สวัสดีครับทุกคน กระทู้นี้จะเป็นกระทู้รีวิวการไป
Work & Travel (WAT) ที่ Six flags Discovery Kingdom, CA ของเฟรชชี่ปี 1 ใสๆครับ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย : )
ตัวเรากับเพื่อนๆได้คุยกันตั้งแต่ตอนไปที่โน่นแล้วว่ากลับมาจะทำกระทู้รีวิวการพจญภัยครั้งนี้ แต่เวลาผ่านไปหนึ่งปีก็ยังไม่ได้ทำครับ 55555
เนื่องจากเรียนกันยุ่งมากมาย ขนาดนัดตี้ (Party) กันยังล่มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนล่าสุดมีเพื่อนคนที่ไปด้วยกันทำกระทู้รีวิวขึ้น เลยนึกขึ้นได้ว่าเราก็มีรูปมากมายที่จะรีวิวเหมือนกัน (เพราะตั้งใจจะกลับมารีวิวตั้งแต่แรก) เลยมีทั้งรูปทั้งวิดีโอมากมาย ไปเป็นเวลาเกือบๆ 4 เดือน ถ่ายรูปไปประมาณ 7,000-8,000 รูป ยังไงก็ฝากไว้ สำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะเข้าร่วมโครงการหรือเอาไว้เป็นแนวทางในการท่องเที่ยวนะครับ กระทู้นี้อาจจะมีรูปที่ทั้งเหมือนและต่างจากกระทู้ของเพื่อนครับ เพราะมีทั้งที่ไปเที่ยวด้วยกันและไม่ได้ไป
**ยูสนี้เป็นของเพื่อนที่ร่วมชะตาชีวิตด้วยกันนะครับ เดี๋ยวจะช่วยกันอัพเดททีหลัง
# All photos in this topic were taken by iPhone5s
รูปทั้งหมดใช้ iPhone5s ถ่ายนะครับ ไม่มีการตกแต่งภาพนะครับ (เยอะเกิน 5555)
* เกริ่นมาพอสมควรแล้วก็ขอเริ่มการรีวิวการไป WAT ครั้งนี้เลยนะครับ
เป้าหมายในการไปครั้งนี้คือ
ฝึกภาษา และลองใช้ชีวิตทำงานครับ และกะได้เงินกลับมานิดหน่อย (แต่สิ่งที่ได้นี่ตรงกันข้ามเกือบจะหมด เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะครับ 555555)
แผนการเดินทางทั้งหมดคือ
BKK > Japan > LA > SFO > LA > Nevada > Arizona > LA > SFO > LA ครับ งงเลยใช่ไหม 5555
เริ่มต้นด้วยตอนออกเดินทางครับ ไปครั้งนี้กับ Agency AcaXXX เป็นเอเจนซี่ที่ราคาเกือบจะแพงที่สุดในทั้งหมดแล้วครับ แต่พอดีสำนักงานอยู่ใกล้มหาลัย
และมีไซต์งานที่ชอบ ก็เลยเลือกไปกับเอเจนนี้ครับ ส่วนตัวเราสมัครค่อนข้างช้าเลยค่อนข้างแพง ประมาณ 42,000 ครับถ้าจำไม่ผิดนะ (สมัครประมาณเดือน พ.ค. บินตอน 27 มี.ค.) เราเลือกบินกับ Delta (เพราะแพลนจะเที่ยวญี่ปุ่นตอนขากลับ) ตั๋วเลยราคาพุ่งมากๆๆ ที่ราคา 53,000 ครับ
เกือบๆจะบินสายการบินอื่นได้ 2 รอบแล้ว -_-
#
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไกลที่สุดในชีวิต และเป็นการเดินทางไปอเมริกาครั้งแรก ใช้เวลาทั้งหมด 19 ชม.
บินคนเดียวครั้งแรกด้วย ตื่นเต้นมากกลัวหลงตอนเปลี่ยนเครื่อง 5555
# สภาพหน้า Gate ครับ เป็นสนามบินที่เดินไกลมากกก กว่าจะถึงเกท
# สภาพที่นั่ง economy class ของ Delta เดินทางตอนตี 5.30 ครับ เช้ามาก ตอนขาไปนั่งติดกับคนจีน เขาพยายามจะคุยกับเราเข้าใจว่าเรามาเที่ยวไทยและกำลังจะกลับ พอเริ่มชวนคุยเยอะๆเราเลยแกล้งหลับไปเลย 5555
# กำลังออกเดินทางไปญี่ปุ่นแล้วครับ
# ถึงญี่ปุ่นแล้วววฝนกำลังตก และส่วนตัวไม่เคยมาสนามบินนาริตะมาก่อนครับ
นี่เป็นครั้งแรก มีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 3 ชม.
