....
        เอาคณิตศาสตร์ก่อนนะ
         ถ้าคิดแบบตรรก  ถ้าไม่เชื่อเรื่องเวียนว่าย จะต้องไม่เชื่อเรื่องนิพพานด้วย เพราะมันเป็นสมการ linear  ไม่ใช่ nonlinear
         แต่ถ้าเชื่อนิพพาน แต่ไม่เชื่อเรื่องเวียนว่าย อันนี้ไม่ทราบว่าจะใช้วิธีคิดใด เพราะมันหาความสัมพันธ์ไม่ได้
         เช่นถ้าเราเขียนกราฟ สมการ x,y แน่นอน x y จะต้องสัมพันธ์กันทุกจุด หรือเราจะมองในแง่ของ แคลคูลัส ก็เช่นเดียวกัน
         strip ของอินทิเกต จะเปลี่ยนความสูงไปตามรูปร่างของกราฟก็จะได้พื้นที่ออกมา เพราะมันมีความสัมพันธ์กัน

       เอาในแง่ของวิทยาศาสตร์
        แม้แต่จะคิดในกรอบอ้างอิงของ Chaos Theory  หรือ Butterfly Effect ก็ตาม ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเคยเรียนเรื่อง
Butterfly Effect แล้ว (ผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกที่ฮ่องกง สามารถที่จะทำให้ดินฟ้า อากาศที่แคลิฟอร์เนียเปลี่ยนแปลงได้เมื่อ 1 เดือนให้หลัง) แล้วละก็จะทราบว่า ทุกอย่างมันมีความสัมพันธ์กันหมด

         ถ้าเชื่อนิพพาน แต่ไม่เชื่อการเวียนว่าย มันก็จะหาจุดสัมพันธ์กันไม่ได้เลย คือไม่มีความสัมพันธ์ใดๆทั้งสิ้น เหมือนกับเรา
พูดว่า ปลาตายเพราะโลกมีความโน้มถ่วง  มันจะหาความสัมพันธ์ใดๆไม่ได้ สรุปทั้งคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ตรรกนี้เป็นเท็จครับ
         ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ จึงไม่กล้าสวนแนวความคิดของพุทธครับ ผิดกับคริสต์ ที่นักคณิตศาสตร์เคยตั้งคำถามไว้ว่า
มีอะไรบ้างที่พระเจ้าทำไม่ได้บ้าง ลองหาอ่านเรื่องนี้ดูครับ หรือค้นคำที่ผมพูดมาก็ได้ครับ เดี๋ยวจะเจอคณิตศาสตร์เข้าล้วนๆเลยครับ
สรุปว่า ตรรกของพระเจ้าผิดครับ นักคณิตศาสตร์สรุปไว้อย่างนั้น
          แต่ในเรื่องของพุทธนั้น ลองอ่านเรื่อง เต๋าแห่งฟิสิกส์ดูครับ เขียนโดยนักฟิสิกส์ชื่อ ฟริตจอฟ คาปรา เรื่องนี้เชื่องโยงระหว่าง
พุทธ กับ ฟิสิกส์ ได้ดีทีเดียว และคำพูดนี้ครับ “Cogito ergo sum” “ฉันคิด ดังนั้นฉันจึงมีอยู่”  เป็นที่ยอมรับทั้งนักคณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และ นักปรัชญาครับ
          ดังนั้น ดรรกะ ที่เชื่อว่าตายแล้วสูญ ก็คือแนวความคิดของ คริศต์ หรือ อิสลาม ครับ คือต้องใช้ความเชื่อล้วนๆ ไม่สามารถ
ชี้แจงในแง่ของ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้เลย