เลือกสามีผิด คิดจนตัวตาย !!!!!

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ สมาชิกพันทิปทุกท่าน

จริง ๆ ดิฉันเป็นสมาชิกพันทิป มาปีนี้เข้าปีที่ 7 แล้ว พันทิปเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพทุกวันนี้ และทำให้ดิฉันมีรายได้ในการเลี้ยงครอบครัว แต่ดิฉันขอใช้ log in ใหม่นะคะ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ผู้ใด และเรื่องวันนี้ ดิฉันรู้สึกไม่มีที่พึ่งทางใจจริง ๆ หรือ พูดง่าย ๆ แทบไม่อยากมีลมหายใจอยู่ต่อ

ถ้าเป็นคนอื่นมองดิฉันคงจะอิจฉา ที่ดิฉันประสบความสำเร็จในเรื่องของงาน ภาพภายนอกครอบครัวที่ดี แต่มันช่างกลับกันเหลือเกิน ดิฉันต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบต่าง ๆ ไว้มากมาย ไม่ใช่ว่า ดิฉันไม่มีความสุขกับการทำงานหรอกนะคะ เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า "เหนื่อยกาย ไม่เท่าเหนื่อยใจ" หรือเปล่าค่ะ มันใช่เลยค่ะ !!!!!!!

เรียกว่าเล่าสู่กันฟัง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตแล้วกันนะคะ การดำเนินชีวิตของดิฉันอาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และจุดตัน ที่บางทีดิฉันก็คิดไม่ออกอย่างเช่นตอนนี้ ....

ดิฉันอยากเลิกกับสามี แต่ติดปัญหาเรื่องลูก คือ ดิฉันเป็นคนรักลูกมาก ไม่อยากให้ลุกมีผลกระทบกระเทือนใจในเรื่องเช่นนี้ บางคนอาจจะคิดว่าดิฉัน คิดมากหรือเปล่า คือทุกครั้งที่ดิฉันจะเดินออกมา แล้วเห็นลูกน้ำตาคลอเบ้า มันสะเทือนใจค่ะ หรือ แม้แต่เวลาคุยกันแล้วบอกเรา 2 คนอยู่กัน 2 คนได้มั๊ย เธอก็มักจะตอบแบบไม่มั่นใจ และ ลงท้ายคำว่า ทำไมอยุ่กัน 3 คนไม่ได้หรอ ล่าสุดเมื่อวานดิฉันเตรียมตัวจะออกจากบ้านเพื่อมาพักที่ร้าน ลุกสาวขอเอารูป 3 คนพ่อแม่ลุก ใส่กระเป๋าออกมาด้วย และเมื่อมองภาพ น้ำตาก็เริ่มไหล ดิฉันต้องกอดเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ลูกคิดอะไรไปไกลกว่านั้น และ พยายามที่จะพูดในเชิงบวก ให้เค้ารู้สึกดีขึ้น  ทุกท่านคงสงสัย ปัญหามันหนักขนาดนั้นเลยหรอ ....

ดิฉันมานั่งคิดทั้งคืนนะคะ ปัญหาเกิดจากใคร ???? ดิฉันผิดหรือเปล่า หรือวิธีการดำเนินชีวิตมันผิด