# สภาพหน้าเกทรอเปลี่ยนเครื่องของสนามบินนาริตะครับ
Ps. 3 ชม. สำหรับนาริตะนี่เหลือเฟือมากครับ ไปดำน้ำดูปะการังแล้วค่อยกลับมาก็ยังทัน ระยะทางในการเปลี่ยนเกทใกล้กันครับ
# ถึงเวลาออกเดินทางไป LA แล้วครับ ไฟลท์นี้ใช้เวลาประมาณ 9 ชม. ส่วนตัวเป็นคนหลับบนเครื่องไม่ได้ นอนไปประมาณ 1-2 ชม. เหนื่อยมาก
# ถึงสนามบิน LAX ของอเมริกาแล้วคร้าบบบ ต้องขอบอกว่าน้ำตาจะไหล (เว่อร์มั้ย) มองออกมาแล้วตัวเองอยู่ในประเทศที่ใฝ่ฝันอยากไปตั้งแต่ ป.6 ปริ่มมาก ตอนไปถึงเป็นเวลาประมาณ 8-9 โมงของวันเดิมทางฝั่งเอเชีย ตอนนั้นสภาพเริ่มล้านิดๆ แต่การพจญภัยยังไม่จบ
# ทางเดินระหว่างผ่าน Immigration ของ LAX เพื่อไปเปลี่ยนเครื่องเดินทางไป San Francisco (SFO) ครับ
ระหว่างทางมีคนมาถามทางตลอดว่าต้องเปลี่ยนเครื่องที่ไหนอะไรยังไง เดินตามบ้าง เพราะตอนแรกเขาเข้าใจว่ามาจากอเมริกากำลังเดินทางกลับเข้าอเมริกา ไม่ใช่เดินทางไป
ซึ่งเราก็ตอบไปอย่างมั่นใจครับว่าเราไม่รู้ 55555 อันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นสกิลส่วนตัวที่ใช้เวลาเดินทางครับ จะไม่ให้ใครรู้ทั้งนั้นว่าเราหลง จะพยายามไม่ถามหรือทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว
# ตอนนี้อยู่ที่ Terminal 5 ครับ เป้าหมายคือ Terminal 1 (ถ้าจำไม่ผิด) มีทั้งหมด 7 Terminals
*สนามบิน LAX เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกครับ เพราะเป็นด่านแรกเข้าอเมริกา (บินมาจากเอเชีย)
มีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 1.30 ชม.ครับ ขอบอกว่าก่อนไปอ่านรีวิวมาพอสมควร ว่า
ห้ามแวะ ห้ามอะไรทั้งสิ้น เพราะระยะห่างของ terminal ไกลกันมากกกก เลยกลัวมากครับ กลัวตกเครื่อง 55555555
# มาถึงด่าน Immigration แล้ววว ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ยืนรอคิว ตรวจพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่จะถามว่ามาทำอะไร โดยเราก็ยื่นเอกสารการทำงานให้ดูครับ ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านฉลุย *ต้องขอบอกว่าแอบกลัวจนท.ของอเมริกา เพราะหน้าตาจะค่อยข้างดุ ไม่ค่อยยิ้มซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีอะไรครับ
# ผ่านด่านมาก็ต้องมารอเอากระเป๋า ซึ่งตอนไปเอาไปใบเดียวครับ 25.5kg (จนท.ที่ไทยใจดีให้เกินได้นิดหน่อยจากปกติ 23kg)
หลังจากเอากระเป๋าแล้วก็ต้องลากกระเป๋าเพื่อเดินเปลี่ยน terminal ... จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ transfer กระเป๋าให้เลย
# เราก็ต้องลากกระเป๋า พร้อมกระเป๋าแบ็คแพค จนถึงจุดที่มีจนท.รอรับกระเป๋า หลังจากนั้นก็เดินเปลี่ยน terminal ไปครับ ระยะทางไกลพอสมควร เดินขึ้นๆลงๆ เยอะมากจนถึง
# พอถึงตรง security check ก็ตกใจมาก เพราะคนเยอะมากกกกกกก ในใจคิดว่าถ้าไม่ทันต้องทำยังไง คิดไปโน่นไปนี่
[CR] [REVIEW] Work & Travel - Six flags Discovery Kingdom และการท่องเที่ยวฉบับเด็กเวิร์ค (SF/LA/NV/AZ)
