้ำแข็งมิดุย จุดหมายปลายทางของผม
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/33775320 เปิดเส้นทางใหม่ที่คนไทยน้อยคนนักเคยไปถึง “พระราชวังโปตาลา-วัดโจคัง-ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย”......
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/33779378 เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯสู่หลังคาโลก
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/33782794 ตะลุยสุสานจิ๋นซี ฮ่องเต้
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/33784827 นั่งรถไฟไป "หลังคาโลก" ทิเบต
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/33788603 ขอต้อนรับสู่ดินแดน ”หลังคาโลก”
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/33799398 พระราชวังโปตาลา - วัดโจคัง ศูนย์รวมใจของชาวทิเบต
ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/33805284 จากลาซา สู่หนิงซิ ด้านหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
ตอนที่ 8 http://ppantip.com/topic/33812287 จากหนิงซิ (บายี) - สู่เมืองโพมิ เส้นทางเส้นทรหด
ตอนที่ 10 http://ppantip.com/topic/33834611 ผมเรียกที่นี่ว่า “ซัมบาลา”
ตอนที่ 11 http://ppantip.com/topic/33851383 “ฉงชิ่ง” วัฒนธรรมร่วมสมัยของจีนยุคใหม่
ตอนที่ 12 http://ppantip.com/topic/33864605 บทสรุปการเดินทาง จีน - ทิเบต บนเส้นทางของผม