ดิฉันอาศัยอยุ่บ้านพ่อแม่สามีค่ะ แรกเริ่มดิฉันและสามีเคยทำธุรกิจเกมส์ มันค่อนข้างเฟื่องฟูมาก แต่ด้วยธุรกิจมันย่อมมีความอิ่มตัว ถ้าไม่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเสริม บวกกับความไม่ขยัน ซึ่งเป็นช่วงที่ดิฉันตั้งครรภ์ และใกล้คลอด ไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยในเรื่องของงานได้มาก และด้วยความอาศัยอยุ่ในบ้านพ่อแม่สามี ซึ่งสามีมักจะพูดกับดิฉันเสมอว่าอย่าคิดอะไรมาก ทำอะไรไม่ได้ ก็เลี้ยงลูกไปก่อน เด๋วเค้าจะคิดหาวิธีเอง และ เราก็อยู่มาได้ด้วยเงินอาทิตย์ละ 2000 บาท จากแม่สามี (ซึ่งจะบอกว่าดิฉันได้ใช้มั๊ย ขอแค่มีค่านม ค่าเพิร์สลุก ก็ดีใจแล้ว) เพราะค่าสันทนาการ ค่าบุหรี่ของคุณสามี คิดดูนะคะ อาทิตย์ละเท่าไหร่แล้ว แล้วเหลือเท่าไหร่ ??? ดิฉัน เลี้ยงลุกอยู่ 1 ปี รู้สึกไม่ไหวแระ ถ้าอยุ่แบบนี้ ลุกต้องไม่มีอนาคตแน่ ๆ แล้วตัวเราอีกล่ะ ชีวิตที่ไม่มีรายได้เลยนะ สามีไม่คิดจะเริ่มทำอะไร จะให้ทำงานข้างนอก เธอก็คงจะทำไม่ได้ เพราะด้วยความไม่ยอมคน อารมณ์ฉุนเฉียว ไม่มีความอดทน ดิฉันไม่ได้คิดอะไรเยอะค่ะ ตอนนั้นรู้แค่ว่า ถ้าสามีไม่ทำ แล้วตัวเราไม่ทำอีก เราจะต้องโดนกดดันทุกวันแน่เลย พ่อ แม่ลูก ยังไงเค้าเลี้ยงดูกัน แต่ดิฉันกับลูกล่ะ นั่นคือคำบ่นของแม่สามี ว่าดิฉันเหมือนเข้ามาเป็นภาระให้กับเค้า เป็นตัวเพิ่มค่าใช้จ่าย อยู่นิ่งไม่ได้ค่ะ แล้วจะทำอะไรดี คิดไปเรื่อยบอกเลย แต่ก่อนว่างก็ชอบเปิดคอม ฯ ดูค่ะ จนมาเจอ พันทิป นี่แระค่ะ ที่จุดประกายของดิฉัน ....

ดิฉันเริ่มเข้ามาสิงตัวในห้องชานเรือน แอบดูแม่ ๆ เค้าขายสินค้ามือ 2 ของลูก จนเกิดไอเดียสร้างรายได้ ซึ่งสินค้ามือ 2 ของลุกที่ดี ๆ มีช่างน้อยนิด แต่เอาก็เอา ซักตั้งนึง ได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ประสบการณ์ยังน้อยค่ะ กำไรหมดไปกับค่าจัดส่ง เมื่ออุปกรณ์ของลุกหมด เสื้อผ้าลูกดี ๆ ไม่ค่อยมีหรอกค่ะ ไม่มีปัญญาซื้อ ใส่ไม่กี่ชุด ใช้ความขยันซักเอาค่ะ ก็เริ่มคิด จะขายอะไรต่อดีนะ ถ้าเราเอามือ 2 ญี่ปุ่นมาขายดีมั๊ย ช่วงนั้นกำลังฮิตมาก....ก แต่ความคิดนั้นก็หยุดลงทันที ดิฉันไม่ชอบหลอกลวงใครค่ะ คนอื่นไม่รู้ แต่ตัวเองรู้เต็มอกค่ะ ก็เริ่มไปรื้อ เสื้อผ้าตัวเองเมื่อตอนท้องมาโพสต์ขาย โพสต์ไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง โดนยึดอมยิ้มค่ะ ตกใจมากตอนนั้น พันทิป คือ ที่พึ่งทางใจของดิฉัน เป็นศุนย์รวมที่ทำให้ดิฉันมีเพื่อนคุย มีที่ปรึกษาในการเลี้ยงลุก ไม่ได้การล่ะ โทรหาแอดมินค่ะ โทรคุยนานมาก เหตุผลในการยึดคืออะไรค่ะ ???? เหตุผลคือ ข้อความเชิญชวนมันเหมือนแม่ค้าโฆษณาขายสินค้าเกินไป และด้วยขนาดเสื้อคนคนเดียว ทำไมมีหลายขนาดจัง ดิฉันก็พยายามอธิบายนะคะ กึ่งขอร้องค่ะ เพราะมันคือความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ สุดท้ายด้วยความเมตตาของแอดมินก็ได้อมยิ้มกลับมาค่ะ ต้องขอบพระคุณอย่างมากเลยค่ะ และเมื่อสินค้าลูกหมด สินค้าแม่หมด ก็หมดทางทำมาหากินซิค่ะ มือ 1 ขายไม่ได้ จะรับมือ 2 มา ไม่ทำอยุ่แล้ว หรือ จะด้วยกลโกงใด ๆ ก็คงไม่มีอยุ่ในหัวสมอง ตอนนั้นเหมือน ฟ้ามีตา ค่ะ พันทิป เปิดห้องซื้อขาย ดิฉันเป็นแม่ค้ายุคแรกเลยก็ว่าได้ค่ะ ดิฉันเริ่มไปหางานแบรนด์แบบกิโลราคาถูก มาลงขายเพราะห้องนี้สามารถให้ขายสินค้ามือ 1 ได้ ลงทุนไม่เยอะค่ะ เริ่มไปทีละน้อย ดีใจค่ะ มีเงินเป็นของตัวเองแล้ว เริ่มมีลูกค้าประจำ จากความขยันบอกเลยค่ะ จนลุกค้าเริ่มรู้จักในวงกว้าง ถ้าดิฉันใช้ log in เดิม คงมีหลายท่านที่รู้จักดิฉัน ดิฉันเป็นแม่ยุคแรก ๆ ในห้องชานเรือนเลยก็ว่าได้ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครค่ะ แต่เห็นดิฉันบ่อย เพราะดิฉันขยันโพสต์ ดิฉันเริ่มขยับไปเปิด pantown เพราะจะได้จัดหมวดหมู่สินค้าได้ง่ายขึ้น ดูแลลูกค้าได้ง่ายขึ้น และขยับมาในกลุ่ม FB ในช่วงแรก ๆ ที่คนยังเล่นน้อย ๆ อยู่ ได้รับการตอบรับดีเกินขาดค่ะ จนทำให้ดิฉันลืมตาอ้าปากได้เลย มาถึงจุดนี้ ทุกท่านคงคิดว่า ชีวิตมีความสุขดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร??? นั่นคือเรื่องของงานค่ะ ดีเกินคาดค่ะ แต่สามีดิฉันไม่สนับสนุนด้วยเลย เค้าหาว่าดิฉันบ้างาน ไม่สนใจเค้า มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป จากการเป็นแม่บ้าน ก็เริ่มไม่ทำอะไร ....