สวัสดีครับทุกคน กระทู้นี้จะเป็นกระทู้รีวิวการไป Work & Travel (WAT) ที่ Six flags Discovery Kingdom, CA ของเฟรชชี่ปี 1 ใสๆครับ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย : )
ตัวเรากับเพื่อนๆได้คุยกันตั้งแต่ตอนไปที่โน่นแล้วว่ากลับมาจะทำกระทู้รีวิวการพจญภัยครั้งนี้ แต่เวลาผ่านไปหนึ่งปีก็ยังไม่ได้ทำครับ 55555
เนื่องจากเรียนกันยุ่งมากมาย ขนาดนัดตี้ (Party) กันยังล่มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนล่าสุดมีเพื่อนคนที่ไปด้วยกันทำกระทู้รีวิวขึ้น เลยนึกขึ้นได้ว่าเราก็มีรูปมากมายที่จะรีวิวเหมือนกัน (เพราะตั้งใจจะกลับมารีวิวตั้งแต่แรก) เลยมีทั้งรูปทั้งวิดีโอมากมาย ไปเป็นเวลาเกือบๆ 4 เดือน ถ่ายรูปไปประมาณ 7,000-8,000 รูป ยังไงก็ฝากไว้ สำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะเข้าร่วมโครงการหรือเอาไว้เป็นแนวทางในการท่องเที่ยวนะครับ กระทู้นี้อาจจะมีรูปที่ทั้งเหมือนและต่างจากกระทู้ของเพื่อนครับ เพราะมีทั้งที่ไปเที่ยวด้วยกันและไม่ได้ไป
**ยูสนี้เป็นของเพื่อนที่ร่วมชะตาชีวิตด้วยกันนะครับ เดี๋ยวจะช่วยกันอัพเดททีหลัง
# All photos in this topic were taken by iPhone5s
รูปทั้งหมดใช้ iPhone5s ถ่ายนะครับ ไม่มีการตกแต่งภาพนะครับ (เยอะเกิน 5555)
* เกริ่นมาพอสมควรแล้วก็ขอเริ่มการรีวิวการไป WAT ครั้งนี้เลยนะครับ
เป้าหมายในการไปครั้งนี้คือฝึกภาษา และลองใช้ชีวิตทำงานครับ และกะได้เงินกลับมานิดหน่อย (แต่สิ่งที่ได้นี่ตรงกันข้ามเกือบจะหมด เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะครับ 555555)
แผนการเดินทางทั้งหมดคือ BKK > Japan > LA > SFO > LA > Nevada > Arizona > LA > SFO > LA ครับ งงเลยใช่ไหม 5555
เริ่มต้นด้วยตอนออกเดินทางครับ ไปครั้งนี้กับ Agency AcaXXX เป็นเอเจนซี่ที่ราคาเกือบจะแพงที่สุดในทั้งหมดแล้วครับ แต่พอดีสำนักงานอยู่ใกล้มหาลัย
และมีไซต์งานที่ชอบ ก็เลยเลือกไปกับเอเจนนี้ครับ ส่วนตัวเราสมัครค่อนข้างช้าเลยค่อนข้างแพง ประมาณ 42,000 ครับถ้าจำไม่ผิดนะ (สมัครประมาณเดือน พ.ค. บินตอน 27 มี.ค.) เราเลือกบินกับ Delta (เพราะแพลนจะเที่ยวญี่ปุ่นตอนขากลับ) ตั๋วเลยราคาพุ่งมากๆๆ ที่ราคา 53,000 ครับ
เกือบๆจะบินสายการบินอื่นได้ 2 รอบแล้ว -_-
# การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไกลที่สุดในชีวิต และเป็นการเดินทางไปอเมริกาครั้งแรก ใช้เวลาทั้งหมด 19 ชม.
บินคนเดียวครั้งแรกด้วย ตื่นเต้นมากกลัวหลงตอนเปลี่ยนเครื่อง 5555
# สภาพหน้า Gate ครับ เป็นสนามบินที่เดินไกลมากกก กว่าจะถึงเกท
# สภาพที่นั่ง economy class ของ Delta เดินทางตอนตี 5.30 ครับ เช้ามาก ตอนขาไปนั่งติดกับคนจีน เขาพยายามจะคุยกับเราเข้าใจว่าเรามาเที่ยวไทยและกำลังจะกลับ พอเริ่มชวนคุยเยอะๆเราเลยแกล้งหลับไปเลย 5555
# กำลังออกเดินทางไปญี่ปุ่นแล้วครับ
# ถึงญี่ปุ่นแล้วววฝนกำลังตก และส่วนตัวไม่เคยมาสนามบินนาริตะมาก่อนครับ นี่เป็นครั้งแรก มีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 3 ชม.
