คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ไม่ต้องตกใจ หรือ กังวลอะไร เราปฎิเศษธนาคารไปแล้ว และการรูดน่าจะเป็นการรูดจากต่างประเทศ ถ้าหนังสือปฎิเสธมีข้อความ ในทำนองที่ว่า ข้าพเจ้า.... เป็นผู้ถือบัตร....... ได้รับข้อความว่ามีการใช้จ่ายอะไร วันที่ เวลา ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าข้าพเจ้าไม่ได้ใช้จ่ายยอดดังกล่าว ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอยอดเรียกเก็บเดือนถัดไปยังแสดงยอดนี้ก็ไม่ต้องจ่าย จ่ายเฉพาะยอดที่เราใช้จริง
ผมก็เคยเจอ ผมเป็นคนที่ระมัดระวังการใช้บัตรเครดิตมาก ไม่เคยห่างตัว ยื่นบัตรต่อ cashier ที่รูดบัตรด้วยตนเอง ไม่จ่ายผ่านร้านอาหารเพราะพวกนี้เอาบัตรเราไป ไม่รู้ไปแอบ skim ไว้หรือเปล่า แต่ผมเที่ยวต่างประเทศบ่อย น่าจะโดนจากการจองผ่านโรงแรม
กรณีนี้คนรับผิดชอบคือร้านค้าที่ให้บุคคลที่ขโมยบัตรเราไปใช้รูด ถ้าเป็นการซื้อสินค้าผ่านเนท ตอนส่งของร้านค้าต้องตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลเอง และอีกอย่างร้านค้าเขาจะระมัดระวังและไม่ค่อยอยากมีเรื่องกับธนาคารผู้ออกเครื่องรูดบัตรให้ เพราะหมายถึงถ้าเขาซี้ซั้วให้มิจฉาชีพรูด ธนาคารจะไม่จ่ายเงินให้ร้านค้า และถ้าร้านค้าเอาเรื่องธนาคาร ธนาคารก็จะยึดเครื่องรูดบัตร ทำให้เขาขายสินค้าผ่านบัตรเครดิตไม่ได้และติด backlist ได้
แต่เรื่องการใช้บัตร ตัวเจ้าของบัตรต้องระมัดระวังการใช้ เพราะคุณก็ต้องมีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน เช่น กรณีมีการรูดบัตรต่างประเทศแต่ตัวคุณอยู่เมืองไทยก็พิสูจน์ง่าย แต่ถ้ารูดเมืองไทย และรูดใกล้ๆ ที่คุณอยู่ เวลาใกล้เคียงกัน ธนาคารก็ต้องตรวจสอบเช่น ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดจากร้านค้า ฯลฯ
ถามว่าทำไมรูด iphone ไม่แจ้ง แต่มาแจ้งครั้งนี้ ปกติแล้วถ้าเป็นการรูดยอดใหญ่ๆ อาจจะมี sms มาแจ้ง แต่กรณีที่มีการรูดผ่านต่างประเทศ ธนาคารเกือบทุกแห่งจะระมัดระวังมากและแจ้งลูกค้า เพราะพวกที่ขโมยบัตรส่วนใหญ๋เอาไปรูดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศกลุ่มยูโร เพราะไอประเทศกลุ่มยูโร ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ดี ขี้ขโมยเยอะ ขนาดไปเที่ยวระมัดระวังเต็มที่ยังโดนขโมยเลย และเดี๋ยวนี้เป็นทุกประเทศในยูโร ไม่เว้นแม้กระทั่งสวิส
ผมก็เคยเจอ ผมเป็นคนที่ระมัดระวังการใช้บัตรเครดิตมาก ไม่เคยห่างตัว ยื่นบัตรต่อ cashier ที่รูดบัตรด้วยตนเอง ไม่จ่ายผ่านร้านอาหารเพราะพวกนี้เอาบัตรเราไป ไม่รู้ไปแอบ skim ไว้หรือเปล่า แต่ผมเที่ยวต่างประเทศบ่อย น่าจะโดนจากการจองผ่านโรงแรม
กรณีนี้คนรับผิดชอบคือร้านค้าที่ให้บุคคลที่ขโมยบัตรเราไปใช้รูด ถ้าเป็นการซื้อสินค้าผ่านเนท ตอนส่งของร้านค้าต้องตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลเอง และอีกอย่างร้านค้าเขาจะระมัดระวังและไม่ค่อยอยากมีเรื่องกับธนาคารผู้ออกเครื่องรูดบัตรให้ เพราะหมายถึงถ้าเขาซี้ซั้วให้มิจฉาชีพรูด ธนาคารจะไม่จ่ายเงินให้ร้านค้า และถ้าร้านค้าเอาเรื่องธนาคาร ธนาคารก็จะยึดเครื่องรูดบัตร ทำให้เขาขายสินค้าผ่านบัตรเครดิตไม่ได้และติด backlist ได้
แต่เรื่องการใช้บัตร ตัวเจ้าของบัตรต้องระมัดระวังการใช้ เพราะคุณก็ต้องมีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน เช่น กรณีมีการรูดบัตรต่างประเทศแต่ตัวคุณอยู่เมืองไทยก็พิสูจน์ง่าย แต่ถ้ารูดเมืองไทย และรูดใกล้ๆ ที่คุณอยู่ เวลาใกล้เคียงกัน ธนาคารก็ต้องตรวจสอบเช่น ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดจากร้านค้า ฯลฯ
ถามว่าทำไมรูด iphone ไม่แจ้ง แต่มาแจ้งครั้งนี้ ปกติแล้วถ้าเป็นการรูดยอดใหญ่ๆ อาจจะมี sms มาแจ้ง แต่กรณีที่มีการรูดผ่านต่างประเทศ ธนาคารเกือบทุกแห่งจะระมัดระวังมากและแจ้งลูกค้า เพราะพวกที่ขโมยบัตรส่วนใหญ๋เอาไปรูดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศกลุ่มยูโร เพราะไอประเทศกลุ่มยูโร ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ดี ขี้ขโมยเยอะ ขนาดไปเที่ยวระมัดระวังเต็มที่ยังโดนขโมยเลย และเดี๋ยวนี้เป็นทุกประเทศในยูโร ไม่เว้นแม้กระทั่งสวิส
แสดงความคิดเห็น
ช่วยด้วยค่ะ ร้อนใจมากจริงๆสามีโดนรูดบัตรเครดิตของ SCB เกือบ 50,000 บาท
1. @blueshipcom มันคือบริษัทอะไรคะ เราหาในกูเกิ้ลแล้วไม่มมีข้อมูลค่ะ
2.มัน HACK ข้อมูลเราใช่ไม๊คะ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ ไม่ต้องขอเลขหรือรหัสอะไรจากธนาคารเหรอคะ
3.ธนาคารจะตรวจสอบนานไม๊คะ กว่าจะทราบเรื่อง
4.ยอดรูดซื้อ 40,888 บ.มันจะรวมกับยอดที่ต้องชำระเดือนก.ค.นี้หรือเปล่าคะ
5.สามีเราไม่ได้รูดซื้อสินค้า ยอด 40,888 ทางธนาคารต้องรับผิดชอบใช่ไม๊คะ ยอดเงินดังกล่าว มันจะคืนในบัตรเครดิตสามีเราหรือเปล่าคะ
ปล.เรากะสามีไม่เคยซื้อสินค้าออนไลน์เลยค่ะ เคยแต่รูดซื้อในห้างอย่างเดียว ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่เข้ามาตอบเรานะคะ