ดิฉันจะบอกว่า ช่วงแรกที่เริ่มมาขายในกลุ่ม FB ดิฉันแทบไม่รู้จักใครเลยค่ะ แอดเพื่อนจากอีเมลที่รู้จักในการซื้อขายค่ะ ดิฉันตื่นเช้าค่ะ แม่ลูกอ่อน ตี 4 อุ้มลูกมานอนอยู่หลังคอม สามียังไม่ตื่นค่ะ ห่วงลูกกลัวลูกตื่นแล้วไมได้ยิน ตัวเองตื่นก็อุ้มลูกลงมาด้วย ลูกก็หลับไปค่ะ แม่ก็นั่งโพสต์ขายของ โพสต์เสร็จ ดิฉันก็จะไปซักผ้า เตรียมอาหารให้ลูก และกลับมาดูความเคลื่อนไหวใหม่ พอลูกตื่น ก็จัดการลูกอาบน้ำ ให้ทานข้าวให้เรียบร้อย อู้มลูกมือ พิมพ์คอมมือ หรือให้เล่นอยุ่ละแวกใกล้ ๆ ที่สายตาจะมองเห็น ของที่เป็นอันตรายทั้งหมด ดิฉันเก็บขึ้นค่ะ ไม่มีปัญญาซื้อคอกกั้นตอนนั้น เพราะยังต้องใช้จ่ายอย่างรัดกุม และ ต้องหมุนเวียนเสื้อผ้ามาขาย อีกทั้งห้องทำงานถ้าเราเก็บและทำพื้นที่ให้ดี ก็หมดห่วงค่ะ และมันคือสิ่งที่เค้าไม่พอใจ ทำไมต้องตื่นเช้าขนาดนั้น ชีวิตมันดูลำบากขนาดนั้นเลยหรอ มันไม่ลำบากค่ะ แต่ถ้าอยู่แบบนี้ เค้าเรียก ไม่มีอนาคต .... ทำงานไป ทะเลาะกันไปทุกวัน ถึงขนาดจะเผาผ้ากันเลย เพราะเค้าหาว่า หายใจเข้า "งาน" หายใจออก "ลูก"  วินาทีนั้นคิดเหมือนกันนะ เห็นเมียเหนื่อยขนาดนี้ แทนที่จะช่วยเมียทำมาหากิน น่าจะดีใจ ที่มีรายได้เป็นของตัวเอง เค้าบอกว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยค่ะ แต่ขอบอกนะคะ จากใช้เงินแม่ ก็เปลี่ยนมาใช้เงินเมียค่ะ เพราะเค้าอ้างว่าทุนบางส่วนมาจากแม่ ที่ลงทุนให้ เพื่อให้ใช้จ่ายในครอบครัวด้วยกัน เพราะฉะนั้น ทำงานได้เงินมาก็ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนทุนที่ให้ ถ้ามี ก็ต้องคืนนะคะ อืมมม.....  เพราะทุนที่ให้มาช่างน้อยนิด ถ้าไม่ขยัน เงินมันคงไม่งอก แถมเจอมารคอยขัด ช่องทางทำมาหากินตลอด อยากได้เงินค่ะ แต่ไม่อยากให้เราทำงานเยอะ และถ้าให้ช่วย ตัวเองก็ทำไม่ได้ค่ะ แพ้ฝุ่นบ้าง แบกสินค้าไปส่ง ชีวิตเหมือนกรรมกรบ้าง ปัญหาค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ทุกปัญหาคือความอดทนค่ะ เพราะไม่อยากเสียเวลาทะเลาะด้วย เสียสุขภาพจิต อยากพูดอะไรก็พูด การกระทำชนะทุกสิ่งค่ะ