# สภาพหน้าเกทรอเปลี่ยนเครื่องของสนามบินนาริตะครับ
Ps. 3 ชม. สำหรับนาริตะนี่เหลือเฟือมากครับ ไปดำน้ำดูปะการังแล้วค่อยกลับมาก็ยังทัน ระยะทางในการเปลี่ยนเกทใกล้กันครับ
# ถึงเวลาออกเดินทางไป LA แล้วครับ ไฟลท์นี้ใช้เวลาประมาณ 9 ชม. ส่วนตัวเป็นคนหลับบนเครื่องไม่ได้ นอนไปประมาณ 1-2 ชม. เหนื่อยมาก
# ถึงสนามบิน LAX ของอเมริกาแล้วคร้าบบบ ต้องขอบอกว่าน้ำตาจะไหล (เว่อร์มั้ย) มองออกมาแล้วตัวเองอยู่ในประเทศที่ใฝ่ฝันอยากไปตั้งแต่ ป.6 ปริ่มมาก ตอนไปถึงเป็นเวลาประมาณ 8-9 โมงของวันเดิมทางฝั่งเอเชีย ตอนนั้นสภาพเริ่มล้านิดๆ แต่การพจญภัยยังไม่จบ
# ทางเดินระหว่างผ่าน Immigration ของ LAX เพื่อไปเปลี่ยนเครื่องเดินทางไป San Francisco (SFO) ครับ
ระหว่างทางมีคนมาถามทางตลอดว่าต้องเปลี่ยนเครื่องที่ไหนอะไรยังไง เดินตามบ้าง เพราะตอนแรกเขาเข้าใจว่ามาจากอเมริกากำลังเดินทางกลับเข้าอเมริกา ไม่ใช่เดินทางไป ซึ่งเราก็ตอบไปอย่างมั่นใจครับว่าเราไม่รู้ 55555 อันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นสกิลส่วนตัวที่ใช้เวลาเดินทางครับ จะไม่ให้ใครรู้ทั้งนั้นว่าเราหลง จะพยายามไม่ถามหรือทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว
# ตอนนี้อยู่ที่ Terminal 5 ครับ เป้าหมายคือ Terminal 1 (ถ้าจำไม่ผิด) มีทั้งหมด 7 Terminals
*สนามบิน LAX เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกครับ เพราะเป็นด่านแรกเข้าอเมริกา (บินมาจากเอเชีย)
มีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 1.30 ชม.ครับ ขอบอกว่าก่อนไปอ่านรีวิวมาพอสมควร ว่า ห้ามแวะ ห้ามอะไรทั้งสิ้น เพราะระยะห่างของ terminal ไกลกันมากกกก เลยกลัวมากครับ กลัวตกเครื่อง 55555555
# มาถึงด่าน Immigration แล้ววว ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ยืนรอคิว ตรวจพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่จะถามว่ามาทำอะไร โดยเราก็ยื่นเอกสารการทำงานให้ดูครับ ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านฉลุย *ต้องขอบอกว่าแอบกลัวจนท.ของอเมริกา เพราะหน้าตาจะค่อยข้างดุ ไม่ค่อยยิ้มซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีอะไรครับ
# ผ่านด่านมาก็ต้องมารอเอากระเป๋า ซึ่งตอนไปเอาไปใบเดียวครับ 25.5kg (จนท.ที่ไทยใจดีให้เกินได้นิดหน่อยจากปกติ 23kg)
หลังจากเอากระเป๋าแล้วก็ต้องลากกระเป๋าเพื่อเดินเปลี่ยน terminal ... จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ transfer กระเป๋าให้เลย
# เราก็ต้องลากกระเป๋า พร้อมกระเป๋าแบ็คแพค จนถึงจุดที่มีจนท.รอรับกระเป๋า หลังจากนั้นก็เดินเปลี่ยน terminal ไปครับ ระยะทางไกลพอสมควร เดินขึ้นๆลงๆ เยอะมากจนถึง
# พอถึงตรง security check ก็ตกใจมาก เพราะคนเยอะมากกกกกกก ในใจคิดว่าถ้าไม่ทันต้องทำยังไง คิดไปโน่นไปนี่