ช่วยด้วยค่ะ ร้อนใจมากจริงๆสามีโดนรูดบัตรเครดิตของ SCB เกือบ 50,000 บาท

สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปนะคะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเราเราค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้เราเครียดมากเลยค่ะ ก็ตามหัวข้อข้างบนเลยค่ะ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 20มิย.58 ช่วงเวลา 01.30น.สามีเรานอนเล่นมือถืออยู่ อยู่ดีๆก็มีข้อความจาก SCB ว่าบัตรเครดิตใช้รูดซื้อของไปจาก @blueshipcom 717.17 EUR สามีเราตกใจก็เลยให้เราดูว่าแบบนี้หมายความว่ามีคนใช้บัตรเครดิตเรารูดซื้อของใช่ไม๊ เราก็เลยบอกให้สามีโทร call center สอบถามเลย ทางจนท.call center แจ้งมาว่ามีการใช้รูดซื้อของ ยอดเงิน 2 ครั้ง ในวันและเวลาไล่เลี่ยกัน ก็เลยถามไปว่าเป็นยอดเงินเท่าไหร่ จนท.บอกว่า ยอดแรก 27543.97 บาทและ 13340.77 บาท ซึ่งเป็นยอดที่คิดเป็นเงินไทยนะคะ รวมแล้ว 40,888 เลยค่ะ เยอะมาก แล้วทางจนท..call center ก็ส่งใบแบบฟอร์มปฏิเสธรายการใช้บัตรมาให้ให้เราส่งกลับทางธนาคารใหญ่ของ SCB เพื่อตรวจสอบ พร้อมทั้งอายัดบัตรให้เรียบร้อยแล้ว และบอกว่าจะส่งบัตรใหม่มาให้อีก 1 อาทิตย์ เรามานึกๆดูแล้ว เราเคยเอาบัตรสามีผูกกับ PAYPAL ที่เดียวค่ะ เพื่อจองโรงแรม เราก็เลยรีบดูข้อมูลในระบบว่ามีการสั่งซื้อของไม๊ เช็คแล้วปรากฎว่าไม่มีการใช้จ่ายหรือสั่งซื้ออะไรเลยค่ะ มีล่าสุดที่เราจองโรงแรมเท่านั้น บอกตรงๆว่าตอนนี้เราจิตตกแทนสามีเรามากค่ะ สามีเรายังแปลกใจอยู่ว่า จนท.ของ SCB ทำไมไม่โทรมาสอบถามอย่างตอนที่สามีเราซื้อ ไอโฟน 6 ว่าได้รูดซื้อสินค้าจริงหรือไม่ ทั้งๆที่ยอดเงินตั้งสี่หมื่นกว่า ขนาดไอโฟน 6 ราคา สองหมื่นกว่าๆยังโทรมาถามเลย เราอยากจะถามผู้รู้และคนที่เคยประสบปัญหาอย่างเราช่วยเราหน่อยค่ะ คำถามที่อยากถามนะคะ(เราไม่รู้จริงๆค่ะ)
1. @blueshipcom มันคือบริษัทอะไรคะ เราหาในกูเกิ้ลแล้วไม่มมีข้อมูลค่ะ
2.มัน HACK ข้อมูลเราใช่ไม๊คะ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ ไม่ต้องขอเลขหรือรหัสอะไรจากธนาคารเหรอคะ
3.ธนาคารจะตรวจสอบนานไม๊คะ กว่าจะทราบเรื่อง
4.ยอดรูดซื้อ 40,888 บ.มันจะรวมกับยอดที่ต้องชำระเดือนก.ค.นี้หรือเปล่าคะ
5.สามีเราไม่ได้รูดซื้อสินค้า ยอด 40,888 ทางธนาคารต้องรับผิดชอบใช่ไม๊คะ ยอดเงินดังกล่าว มันจะคืนในบัตรเครดิตสามีเราหรือเปล่าคะ
ปล.เรากะสามีไม่เคยซื้อสินค้าออนไลน์เลยค่ะ เคยแต่รูดซื้อในห้างอย่างเดียว ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่เข้ามาตอบเรานะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ไม่ต้องตกใจ หรือ กังวลอะไร เราปฎิเศษธนาคารไปแล้ว และการรูดน่าจะเป็นการรูดจากต่างประเทศ ถ้าหนังสือปฎิเสธมีข้อความ ในทำนองที่ว่า  ข้าพเจ้า.... เป็นผู้ถือบัตร....... ได้รับข้อความว่ามีการใช้จ่ายอะไร  วันที่ เวลา ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าข้าพเจ้าไม่ได้ใช้จ่ายยอดดังกล่าว ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอยอดเรียกเก็บเดือนถัดไปยังแสดงยอดนี้ก็ไม่ต้องจ่าย จ่ายเฉพาะยอดที่เราใช้จริง
ผมก็เคยเจอ ผมเป็นคนที่ระมัดระวังการใช้บัตรเครดิตมาก ไม่เคยห่างตัว ยื่นบัตรต่อ cashier ที่รูดบัตรด้วยตนเอง ไม่จ่ายผ่านร้านอาหารเพราะพวกนี้เอาบัตรเราไป ไม่รู้ไปแอบ skim ไว้หรือเปล่า แต่ผมเที่ยวต่างประเทศบ่อย น่าจะโดนจากการจองผ่านโรงแรม
กรณีนี้คนรับผิดชอบคือร้านค้าที่ให้บุคคลที่ขโมยบัตรเราไปใช้รูด ถ้าเป็นการซื้อสินค้าผ่านเนท ตอนส่งของร้านค้าต้องตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลเอง และอีกอย่างร้านค้าเขาจะระมัดระวังและไม่ค่อยอยากมีเรื่องกับธนาคารผู้ออกเครื่องรูดบัตรให้ เพราะหมายถึงถ้าเขาซี้ซั้วให้มิจฉาชีพรูด ธนาคารจะไม่จ่ายเงินให้ร้านค้า และถ้าร้านค้าเอาเรื่องธนาคาร ธนาคารก็จะยึดเครื่องรูดบัตร ทำให้เขาขายสินค้าผ่านบัตรเครดิตไม่ได้และติด backlist ได้
แต่เรื่องการใช้บัตร ตัวเจ้าของบัตรต้องระมัดระวังการใช้ เพราะคุณก็ต้องมีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน เช่น กรณีมีการรูดบัตรต่างประเทศแต่ตัวคุณอยู่เมืองไทยก็พิสูจน์ง่าย แต่ถ้ารูดเมืองไทย และรูดใกล้ๆ ที่คุณอยู่ เวลาใกล้เคียงกัน ธนาคารก็ต้องตรวจสอบเช่น ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดจากร้านค้า ฯลฯ
ถามว่าทำไมรูด iphone ไม่แจ้ง แต่มาแจ้งครั้งนี้ ปกติแล้วถ้าเป็นการรูดยอดใหญ่ๆ อาจจะมี sms มาแจ้ง แต่กรณีที่มีการรูดผ่านต่างประเทศ ธนาคารเกือบทุกแห่งจะระมัดระวังมากและแจ้งลูกค้า เพราะพวกที่ขโมยบัตรส่วนใหญ๋เอาไปรูดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศกลุ่มยูโร เพราะไอประเทศกลุ่มยูโร ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ดี ขี้ขโมยเยอะ ขนาดไปเที่ยวระมัดระวังเต็มที่ยังโดนขโมยเลย และเดี๋ยวนี้เป็นทุกประเทศในยูโร ไม่เว้นแม้กระทั่งสวิส
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่