ครอบครัวสามีมอง ธุรกิจแบบนี้ไม่แน่นอน มาไว ไปไว แต่สิ่งที่เค้าคิดกับไม่ใช่ค่ะ มันดีเกินคลาด คือเค้าดุจาก stock สินค้าที่ดิฉันไปรับนะคะ คงจะเริ่มคำนวณเป็นรายได้ และเริ่มต่อว่าจะขยายไปไหน แล้วก็มัวแต่ทะเลาะกัน เพราะเงินหาได้ไปจมกองกับ stock เสื้อผ้าหมด ที่ทะเลาะไม่ใช่อะไรค่ะ ดิฉันเป็นคนประหยัด เพราะเป็นคนหาเงิน ที่มาของเงินทุกเม็ด มันแลกมาด้วยความอดหลับอดนอนเลยนะ และจุดมุ่งหมายที่ดิแันลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจ เพราะต้องการให้ลุกมีอนาคตค่ะ เพราะดิฉันเคยพลาดกับการศึกษามาแล้ว เนื่องจากพ่อแม่ลูกเยอะ และดิฉันก็คิดเสมอว่า ทรัพย์ใด ๆ ไม่เท่ากับ ทรัพย์ทางปัญญา เพราะฉะนั้น จะเก็บเงินให้ลุกเรียนดี ๆ คงไม่ใช่ความผิดของดิฉัน และ อย่างที่บอกงานนี้ดิฉันสร้างมากับมือ ถึงแม้จะมีเงินลงทุนของแม่สามี แต่โดยส่วนตัวดิฉันก็คิดว่าคุ้มนะคะ แม่สามีให้เงินลงทุนดิฉันมาก้อนหนึ่ง เพื่อแลกกับเงินที่ไม่ต้องจ่ายลูกเป็นอาทิตย์ ถ้าดิฉัน ไม่คิดเริ่มจะทำอะไร และ สามี ก็ไม่คิดจะทำอะไรเช่นกัน ทุกท่านลองคิดนะคะ แม่สามีจะต้องจ่ายเงินถึงเท่าไหร่ มันอาจจะมากกว่าเงินลงทุนอันน้อยนิดก็ได้ค่ะ (หลักหมื่น) แต่อย่าเพิ่งต่อว่าดิฉัน ว่าเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคน ดิฉัน ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นค่ะ ดิฉันมี ดิฉันให้ค่ะ แม้แต่ค่าไฟในบ้านช่วยออกค่ะ เพราะเค้าว่าดิฉันใช้ไฟเยอะ และ เงินที่ stock สินค้า เค้าก็คิดว่า แทนที่มีกำไรมา จะใช้ชีวิตอย่างสบายบ้าง เช่นกินอาหารหรู ๆ ไปเที่ยวบ้าง ทำรถบ้าง คือ มันไม่ได้อยู่ในหัวสมองอ่าค่ะ เที่ยวได้นะ กินหรูแล้วบินได้หรือเปล่า ทำรถก็พอประมาณนะ คือจะบอกว่า สามีเป็นคนรักรถมากค่ะ และ เงินส่วนใหญ่หมดกับการแต่งรถ ดิฉันเคยพลาดเรื่องนี้มาครั้งหนึ่ง เพราะความบ้าแต่งรถ เมื่อครั้งที่เค้าเป็นคนหาเงิน เพราะฉะนั้น มันจะไม่เกิดค่ะ และ ดิฉันคิดว่าในต่อเมื่อ ไม่ค่อยมีคนสนับสนุนเรื่องงานเลย แต่ทำไมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เหมารวมเป็นเราต้องรับผิดชอบด้วย ถึงจุดนี้ มองโลกในแง่ดีค่ะ ยังโลกสวยอยู่ เอานะ อย่างน้อยเค้าก็มีบุญคุณ และอีกอย่างเราอยู่บ้านเค้า ถ้าทุกอย่างสบายใจ อะไรก็น่าจะดีขึ้น กับลูก ไม่ค่อยเจอปัญหาค่ะ เพราะสามีเป็นคนรักลูก แต่เมื่ออยุ่นาน ๆ สินค้าเยอะขึ้น โดนต่อว่าทุกวัน จนต้องเริ่มขยับขยาย เพราะแม่สามี บอกบ้านไม่เป็นบ้านแล้ว อยู่ไม่ได้ stock เต็มไปหมด และนี่คือจุดพลิกผัน... ค่ะ

เริ่มมองหาร้านค่ะ เลือกที่ใกล้โรงเรียนลุกที่สุด เพื่อความสะดวกในการรับส่ง มองการณ์ไกล เราจะได้ออกมาสร้างครอบครัวแล้ว ไม่เป็นดั่งใจคิดค่ะ สามีไม่อยุ่ด้วย เค้ามองว่าคับแคบ ถึงแม้ร้านจะมี 2 ขั้น และ มีห้องข้างบนถึง 2 ห้อง อยุ่ไม่ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นร้านก็คือร้าน เรายังคงต้องกลับไปนอนที่บ้านตามเดิม เปิดร้านแบบทุลักทุเล มากค่ะ ไม่เป็นดั่งใจคิดค่ะ ทำงานลำบากขึ้น เพราะทุกวันกว่าจะได้ออกจากบ้าน ถ้าวันธรรมดาที่ลุกไปโรงเรียนดีหน่อยค่ะ ส่งลูกเสร็จ มาร้านได้เลย มีเวลาเคลียร์งานเยอะหน่อย เพราะจากนี้ต่อไป คุณไม่มีสิทธิ์ได้ทำงานที่บ้านอีกแล้ว งานคือที่ร้าน บ้านคือบ้าน มาถึง ดิฉันก็จะอยู่แต่หน้าคอมค่ะ เพราะจะต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ ก่อนเวลาไปรับลูก 16.00 น. และ สอนการบ้านลูก อยู่กับลูก ไม่สามารถทำงานได้ล่ะ ส่วนสามี เค้าจะอ้างว่าเค้าต้องทำงาน มาถึงร้านขึ้นข้างบน ลงมาตอนหิว และถามว่า ต้องทำอะไรบ้าง เสร็จรับลูก พอฟ้าเริ่มมืด เรียกกลับบ้าน บอกเลย เป็นช่วงตกต่ำของงานเลยค่ะ คือ ดิฉันคิดผิดค่ะ คิดว่าเค้าจะช่วยดิฉันขายของหน้าร้านบ้าง ไม่เลย เค้าไม่ชอบค่ะ เค้าอยากทำงานที่เค้าถนัด แต่ไม่ก่อเกิดรายได้ พูดจนไม่อยากพูดค่ะ สุดท้ายดิฉันปล่อยค่ะ คุณไม่อยากให้ดิฉันทำงานเยอะใช่มั๊ย ดิฉันไม่ทำแระ แต่คุณอยากให้ร้านอยู่ได้ เพราะถ้าปิดร้าน คุณเสียหน้า เพราะโฆษณากับเพื่อนไว้เยอะ คุณก็ไปหาเงินมาต่อลมหายใจเองนะ เพราะดิฉันไม่มีเวลาทำงาน และ ดิฉันจะหาเงินมาจากไหน เริ่มคิดได้ค่ะ ไม่ขวางการทำงานแระ เพราะตัวเอง จะต้องไปขอเงินพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะบรรรยายความทุกข์ในใจให้ฟัง และ ก็หาว่าดิฉันทำอะไรใหญ่เกินตัว จะ Stock ทำไมเสื้อผ้าเยอะ ๆ รายได้ไม่แน่นอน ก็ส่งลูกเรียนนั่น เรียนนี่ คือ จะบอกมันใช่ประเด็นหรือเปล่า ทำไม ไม่สอนให้ลูกรู้จักทำมาหากิน ....เห้อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ดิฉันว่าพ่อสามีคุณอยากได้เงินลงทุนคืนนะคะ  ถ้าเป็นดิฉันจะคืนเงินเขาไปให้หมด จะได้ไม่ต้องมามีบุญคุณต่อกันอีก

ต่อไปเค้าก็จะว่าเราไม่ได้แล้วว่า เอาเงินเขามาลงทุน เอามาจมกับสินค้า  ดูแล้วคุณขายมานานน่าจะขายดีมีกำไรบ้างค่อยๆเก็บเป็นก้อนคืนเขาไปเลยค่ะ

สามีคุณนี่ก็ไม่รู้จักออกไปทำมาหากินบ้างเลยหรอค่ะ  จะเกาะพ่อแม่ เกาะเมียกินไปตลอดหรือไง  ถ้าทนไม่ไหวก็เลิกเถอะค่ะ สักวันลูกคงเข้าใจเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่